3 อันดับบริการยอดนิยม ดูแลสุขภาพสไตล์เวลเนสที่โดนใจคนยุคใหม่
การเปลี่ยนแปลงของโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ล้วนทำให้คนทุกเพศทุกวันต่างให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพมากยิ่งขึ้น และ 'Wellness (เวลเนส)'เป็นธุรกิจที่ตอบโจทย์การดูแลสุขภาพครบวงจรที่เน้นการป้องกันมากกว่าการรักษา
Keypoint:
- คนยุคใหม่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น ขณะเดียวกันเทรนด์สุขภาพจะเน้นการป้องกันมากกว่าการรักษา ซึ่งWellness เป็นธุรกิจที่ได้รับความสนใจอย่างมาก
- ทิศทางประเด็นสุขภาพที่ต้องจับตามอง และการเปลี่ยนแปลงของสังคม การก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ รวมถึงการเข้ามาของเทคโนโลยีดิจิทัลที่มีผลต่อการใช้ชีวิต การทำงานของทุกช่วงวัย
- 3 อันดับการบริการสุขภาพที่ได้รับความสนใจมากที่สุด ในปี 2566 ไม่ว่าจะเป็น โพรไบโอติกส์ การรักษาทางเลือก และกลุ่มมีบุตรยาก
ข้อมูลจาก The Global Wellness Economy : Thailand September 2022 ได้จัดให้ประเทศไทยมีศักยภาพในการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ควรได้รับการส่งเสริมและพัฒนา เนื่องจากประเทศไทยเป็นจุดมุ่งหมายปลายทางของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) ที่สร้างรายได้เข้าประเทศมากเป็นอันดับที่ 15 ของโลก คิดเป็นมูลค่าประมาณ 4.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกาในปี 2563
โดยมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยว ประมาณปีละ 6.5 ล้านครั้ง (Wellness Trips) และมีการจ้างงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว 5.3 แสนคน ซึ่งสอดรับกับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หรือ Medical Tourism ที่ในปี พ.ศ. 2566 มีทิศทางการให้บริการทางการแพทย์ และธุรกิจเกี่ยวกับการดูแลรักษาสุขภาพที่เติบโตมากขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
'ธุรกิจwellness' เติบโตสูง แนะภาคการศึกษาจับทิศทาง ตอบโจทย์8 ปรารถนา
เทรนด์ดูแลสุขภาพ 'ยุคใหม่' 18ปีลดน้ำหนัก-ฝังเข็มแก้โรคทำงาน
สูตรลดน้ำหนักอย่างไรให้เห็นผล ไม่คลั่งผอม น้ำหนักลด สุขภาพดี
เช็ก 87 ศูนย์เวลเนส (Wellness Center) 5 ประเภท ผ่านการรับรอง
จับทิศทางเทรนด์สุขภาพที่น่าจับตามองในปี 2566
ThaiHealth Watch 2023 เวทีสรุปเทรนด์สุขภาพประจำปี 2566 จัดโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) เปิดเผยสถานการณ์ปัจจุบันในปี 2565 ที่อาจส่งผลต่อเนื่องมาถึงปี 2566 รวมถึงวิเคราะห์มุมมองในโลกโซเชียลมีเดียว่ากำลังให้ความสนใจเกี่ยวกับประเด็นใดบ้าง นำไปสู่ทางออกหรือข้อแนะนำ ซึ่งมีประเด็นที่น่าจับตา ดังนี้
- Long COVID : สภาวะลองโควิด
เป็นกลุ่มอาการที่ผู้หายจากการติดเชื้อโควิด 19 แม้จะไม่ได้ส่งผลต่อการติดเชื้อแล้วก็ตาม แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าสภาวะนี้สามารถส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของผู้คนทั้งในปัจจุบันและอนาคตหลากหลายด้าน และที่สำคัญ ผู้ป่วยโรค NCDs เป็นกลุ่มเสี่ยงที่อาจเกิดภาวะลองโควิดได้ถึง 1 ใน 4 (โดยปกติแล้วอัตราการเสียชีวิตด้วยกลุ่มโรค NCDs ของคนไทยมีกว่า 1,000 คนต่อวัน)
- เสี่ยงภาวะซึมเศร้า
กว่า 35,000 คนที่เข้าประเมินในแอปพลิเคชัน DMIND เสี่ยงภาวะซึมเศร้าถึง 89.3% และอีกหนึ่งผลกระทบที่ตามมาก็คือภาวะหมดไฟลุกลาม (Burnout Syndrome) ที่ถูกสะสมมาจากปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะช่วงที่ล็อกดาวน์มีคนบางส่วนที่หายไปจากตลาดแรงงาน และนำสู่กระแสการลาออกระลอกใหญ่ (The Great Resignation) จากสาเหตุของสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปทั้ง Work From Home วัฒนธรรมองค์กรเปลี่ยนไป ไม่ได้เจอกันนาน ความสัมพันธ์ห่างกัน ล้วนเป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องทั้งสิ้น
- ภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง
จะเป็นอย่างไร เมื่อจำนวนคนกว่า 99% ของคนบนโลก มีการสูดควันจากมลพิษที่มีความหลากหลายมากขึ้น หรือที่เรียกว่า Sacrifice zone (โซนสังเวยชีวิต) เป็นสิ่งที่ต้องมาดูกันว่าเราจะต้องรับมืออย่างไรต่อไป เพราะเป็นเรื่องที่เข้าใกล้ตัวมากขึ้นทุกวัน
เตรียมพร้อมสังคมไทยก้าวสู่สังคมสูงวัยแบบสมบูรณ์
- สังคมผู้สูงวัยแบบสมบูรณ์
สังคมไทยก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยแบบสมบูรณ์ โดยมีการแบ่งระดับเอาไว้ ดังนี้ พ.ศ.2548 สังคมสูงวัย (Aged Society) มีผู้อายุเกิน 60 ปี เกิน 10% ของประชากรทั้งประเทศ, พ.ศ.2566 สังคมสูงวัย (Complete Aged Society) มีผู้อายุเกิน 60 ปี เกิน 20% ของประชากรทั้งประเทศ, พ.ศ.2576 สังคมสูงวัย (Super-Aged Society) มีผู้อายุเกิน 60 ปี เกินกว่า 28% ของประชากรทั้งประเทศ หรือมีผู้อายุเกิน 65 ปี เกินกว่า 20% ของประชากรทั้งประเทศ (ปัจจุบันในปี 2565 อยู่ที่ 18.3%) มีแนวโน้มผู้ป่วยติดเตียง ติดบ้านเพิ่มมากขึ้น การเตรียมความพร้อมการเกษียณจึงมีความสำคัญ
- เด็กและเยาวชน
กลุ่มเปราะบางด้านสุขภาวะ โดยเฉพาะการมีพฤติกรรมที่เสี่ยง สิ่งที่ให้ความสำคัญคือการให้ข้อมูลความรู้ความเข้าใจ ยิ่งในประเด็นปลดล็อกกัญชา และประเด็นบุหรี่ไฟฟ้า สารนิโคติน เพื่อให้สามารถตัดสินใจได้อย่างเหมาะสม
- ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ
มิติใหม่แห่งการสร้างเสริมสุขภาพคนไทย จากข้อมูลพฤติกรรมผู้ใช้อินเทอร์เน็ตพบว่ามีถึง 86.16% ที่ใช้อินเทอร์เน็ตในการจองคิวและปรึกษาแพทย์ บวกกับสถานการณ์โรคระบาดจึงทำให้เกิดผลพลอยได้ที่จะยกระดับสุขภาพด้วย Digital Health Technology มีการพัฒนามากขึ้น มีการเข้าถึงที่หลากหลายมากกว่าเดิม แม้กระทั่งแพลตฟอร์มของ สสส. ได้มีการเริ่มทำเมตาเวิร์ส ME VERSE และเว็บไซต์ Empower Living รวมไปถึงแอปพลิเคชัน Persona Health
- บุหรี่ไฟฟ้า ภัยเงียบในควันร้าย
หลากหลายปัจจัยที่ทำให้ผู้คนให้ความสนใจและหันมาใช้บุหรี่ไฟฟ้าแทนบุหรี่ปกติมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในปัจจัยหลักคือความเข้าใจผิดที่เชื่อว่าปลอดภัย แท้ที่จริงแล้วแฝงภัยร้ายไว้มากมาย เมื่อเจเนอเรชันและค่านิยมของบุหรี่ไฟฟ้าเดินหน้าอย่างต่อเนื่องจนเข้าสู่วงการ Flavoring Pandemic การระบาดของกลิ่นและสี ปริมาณสารนิโคตินที่มากขึ้นจากเดิม ข้อมูล ณ ปัจจุบันแสดงให้เห็นแล้วว่าบุหรี่ไฟฟ้าทำให้ปอดอยู่ในสภาวะอักเสบ ลดภูมิต้านทานในปอด ลดการแลกเปลี่ยนออกซิเจนในปอด และทำให้ทางเดินหายใจ ระบบเสมหะเปลี่ยนแปลงไป ขยายไปถึงหัวใจและอวัยวะอื่น ๆ
Digital Transformation อนาคตสุขภาพยุคภูมิทัศน์ดิจิทัล
การเข้ามามีบทบาทของเทคโนโลยีดิจิทัลอยู่ในชีวิตประจำวันของเราตั้งแต่ตื่นจนเข้านอนเลยก็ว่าได้ ซึ่งในส่วนของการมีบทบาทกับสุขภาวะที่ดีขึ้นจะเจาะลึก 3 ด้านด้วยกัน ได้แก่ ลองโควิด, สังคมสูงอายุ และสุขภาพจิต ควบคู่กับภาวะหมดไฟ
- Telehealth ดูแลสุขภาวะทางไกล ให้ AI ช่วยดูแล สร้าง productivity ในการดูแลสุขภาพ ช่วยลดต้นทุนการมาโรงพยาบาล
- การเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลในด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รักษาข้อมูลอ่อนไหว, การใช้โซเชียลมีเดีย เสพติดโซเชียล เห็นเพื่อนออกกำลังกายก็ต้องออก และที่น่าสนใจคือในรูปแบบเกมิฟิเคชัน ดูแลตัวเองเพื่อรางวัลบางอย่าง
- Big Data การเก็บข้อมูลที่เฉพาะบุคคลมากยิ่งขึ้น บางครั้ง AI เข้าใจเรามากกว่าตัวเราเองเสียอีก เช่น การเลือกดูหนังจากเมนู recommend
นพ.พิจักษณ์ วงศ์วิศิษฎ์ ผู้อำนวยการ W9 Wellness Center ศูนย์ดูแลสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic) ในโรงพยาบาลพระรามเก้า กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจ Wellness ในปีที่ผ่านมา เรียกได้ว่ายังคงคึกคักต่อเนื่อง มีการเติบโตสูงและมีบริการใหม่ๆ ออกมาเป็นตัวเร่งขับเคลื่อนธุรกิจนี้ให้โตเพิ่มขึ้น
โดยกลุ่มลูกค้าของ W9 ส่วนใหญ่เป็นคนไทยเนื่องจากเปิดให้บริการช่วงโควิด-19 และมีต่างชาติราว 10% อาทิ ชาวจีนที่พักอาศัยในเมืองไทย เมียนมา อินเดีย รวมถึงชาว ยุโรป อเมริกา เล็กน้อย โดยในปี 2565 จำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้น 22-25% จากปี 2564 ขณะที่ รายได้ที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 40%
3 อันดับ บริการยอดนิยมในปี 2566
สำหรับ 3 อันดับ บริการที่คาดว่าจะได้รับความนิยมในปีนี้ นพ.พิจักษณ์ มองว่า เป็นไปตามเทรนด์ของโลก ได้แก่
อันดับ 1 โพรไบโอติกส์ ซึ่งเรียกได้ว่า ได้รับความนิยมตั้งแต่ปีที่ผ่านมา และปีนี้คาดว่าจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นไปอีก โดยเฉพาะการตรวจอุจจาระ ดูปริมาณและความหลากหลายของจุลินทรีย์ในลำไส้ วิเคราะห์ วางแผน จัดโพรไบโอติกส์เสริมเฉพาะบุคคล ที่แม่นยำมากกว่าที่เราไปซื้อกินเองแล้วไม่ได้ผล อาจจะเพราะคุณภาพ ปริมาณไม่ถึง กินไม่ถูกสายพันธุ์ กินไม่ถูกกับที่ร่างกายต้องการ การให้บริการส่วนนี้ ถือว่าตอบโจทย์กับคนกลุ่มนี้ซึ่งจะเป็นกลุ่มใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ เป็นการป้องกัน ลงลึกถึงต้นตอของปัญหาสุขภาพแบบองค์รวม
“หากคนที่ศึกษาและรู้คุณค่าของโพรไบโอติกส์จะรู้ว่าคุ้มค่ามาก ยิงนกครั้งเดียวได้หลายตัว ลงทุนเรื่องนี้ครั้งเดียวแต่ส่งผลต่อสุขภาพทั้งระบบไม่ว่าจะเป็น ภูมิต้านทาน ระบบประสาท การเผาผลาญ โรคอ้วน เบาหวาน จะมีพื้นฐานมาจากการปรับสมดุลลำไส้ จุลินทรีย์ในลำไส้”
อันดับ 2 การรักษาทางเลือก เป็นบริการที่คาดว่าน่าจะเติบโตมากขึ้น โดดเด่นในปีนี้ เป็นการรักษาทางเลือกเกี่ยวกับโรคเรื้อรัง เนื่องจากปัจจุบัน เราหาข้อมูลกันเร็วมาก ในงานวิจัยทางการแพทย์ทุกคนเริ่มเข้าถึงได้ง่ายขึ้น พื้นฐานการศึกษาคนไทยเราดีขึ้น มีหลายการรักษาที่ดี และมีศักยภาพในงานวิจัย แต่อาจจะยังไม่เป็นมาตรฐานในการรักษาหลัก แต่มีงานวิจัยรองรับอาจจะยังไม่ใหญ่พอ ไม่นานพอ แต่หลายคนไม่รอ
เช่น บางคนเป็นภูมิแพ้มานาน ไม่อยากรอแล้ว มีอะไรช่วยได้อีกหรือไม่ คนสรรหา การป้องกันโรค มากขึ้น โดยการปรับสมดุลสุขภาพ เขาอยากได้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตนเอง ไม่อยากป่วย อยากหายจากเบาหวาน ภูมิแพ้ SLE โรคเรื้อรังเหล่านี้ แพทย์แผนปัจจุบัน หรือ มาตรฐานปกติ อาจจะยังให้คำตอบได้ไม่มากพอ ยังไม่หาย หรืออาจจะต้องกินยาตลอดชีวิต ดังนั้น คนจึงเริ่มหันมาหาการรักษาทางเลือกซึ่งมีงานวิจัยรองรับมากขึ้น โดยเฉพาะ การรักษามะเร็งทางเลือก การรักษาโรคเรื้อรังทางเลือก เป็นกลุ่มที่คาดว่าน่าจะเติบโตมากขึ้น เป็นอันดับ 2
อันดับ 3 กลุ่มมีบุตรยาก เทคโนโลยีเจริญพันธุ์ ปัญหามีบุตรยากซึ่ง W9 มีการดูแลมาโดยตลอด คนเริ่มมีการพูดปากต่อปากมากขึ้นว่าการปรับสุขภาพ มีโอกาสท้องได้ง่ายขึ้น และส่งผลให้การทำเทคโนโลยีเจริญพันธุ์สำเร็จมากขึ้นหลังจากที่เฟลมาตลอด หรือบางคนก็สามารถท้องได้เอง เพราะฉะนั้น กลุ่มนี้น่าจะใหญ่ขึ้น เพราะเป็นกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตของปัญหา เป็น 3 อันดับแรก ที่ W9 จะโฟกัสและคิดว่าเป็นเซกเมนต์ที่จะเติบโตมากที่สุดในปีนี้
อ้างอิง: สสส., W9 Wellness ,สปสช.