'เฮ็ดดิ คราฟท์' แบรนด์ที่ปลุกชีวิต ทุนพื้นถิ่นLocal Enterprise ผู้พิการ
“ปลุกชีวิตผมมาก” เป็นคำตอบของคำถามที่ว่า “เข้าร่วมโครงการแล้วเป็นอย่างไร” จึงเป็นหนึ่งในบทพิสูจน์ความสำเร็จของ “หลักสูตรการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่น” ในโครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ มจธ. ได้เป็นอย่างดี
กอล์ฟ-โชคชัย งอยภูธร อายุ 30 ปี ผู้พิการทางการเคลื่อนไหว เล่าให้ฟังว่า เมื่อปี 2554 ประสบอุบัติเหตุตกรถไถนา มีเลือดคลั่งในสมองต้องผ่าตัด หลังจากนั้นจึงไม่สามารถเดินได้ ใช้วีลแชร์เป็นหลัก ชีวิตแต่ละวันอยู่เฉพาะที่บ้านมาเป็นเวลา 13 ปี ไม่ออกไปไหน ไม่ได้ทำงานอะไร เรียกได้ว่า “ตัดจากสังคม ไม่กล้าที่จะออกสู่โลกภายนอก”
เปลี่ยนความคิด”เห็นศักยภาพตัวเอง”
กระทั่ง อาจารย์จากมจธ. มาชักชวนให้เข้าร่วมโครงการฯ ช่วงแรกก็ยังลังเลเพราะไม่ได้เข้าสังคมมานานนับ 10 ปี แต่อาจารย์ก็พูดให้กำลังใจ จนตัดสินใจ “ลองดู” ว่าจะสามารถพัฒนาตนเองและทำงานร่วมกับคนอื่นๆได้หรือไม่
“เมื่อได้ออกจากบ้านมาเข้าร่วมกับโครงการ เห็นผู้พิการคนอื่นยังทำงานได้ ความคิดผมก็เปลี่ยนไป เมื่อก่อนคิดว่าตัวเองไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะพิการ แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าเป็นความคิดที่ดูถูกตัวเองเกินไป เรายังสามารถพัฒนาตัวเองและทำสิ่งต่างๆได้อีกมากมาย มีเพื่อนมากขึ้น มีรายได้จากการทำงานของตัวเอง เห็นศักยภาพตัวเอง”กอล์ฟกล่าว
หลังได้รับการฝึกอบรมจากหลักสูตรนี้ของมจธ. ทำให้กอล์ฟ และผู้พิการในบ้านนางอย-โพนปลาโหล ต.เต่างอย อ.เต่างอย จ.สกลนคร รวม 12 คน ร่วมกันสร้าง “เฮ็ดดิ คราฟท์” แบรนด์สินค้าหัตถกรรมฝีมือคนพิการ สู่ผู้ประกอบการในพื้นที่ (Local Enterprise) เน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่แตกต่าง สร้างอาชีพ สร้างรายได้ เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ผลิตภัณฑ์ภายใต้ Zero Waste
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ทั้ง ผงสีธรรมชาติจากพืช สีเทียน เทียนหอม เชือกถัก เสื้อ กระเป๋าผ้าย้อมสีธรรมชาติ เป็นการต่อยอดจากผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่นสู่ “ผงสีธรรมชาติจากพืช” เป็นผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์แปลกใหม่ ที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับวัตถุดิบในท้องถิ่น โดยนำวัสดุเหลือทิ้งจากธรรมชาติมาผลิต ภายใต้แนวคิด Zero Waste ที่ไม่เหลือขยะทิ้งไว้
ผงสีธรรมชาติจากพืชในพื้นที่ เช่น คราม ฝาง สาบเสือ หูกวาง หางนกยูง ดาวเรือง ฝักคูน เปลือกประดู่ มะม่วง เพกา และเมล็ดคำแสด สามารถนำไปเป็นส่วนผสมทำผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้หลากหลาย อาทิ เทียนหอม ธูปหอม โดยเฉพาะสีเทียน เป็นสูตรที่ทางกลุ่มคนพิการได้ทำวิจัย คิดค้นและพัฒนาขึ้นเอง ถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของกลุ่มเฮ็ดดิ คราฟท์ที่มีลักษณะเป็นก้อนแตกต่างจากสีเทียนแบบเดิม ผู้สนใจผลิตภัณฑ์ติดต่อแอดมินเพจเฟซบุ๊ก Heddi Craft
ทำงานมีรายได้ด้วยตนเอง
แม้รายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จะยังมีไม่มากนัก ตั้งเป้าจะทำยอดขายให้ได้เดือนละ 5,000 บาท แต่สมาชิกกลุ่มทุกคนมีรายได้จากการทำงาน โดยได้รับค่าแรงจากการจ้างงานเชิงสังคมตามมาตรา 35 พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550 ภายใต้การประสานของสำนักงานจัดหางานจังหวัดสกลนคร วันละกว่า 300 บาท
ในส่วนของกอล์ฟเองที่เป็นแอดมินเพจ ไลน์และกำลังเรียนรู้เรื่องการตลาดออนไลน์ด้วย มีรายได้ราวเดือนละ 9,000 บาท ตอนนี้เริ่มมีเงินเก็บจำนวนหนึ่งแล้ว ไม่เพียงภูมิใจในตัวเองแต่ครอบครัวก็ภูมิใจด้วยที่เขาสามารถหาเงินได้ด้วยตัวเอง
ไม่เพียงเท่านี้ กลุ่มผู้พิการยังได้รับโอกาสเป็นผู้ช่วยอาจารย์ ในการสอนกระบวนการทำผงสีธรรมชาติ ให้กับนักศึกษา NAFA (Nanyang Academy of Fine Arts) จากประเทศสิงคโปร์ ที่มาร่วมทำ workshopด้วย
“โครงการนี้ปลุกชีวิตผมมาก เปลี่ยนไปจากที่ทำอะไรไม่ได้ คิดดูถูกตัวเอง ไม่คิดอยากทำอะไร อยู่แต่ในบ้าน เมื่อเริ่มมีรายได้จากการทำงาน ทุกวันนี้ทำให้มีเป้าหมายในชีวิต อยากเดินได้โดยปัจจุบันเข้าฟื้นฟูที่ศูนย์สิรินธรของกรมการแพทย์ และอยากสร้างบ้านของตัวเอง”กอล์ฟบอกถึงเป้าหมายชีวิต
Local Enterpriseของผู้พิการ
ผศ. ดร.บุษเกตน์ อินทรปาสาน อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มจธ. กล่าวว่า การที่สมาชิกตกลงร่วมกันเป็นผู้ประกอบการ Local Enterprise แม้จะยังไม่ได้เป็น Social Enterprise ถือเป็น startup ในเชิงการสร้างอาชีพให้คนพิการ ที่ทุกคนเลือกเป็นผู้ถือหุ้นกันเอง 100%
ต่อไปมหาวิทยาลัยจะเป็นเพียงพี่เลี้ยงหรือที่ปรึกษา ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องผลกำไรกับทางกลุ่ม ถือเป็นความสำเร็จหนึ่งของ Sustainable Development Goals (SDGs) ในการมีคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน การสร้างอาชีพและสร้างรายได้
ส่วนสิ่งที่มหาวิทยาลัยได้รับจากการจัดทำหลักสูตรนี้ คือ สามารถตอบโจทย์ของมหาวิทยาลัยที่มุ่งพัฒนามหาวิทยาลัยเป็น The Sustainable Entrepreneurial University รวมถึงการสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนกับมหาวิทยาลัย
ก้าวต่อไปของเฮ็ดดิ คราฟท์ ผศ. ดร.บุษเกตน์ บอกว่า อยู่ที่การหาตลาดใหม่ๆ นอกจากกลุ่มเป้าหมายที่เป็นสถาบันการศึกษา เพราะการตลาดนั้นจะต้องหาลูกค้าให้ได้ก่อนว่าลูกค้าของเราเป็นใคร แล้วค่อยมาทำผลิตภัณฑ์ที่จะตอบโจทย์ลูกค้า โดยได้รับความร่วมมือจากคุณศิริวัฒน์ คันทารส รองเลขาธิการมูลนิธิสถาบันราชพฤกษ์ และศิริพัฒน์ กล่ำกลิ่น ที่ปรึกษาและวิทยากรสถาบันพัฒนาและทดสอบทักษะดิจิทัล(DDTI) ในการให้ความรู้และร่วมพัฒนาทางการตลาด
นอกจากนี้ อยู่ระหว่างขั้นตอนการเปรียบเทียบหลักสูตรกับประสบการณ์วิชาชีพ เพื่อดำเนินการเรื่องมาตรฐานคุณวุฒิวิชาชีพด้านการทำผลิตภัณฑ์ชุมชน หรือของที่ระลึก และการพัฒนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้ศึกษาดูงานของชุมชนที่ต่างจากกลุ่มอื่นในพื้นที่ และจากการเป็นเทรนด์เดอะเทรนด์เนอร์ให้กับนักศึกษามหาวิทยาลัย NAFA พวกเขาจะนำความรู้ที่ได้รับไปจัดนิทรรศการที่สิงคโปร์ จะเป็นเครดิตของคนพิการเฮ็ดดิ ซึ่งพูดถึงการได้มาลงพื้นที่ในเชิงมหาวิทยาลัยกับชุมชน อาจมีการนำไปต่อยอดเกิดการออกแบบนวัตกรรมใหม่ๆ
ปิดข้อจำกัดการจ้างงานผู้พิการ
รศ. ดร. สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดี มจธ. กล่าวว่า จากที่คณะทำงานโครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ มจธ.ที่ได้ดำเนินโครงการฝึกอบรม-ฝึกงานคนพิการเพื่อเตรียมความพร้อมให้คนพิการเข้าสู่การทำงานในสถานประกอบการ ตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งจากข้อมูลการวิจัย พบว่า แม้ว่ามีคนพิการที่ได้รับการจ้างงานมากกว่า 50 % ของผู้เข้าร่วมโครงการฯ แต่มีคนพิการส่วนหนึ่งมีความต้องการประกอบอาชีพอิสระ
และมีข้อจำกัดต่อการทำงานในสถานประกอบการ เช่น การเดินทางไปทำงาน ไม่มีวุฒิการศึกษา หรืออายุที่มากเกินไป เป็นต้น จึงได้จัดหลักสูตรการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่น โดยฝีมือคนพิการ ณ ศูนย์การเรียนรู้บ้านนางอย-โพนปลาโหล อ.เต่างอย จ.สกลนคร ในการกำกับดูแลของ มจธ. เริ่มต้นเมื่อปี 2564 เพื่อเพิ่มศักยภาพคนพิการที่ต้องการทำงานอาชีพอิสระและอยู่ในพื้นที่ห่างไกล
นับเป็นหลักสูตรนำร่องที่จัดอบรมขึ้นในพื้นที่ต่างจังหวัด และยังเป็นการทำงานร่วมกับชุมชนผ่านเครือข่ายต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน จัดขึ้นเพื่อให้คนพิการที่ช่วยเหลือตัวเองได้ สามารถสร้างคุณค่าทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สร้างรายได้ สร้างคุณค่าทางจิตใจและสังคมวัฒนธรรม ด้วยทุนที่มีอยู่ในพื้นที่ และให้เกิดความภาคภูมิใจในตัวเองได้
การดำเนินงานของหลักสูตรฯ กลุ่มคนพิการจะได้รับการบ่มเพาะทั้งในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เป็นระยะเวลา 6 เดือน หรือ 600 ชั่วโมง โดยคนพิการจะไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ และได้รับเบี้ยเลี้ยง อาหารกลางวัน และค่าเดินทางตลอดระยะเวลาในการฝึกอบรม
คนพิการจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับพื้นฐานความรู้ที่จำเป็น เช่น การออกแบบผลิตภัณฑ์เบื้องต้น การออกแบบชิ้นงาน การใช้สี การถ่ายภาพผลิตภัณฑ์ การสื่อสารกับลูกค้า การใช้สื่อสังคมออนไลน์ การทำตลาด การทำบัญชี การคำนวณต้นทุน การตั้งราคา การบริหารจัดการธุรกิจ นอกจากนี้ ยังได้โอกาสเรียนรู้ การต่อยอดด้านความคิดสร้างสรรค์จากกลุ่มศิลปิน อินฟลูเอนเซอร์ และผู้ประกอบธุรกิจด้านงานคราฟท์ ทำให้ได้ผลงานที่มีความสวยงามและแปลกใหม่ ยกระดับสู่ผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น สามารถเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ ตรงใจผู้บริโภค
จากความสำเร็จนี้ มจธ.จึงเตรียมต่อยอดขยายผลนำ“เฮ็ดดิโมเดล” ออกไปสู่ชุมชนอื่นๆ ที่สนใจต่อไป
กว่าจะมาเป็น“เฮ็ดดิ คราฟท์”
ผศ.วรนุช ชื่นฤดีมล อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มจธ. และหัวหน้าหลักสูตรฯ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า จากระยะเวลาการดำเนินงานกว่า 3 ปี ตั้งแต่ปี 2564 - 2566 มีคนพิการที่เข้ารับการอบรมในหลักสูตรนี้ทั้งสิ้น 43 คน ส่วนใหญ่เป็นคนพิการด้านการเคลื่อนไหว แขนขาอ่อนแรง สายตาเลือนรางและพิการทางการได้ยิน แบ่งเป็น
- รุ่นที่ 1 จำนวน 19 คน ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
- รุ่นที่ 2 จำนวน 12 คน และรุ่นที่ 3 จำนวน 12 คน ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ตามพ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพคนพิการ มาตรา 35
“ความน่าสนใจของหลักสูตรฯ นี้ คือ การพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างภูมิปัญญาชาวบ้านกับองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ การออกแบบผลิตภัณฑ์และนวัตกรรม ของ มจธ. พัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพิ่มขึ้น ถือเป็นการผสมผสานกันระหว่างเทคโนโลยีกับภูมิปัญญาชาวบ้านจนเกิดเป็นองค์ความรู้ใหม่ขึ้นให้กับชุมชน และแม้จะเป็นกลุ่มเปราะบางที่เป็นคนพิการ แต่จุดเริ่มต้นความสำเร็จของคนกลุ่มนี้ คือ อยากทำ อยากฝึกและมีความตั้งใจ” ผศ.วรนุชกล่าว
หลักสูตรมีกำหนดรูปแบบไว้ในแต่ละปี โดยปีที่ 1 จะเป็นการฝึกพื้นฐานความรู้ที่จำเป็นทุกอย่าง ปรับ mind set การสร้างความมั่นใจในตนเอง การสื่อสาร และการเข้าสังคม รวมถึงสอนการออกแบบ การถักทอและการย้อมคราม
ปีที่ 2 เป็นการสอนทักษะงานฝีมือและเปลี่ยนจากครามเป็นการใช้สีธรรมชาติที่ได้จากท้องถิ่น เช่น ดอกฝักคูน ดาวเรือง ฝาง และพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมาเป็นรูปต่างๆ ตามจินตนาการ เพื่อสร้างจุดเด่นให้กับผลิตภัณฑ์ของกลุ่มมากขึ้น จะทำให้เขารู้ว่าตัวเองชอบหรือถนัดอะไร
ปีที่ 3 กลุ่มก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการด้วยทุนและการบริหารจัดการด้วยตนเอง โดยการคัดเลือกคนที่พร้อม มีทักษะสามารถจะเป็นผู้ประกอบการได้ด้วยตัวเองและสามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้สามารถทำงานระบบออฟฟิศได้ กลายเป็นแบรนด์“เฮ็ดดิ คราฟท์”