แชร์ทริค! ใช้ชีวิตอย่างไร? ให้ไม่ 'ติดแกลม ติดสบาย ไม่ติดหนี้'

แชร์ทริค! ใช้ชีวิตอย่างไร? ให้ไม่ 'ติดแกลม ติดสบาย ไม่ติดหนี้'

กลายเป็นกระแสข่าวใหญ่ติดต่อกันหลายวัน เมื่อการใช้ชีวิตติดแกลม ของดาราสาวท่านหนึ่ง จนนำมาสู่ปมหนี้  62 ล้านบาท

KEY

POINTS

  • "ติดแกล

กลายเป็นกระแสข่าวใหญ่ติดต่อกันหลายวัน เมื่อการใช้ชีวิตติดแกลม ของดาราสาวท่านหนึ่ง จนนำมาสู่ปมหนี้  62 ล้านบาท  การ “ติดแกลม ติดหรู ติดสบาย” เป็นเรื่องที่ใครๆ ก็ทำได้หากคนๆ นั้น มีเงินมากมายมหาศาล และเป็นเงินของตัวเอง แต่หากเป็นการใช้เงินเกินตัว และมีพฤติกรรม “ติดแกลม” จนนำมาสู่ “ติดหนี้” และถ้าไปหยิบยืมผู้อื่น แล้วไม่คืน เข้าข่ายฉ้อโกง อาจทำให้ “ติดคุก” ได้

วันนี้ “กรุงเทพธุรกิจ”จะชวนมาทำความรู้จักกับคำว่า “ติดแกลม”  ซึ่งคำว่าติดแกลม ถือเป็นศัพท์ใหม่ในโลกโซเชียลในปัจจุบัน ที่ชาวเน็ตไทยได้นำมาใช้โดยให้ความหมาย “ติดสวย ติดหรู ติดของแพง” ซึ่ง แกลมมาจากภาษาอังกฤษ “Glamorous” แปลว่า สวย งาม มีเสน่ห์ และเป็นการอธิบายลักษณะการใช้ชีวิตที่หรูหรา ไม่ใช่เพียงแค่การแต่งกายให้ดูแพง เพียงอย่างเดียว แต่การกินหรู อยู่สบาย เช่น การดินเนอร์แบบไฟน์ไดนิ่ง การเดินทางด้วยเฟิร์สคลาส ทริปท่องเที่ยวแบบลักซู เราเรียกว่า “ใช้ชีวิตแบบติดแกลม

เมื่อสังคมมองเพียงภาพลักษณ์ภายนอก ทำให้โซเซียลมีเดียของคนรุ่นใหม่ มักจะนำเสนอแต่ด้านสวยๆ งามๆ ชีวิตหรูหรา ไฮโซ ทั้งที่เงินในกระเป๋าอาจจะน้อยนิด แต่เพียงมียอดไลฟ์ หรือคนเข้ามาชื่นชมก็ตอบโจทย์ความต้องการของพวกเขาแล้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

คนไทยเสพติดความลักซ์! สินค้าหรูโตสวนกระแสไม่แคร์เศรษฐกิจทรุด

'อยากรวย' ต้องเข้าใจ 'อคติเชิงพฤติกรรม' กับดักใหญ่ให้คนไทยไม่มีเงินออม

พฤติกรรมของชาวลักซ์ 5 กลุ่ม

วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล หรือ CMMU เปิดผลวิจัย “เจาะอินไซต์ หยุดไม่ได้ใจมันลักซ์” เมื่อปี 2567 ที่ผ่านมา พบว่าผู้ชายติดลักซ์มากกว่าผู้หญิง  โดย 4 แบรนด์สุดโปรดครองใจชาวลักซ์ ได้แก่ Apple – Starbucks – Louis Vuitton – Dior และ Gen X ติดลักซ์มากที่สุด

 ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์เชิงลึกถึงพฤติกรรมของชาวลักซ์พบว่าแบ่งได้เป็น 5 กลุ่ม โดยกลุ่มแรก ได้แก่

1. “หรูลูกคุณ” พบ 2% ซึ่งเป็นกลุ่มที่ชื่นชอบการบริโภคสินค้าหรูได้แบบ ไม่จำกัด มีเงินออมสูง เติบโตมาในครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวย สามารถใช้จ่ายสินค้าหรูหราได้อย่างไม่ต้องกังวล

2. “หรูได้มีสติด้วย” พบ 6% เป็นกลุ่มที่มองหาความคุ้มค่าในการบริโภคสินค้าหรู มีรายได้สูง และเงินออมมากกว่า 5 ปี แม้จะมีกำลังซื้อสูงแต่ก็ไม่ตัดสินใจซื้อแบบทันทีแต่จะพิจารณาความคุ้มค่า เช่น การมองหาโปรโมชั่น และสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับสูงสุด

3. “หรูเจียมตัว” พบ 24% เป็นกลุ่มที่ชื่นชอบการบริโภคสินค้าหรูเป็นครั้งคราว มีรายได้ และเงินออมปานกลาง ก่อนตัดสินใจซื้อแต่ละครั้งจะต้องวางแผนทางการเงิน และพิจารณาอย่างรอบคอบ

4. “หรูเขียม” พบ 28% เป็นกลุ่มที่ชื่นชอบการบริโภคสินค้าหรูแบบจำกัด มีรายได้ และเงินออมไม่สูง แต่จะวางแผนประหยัดอดออมเพื่อให้ได้สินค้าหรูมาครอบครอง โดยผู้บริโภคกลุ่มนี้มักจะให้ความสำคัญกับกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร และเครื่องดื่ม โดยเป็นการบริโภคเพื่อให้รางวัลกับตัวเอง และกลุ่มสุดท้าย

5. “หรูปริ่มน้ำ” พบมากที่สุดถึง 40% ซึ่งเป็นกลุ่มที่ชื่นชอบการบริโภคสินค้าหรูเป็นชีวิตจิตใจ ชอบซื้อสินค้าที่อยู่ในกระแส มีรายได้ และเงินออมไม่สูงมากนัก แต่ชอบใช้จ่ายแบบไม่ค่อยยั้งคิด

แชร์ทริค! ใช้ชีวิตอย่างไร? ให้ไม่ \'ติดแกลม ติดสบาย ไม่ติดหนี้\'

ทำไม? คนไทยติดหรู ดู luxurious

โดยสาเหตุที่ทำให้คนไทยติดหรูเพราะต้องการการยอมรับ อยากแสดงสถานะทางสังคม และอยากโดดเด่น แตกต่าง รวมถึงเผยข้อมูล Social Listening ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – กรกฎาคม ที่ผ่านมาพบว่า Luxury Brand มี Engagement บนแพลตฟอร์ม Social Media สูงถึง 56 ล้าน

ผศ.ดร.บุญยิ่ง คงอาชาภัทร หัวหน้าสาขาการตลาด วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) กล่าวในงานสัมมนา “Unstoppable Luxumer เจาะอินไซต์ หยุดไม่ได้ใจมันลักซ์” ว่า ปัจจุบันคนไทยหันมาให้ความสนใจสินค้าหรูหรา ราคาแพง และบริการระดับพรีเมียมเพิ่มขึ้น ปรากฏการณ์การบริโภคแบบ “ติดหรู ดู luxurious” เกิดเป็นเทรนด์ทางการตลาดที่น่าสนใจ แม้ในสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีนัก ผู้คนก็ยังจะพยายามหารางวัลให้กับชีวิต และตอบโจทย์ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ

โดย ‘ความลักซ์’ ไม่ได้อยู่แค่ในสินค้าแบรนด์เนมเท่านั้น แต่ยังแฝงอยู่ในสินค้าหมวดหมู่อื่น ๆ ตั้งแต่กลุ่มอาหาร และเครื่องดื่ม กลุ่มเครื่องสำอาง สกินแคร์ กลุ่มอุปกรณ์เทคโนโลยี หรือแม้กระทั่งกลุ่มของสะสมต่าง ๆ เช่น Pop Mart ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้ โดยผู้คนยอมจ่ายในราคาสูงเกินความเป็นจริง เพื่อให้ได้มาครอบครอง

นอกจากนี้ กลยุทธ์การตลาด และการโฆษณาผ่านทางสื่อโซเชียลมีเดียก็มีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นให้เกิดความต้องการสินค้า และบริการระดับพรีเมียมเหล่านี้ เพื่อสะท้อนถึงภาพลักษณ์ ความสุข ความสำเร็จ และการเป็นที่ยอมรับ ซึ่งส่งผลให้ตลาดสินค้าหรูในไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว

ผศ.ดร.บุญยิ่ง กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อให้รู้จักและเข้าใจ LUXUMER มากยิ่งขึ้น CMMU จึงได้จัดทำงานวิจัย “Unstoppable Luxumer เจาะอินไซต์ หยุดไม่ได้ใจมันลักซ์” เพื่อศึกษาทัศนคติ พฤติกรรม แรงจูงใจ และปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า และบริการของผู้บริโภคกลุ่มนี้ และเพื่อให้ผู้ประกอบการ และนักการตลาดสามารถนำไปออกแบบกลยุทธ์ที่จะสามารถพิชิตใจ และตอบสนองความต้องการของชาวลักซ์ได้ในอนาคต

เทรนด์ผู้บริโภคที่เรียกว่า LUXUMER

จากกระแสดังกล่าวทำให้เกิดเทรนด์ผู้บริโภคที่เรียกว่า LUXUMER โดยมาจากคำว่า “Luxury” และ “Consumer” ซึ่งหมายถึง กลุ่มผู้บริโภคที่ชื่นชอบ และให้ความสำคัญกับสินค้า หรือบริการระดับพรีเมียมที่เน้นความหรูหราเป็นพิเศษ อาจเป็นได้ทั้งการบริโภคสินค้าหรู เช่น เสื้อผ้าหรือกระเป๋าแบรนด์เนม การเดินทางท่องเที่ยวด้วยสายการบินระดับ Business Class หรือที่พักระดับ 5 ดาว

รวมไปถึงไลฟ์สไตล์การบริโภคอาหาร และเครื่องดื่มที่มีราคาสูงกว่าแบรนด์อื่น ๆ ในหมวดผลิตภัณฑ์เดียวกัน โดยเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่ผู้ประกอบการ และนักการตลาดควรจับตาเป็นพิเศษ เพราะหากสามารถสร้างสินค้า หรือบริการที่ LUXUMER พึงพอใจ และประทับใจได้ก็จะกลายเป็นโอกาสทองของธุรกิจทันที เพราะผู้บริโภคกลุ่มนี้มักให้คุณค่า และความสำคัญกับการบริโภคสิ่งของเพื่อภาพลักษณ์ และความสุขมากกว่าคนทั่วไป และโดยส่วนใหญ่ไม่ได้คำนึงถึงราคาเป็นปัจจัยหลัก

ขณะที่ ข้อมูลจากกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุขไทย ปี 2566 เสริมว่า พฤติกรรมนี้สัมพันธ์กับความกดดันจากสังคมโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทำงานที่อยู่ในเมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ซึ่งพบว่ามีผู้ป่วยจิตเวชจากความเครียดและภาวะซึมเศร้าที่เกี่ยวข้องกับหนี้สินเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 จากปีก่อนหน้า หรือราว ๆ  4,000,000 คนทั่วประเทศ สะท้อนว่าการ "ติดแกลม" ไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นผลจากวัฒนธรรมเปรียบเทียบที่คนไทยเผชิญในยุคดิจิทัล

องค์การอนามัยโลก (WHO) จัดให้ "โรคติดการพนัน หรือ Pathological Gambling" เป็นโรคจิตเวช และพฤติกรรม "ติดแกลม" มีลักษณะคล้ายกัน เช่น รู้ว่าผิดแต่หยุดไม่ได้ เพราะสมองเสพติดการถูกชื่นชมหรือรู้สึกเหนือกว่า

แชร์ทริค! ใช้ชีวิตอย่างไร? ให้ไม่ \'ติดแกลม ติดสบาย ไม่ติดหนี้\'

เช็กตัวเองว่า "ติดแกลม" ระดับไหน?

ลองตั้งคำถามกับตัวเองง่ายๆ ดังนี้ 

  • ฉันซื้อของแพง ๆ หรือใช้เงินเกินตัวเพื่ออะไร ? ถ้าคำตอบคือ "อยากให้คนอื่นเห็น" หรือ "รู้สึกดีแค่แป๊บเดียว" มากกว่าความจำเป็นหรือความสุขจริง ๆ อาจถึงเวลาต้องทบทวนตัวเอง
  • ถ้าคุณรีบโพสต์รูปทุกครั้งที่ได้ของใหม่หรือไปสถานที่หรู ๆ และรู้สึกแย่เมื่อไม่มีอะไรอวด หรือไม่มีของไปเปรียบเทียบกับคนอื่น นี่อาจเป็นสัญญาณว่าคุณกำลังติดกับดัก "ติดแกลม"
  • หลังการจ่ายเงินซื้อของแล้ว ถ้าคุณรู้สึกถึงความสุขแต่เพียงชั่วครู่ และตามมาด้วยความกังวลหรือกลัวคนไม่ชื่นชม อาจเป็นสัญญาณจากสมองส่วน Prefrontal Cortex ว่าคุณกำลังเสียการควบคุมอารมณ์และการตัดสินใจ
  • เสียงทักท้วงจากคนรอบข้าง ? ถ้าเพื่อนหรือครอบครัวบอกว่า "ใช้เงินเยอะไปนะ" หรือ "ทำไมต้องโชว์ตลอด ?" ลองรับฟัง เพราะบางทีคนใกล้ตัวอาจมองเห็นสิ่งที่คุณมองข้าม
  • ลองเอาโค้ดลับนี้ไป CHECK ดูว่า "กระเป๋าเต็ม แต่ใจว่างเปล่า ติดแกลมหรือแค่ตามเขา ?"
    • C - Cash : เงินในกระเป๋าหมดไปกับความแกลมมากแค่ไหน ?
    • H - Happiness : ความสุขมาจากของแพง หรือแค่ยอดไลก์ ?  
    • E - External : ใช้เงินเพื่อคนอื่นเห็น หรือเพื่อตัวเอง ?
    • C - Comments : คนรอบตัวทักเรื่องใช้เงินบ่อยไหม ?
    • K - Keep : ยังควบคุมตัวเองได้ หรือเริ่มหยุดไม่ได้ ? 

หยุดความแกลม ก่อนเป็นหนี้

  • หยุดเปรียบเทียบ แล้วโฟกัสที่ตัวเอง ลดเวลาเสพโซเชียลมีเดีย

แล้วลองจดบันทึกว่า "วันนี้ฉันมีความสุขจากอะไรบ้างที่ไม่ต้องใช้เงิน ? เพื่อเพิ่มความพอใจในชีวิตจริง ๆ กรมสุขภาพจิตระบุว่าการมีสติกับปัจจุบันช่วยลดความเครียดได้ถึงร้อยละ 30

  • ตั้งงบประมาณชัดเจน ก่อนจะตัดสินใจซื้ออะไรสักอย่าง

ถามตัวเองว่า "ฉันต้องการจริง ๆ หรือแค่อยากโชว์ ?" ตั้งงบสำหรับของฟุ่มเฟือยแต่ละเดือน และห้ามใช้เกินเด็ดขาด วิธีนี้ช่วยสร้างวินัยและควบคุมแรงกระตุ้นจากโดปามีนที่พุ่งสูงตอนชอปปิง

  • หา "ความสุขจากสิ่งสำคัญ" ลองทำกิจกรรมง่าย ๆ

เช่น อ่านหนังสือ ทำอาหาร หรือออกกำลังกาย หรือกิจกรรมกับสมาชิกครอบครัว

  • คุยกับตัวเองหน้ากระจก อาจฟังดูแปลก แต่ได้ผลจริง!

ยืนมองตัวเองแล้วพูดว่า "ฉันมีค่าพอ ไม่ต้องพิสูจน์ด้วยของแพง" การพูดเชิงบวกช่วยลดความรู้สึกขาดคุณค่าในตัวเองแล้วเชื่อว่าคุณค่ามาจากของแพง หรือการมีชีวิตติดหรู ลักซ์ชู every minutes

ลองเอาโค้ดลับนี้ไป STOP สงบจิตสงบใจกันดู "แกลมแท้ไม่ต้องโชว์ ความสุขแท้ไม่ต้องโพสต์"

  • S - Stop Comparing : หยุดเปรียบเทียบกับคนอื่น
  • T - Take Control : ตั้งงบ คุมใจ ไม่ให้เกิน
  • O - Own Happiness : หาความสุขจากสิ่งเล็ก ๆ ไม่ต้องแพง
  • P - Positive Talk : คุยกับตัวเองในแง่ดี ฉันมีค่าโดยไม่ต้องอวด

6 ข้อ ฝึกลูกอย่างไรไม่ให้ติดแกรม 

เพจ "กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข" ได้ออกมาโพสต์หัวข้อ ฝึกลูกอย่างไรไม่ให้ติดแกรม โดยอธิบายไว้ดังนี้

1. ฝึกการออมและการใช้เงินอย่างมีค่า

  • ให้ลูกเข้าใจความสำคัญของการออมและใช้เงินอย่างฉลาด แทนการซื้อของเพื่อเอาใจคนอื่น

2. ให้รู้จักการแบ่งปันและช่วยเหลือผู้อื่น

  • ปลูกฝังให้ลูกเห็นคุณค่าของการให้และการช่วยเหลือสังคมแทนการโฟกัสที่ตัวเองหรือสิ่งของ

3. เป็นแบบอย่างที่ดีของลูก

  • หลีกเลี่ยงการโชว์ของฟุ่มเฟือยหรือพฤติกรรมโอ้อวดบนโซเชียลมีเดีย แนะนำการโพสต์ที่เหมาะสมแก่ลูก

4. ส่งเสริมความมั่นใจจากภายใน

  • ชื่นชมความสามารถและความพยายามของลูก แทนการชมจากรูปลักษณ์หรือสิ่งของ

5. ชี้ให้เห็นความจริงของโลกโซเชียล

  • ให้ลูกเห็นว่าคนจำนวนมากจะเปิดเผยแค่เพียงด้านบวกของตนเองปิดบังด้านลบ เราจึงเห็นแค่ภาพที่สวยงามด้านเดียว

6. สร้างกิจกรรมทางเลือกที่เหมาะสม

  • ชวนลูกทํากิจกรรมสร้างสรรค์ เช่น อ่านหนังสือ เล่น กีฬาหรือทํางานศิลปะเพื่อลดการหมกมุ่นกับโซเชียลมีเดีย

แชร์ทริค! ใช้ชีวิตอย่างไร? ให้ไม่ \'ติดแกลม ติดสบาย ไม่ติดหนี้\'

ติดต่อปรึกษาด่วน!เมื่อติดแกลมเลิกไม่ได้ 

หากรู้สึกว่าตัวเองเริ่มควบคุมพฤติกรรมติดแกลมไม่ได้ ลองเปิดใจขอคำปรึกษาจากคนใกล้ชิด คนในครอบครัวที่ไว้ใจ หรือจากหน่วยงานต่างๆ ที่จะเข้ามาช่วยเหลือ อย่าอาจที่จะยอมรับว่าติดแกลมจนสร้างปัญหาให้กับตัวเอง 

  • สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ของกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ปรึกษาฟรี 24 ชั่วโมง
  • เว็บไซต์กรมสุขภาพจิต www.dmh.go.th 
  • เช็กสุขภาพจิตเบื้องต้นผ่านแอปพลิเคชัน "Mental Health Checkup"
  • ถ้าอยากเจอหมอตัวเป็น ๆ แบบไม่แพง ลองไปที่โรงพยาบาลรัฐ อย่าง รพ.ศิริราช หรือ รพ.รามาธิบดี มีคลินิกจิตเวชในราคาย่อมเยา
  • ศูนย์ Knowing Mind Center ให้บริการปรึกษานักจิตวิทยาทั้งแบบเจอตัวและออนไลน์ เน้นปัญหาชีวิตและอารมณ์ เริ่มต้นประมาณ 1,000 บาท/ชั่วโมง
  • ถ้าอยากระบายแบบไม่เปิดเผยตัวตน สายด่วนสะมาริตันส์ โทร 02-713-6793 ฟรี ช่วยได้ทุกเวลา

อ้างอิง: วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) , กรมสุขภาพจิต