"ตรวจสุขภาพประจำปี" ที่ไหนดี? สิทธิ์ตรวจฟรี-ตรวจเสียเงิน ราคาเท่าไรบ้าง?
ปลายปีนี้ "ตรวจสุขภาพประจำปี" ที่ไหนดี? เปิดลิสต์สิทธิ์ "ตรวจสุขภาพฟรี" ใช้สิทธิ์ไหนได้บ้าง? พร้อมส่องค่าใช้จ่ายกรณีตรวจบางรายการเพิ่มเติม มีแพ็กเกจไหนที่น่าสนใจ และราคาเท่าไร?
การตรวจสุขภาพประจำปี เป็นขั้นตอนสำคัญด้านสาธารณสุขที่คนไทยทุกคนควรได้รับการตรวจอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และเป็นข้อมูลสำคัญที่แพทย์จะนำไปใช้ในการช่วยในการวินิจฉัยโรค หรือเพื่อดูสภาพความสมบูรณ์ของร่างกาย ค้นหาความผิดปกติก่อนที่จะลุกลามเรื้อรังจนแสดงอาการ และเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
โดยแพทย์จะตรวจร่างกายเบื้องต้น ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ ตรวจเอ็กซเรย์ปอด ฯลฯ พร้อมกับสอบถามประวัติอาการผิดปกติต่างๆ ของผู้ป่วยในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ประวัติประจำเดือน การตั้งครรภ์ และการมีบุตร และประวัติการใช้ยาต่างๆ รวมถึงประวัติการแพ้ยา แพ้อาหารหรือแพ้สิ่งอื่นๆ ซึ่งผลที่ได้จากการตรวจร่างกาย แพทย์จะบันทึกไว้ในเวชระเบียนเสมอ
ข้อดีของการ “ตรวจสุขภาพประจำปี” คือ ทำให้เราสามารถตรวจพบโรคต่างๆ ได้ตั้งแต่ยังไม่มีอาการ ทำให้ได้รับการรักษาที่ทันท่วงที เหมาะสม และป้องกันไม่ให้โรคลุกลามไปมากจนเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง หรือหากตรวจพบว่ายังไม่เป็นโรค แต่มีภาวะเสี่ยงที่จะเกิดโรค ผู้รับการตรวจก็จะได้ดูแลป้องกัน ลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่จะทำให้เกิดโรคได้ และช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคร้ายแรงในอนาคต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
แล้วการตรวจสุขภาพประจำปี ใครจำเป็นต้องตรวจบ้าง?
สำหรับการตรวจสุขภาพประจำปี ประชาชนสามารถเริ่มตรวจได้ตั้งแต่วัยเริ่มทำงาน แต่หากอายุยังไม่ถึง 30 ปี ก็อาจจะไม่จำเป็นต้องตรวจทุกปี แต่หากมีอายุ 30-35 ปีขึ้นไป ทุกคนมีความจำเป็นที่จะต้องตรวจสุขภาพทุกปี เพราะอายุที่มากขึ้น ก็เพิ่มความเสี่ยงให้ร่างกายผิดปกติหรืออาจเจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ ได้ง่ายขึ้น การตรวจพบโรคตั้งแต่เนิ่นๆ จึงมีส่วนช่วยให้รักษาได้ทันท่วงทีและมีโอกาสหายขาดได้มากกว่า
โดยปัจจุบันนี้ ประชากรไทยสามารถตรวจสุขภาพประจำปีได้ฟรี! โดยใช้ “สิทธิ์ประกันสังคม” และ “สิทธิ์บัตรทอง” ซึ่งมีรายละเอียดคร่าวๆ ดังนี้
- สิทธิ์ประกันสังคม ม.33 ม.39
ตรวจสุขภาพฟรี 14 รายการ ได้แก่ ตรวจการได้ยิน, ตรวจดวงตา, ตรวจวัดสายตา, ความสมบูรณ์เม็ดเลือด, ปัสสาวะ, น้ำตาลในเลือด, การทำงานของไต, ไขมันในเลือด, ไวรัสตับอักเสบ, Chest X-ray, คัดกรองมะเร็งเต้านม, คัดกรองมะเร็งปากมดลูกวิธี Pap Smear , คัดกรองมะเร็งปากมดลูกวิธี Via, ตรวจเลือดในอุจจาระ โดยสามารถเช็กรายชื่อสถานพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้ที่ www.sso.go.th
- สิทธิ์บัตรทอง
ตรวจสุขภาพฟรีตามกลุ่มวัยที่กำหนด แบ่งเป็น หญิงตั้งครรภ์, เด็กเล็ก 0.5 ปี, เด็กโตและวัยรุ่น 6-24 ปี, ผู้ใหญ่ 25-59 ปี, ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป โดยรายการตรวจฟรี เช่น ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านม ตรวจไขมันในเลือด ฯลฯ ทั้งนี้ ผู้มีสิทธิ์สามารถจองคิวผ่านแอปฯ “เป๋าตัง” และสามารถเช็กรายการตรวจฟรีเพิ่มเติม (ตามกลุ่มอายุ) ได้ในแอปฯ นี้เช่นเดียวกัน สอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน สปสช. โทร.1330 หรือ www.nhso.go.th
นอกจากนี้ หากใครไม่มีสิทธิ์ตรวจฟรีทั้ง 2 สิทธิ์ดังกล่าวข้างต้น และอยากตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อดูแลสุขภาพของตนเอง ก็สามารถเลือกใช้บริการตรวจสุขภาพแบบมีค่าใช้จ่ายได้ตามโรงพยาบาลของรัฐ ซึ่งจะมีราคาถูก เข้าถึงง่าย
แต่ถ้าใครอยากตรวจเชิงลึกเพิ่มเติม อาจจะต้องเลือกโปรแกรมตรวจสุขภาพจากโรงพยาบาลเอกชน ที่มีรายการตรวจที่หลากหลายมากขึ้น แต่ก็มีราคาแพงมากขึ้นเช่นกัน โดย กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ได้รวบรวมข้อมูลและสรุปราคาค่าบริการคร่าวๆ มาให้ทราบดังนี้
- โรงพยาบาลรัฐ
โปรแกรมทั่วไป อายุต่ำกว่า 35 ปี ราคา 500-1000 บาท
โปรแกรมทั่วไป อายุ 35 ปีขึ้นไป ราคา 1,300-2,500 บาท
โปรแกรม อายุ 40 ปีขึ้นไป ราคา 2,700-2,800 บาท
โปรแกรมพรีเมียม อายุ 35 ปีขึ้นไป ราคา 7,000-8,000 บาท
- โรงพยาบาลเอกชน
โปรแกรมทั่วไป ราคา 1,990-4,200 บาท
โปรแกรมตรวจเพิ่มเติม อายุ 30-40 ปี ราคา 9,000-12,000 บาท
โปรแกรมตรวจเพิ่มเติม อายุ 40-50 ปี ราคา 16,000-19,000 บาท
โปรแกรมตรวจเพิ่มเติม อายุ 50-60 ปีขึ้นไป ราคา 19,600-23,500 บาท
--------------------------------------
อ้างอิง : chulalongkorn hospital, บัตรทองตรวจสุขภาพฟรี, Policehospital, เปรียบเทียบราคาค่าตรวจสุขภาพ, Bangkokhospital