'รพ.บางมด' ทุ่ม 3,000 ล้านบาท ยกระดับ 'ศัลยกรรม' ครบวงจร
รพ.บางมด เผย ตลาดศัลยกรรมมูลค่า 30,000 ล้านบาท โต 10-15% ทุ่มงบลงทุน 3,000 ล้านบาท ขยายธุรกิจโรงพยาบาลเสริมความงามแบบครบวงจร ภายใต้ชื่อ Bangmod Aesthetic & Wellness Hospital ตอบโจทย์ 3 บริการหลัก คือ ศัลยกรรม แผนกผิวหนัง และเวชศาสตร์ชะลอวัย
Key Point :
- หลังโควิด-19 ตลาดศัลยกรรมและความงาม เรียกว่ามีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง คาดว่ามีมูลค่ารวมกว่า 30,000 ล้านบาท เติบโตปีละกว่า 10-15%
- ล่าสุด รพ.บางมด ทุ่มงบลงทุน 3,000 ล้านบาท ขยายธุรกิจโรงพยาบาลเสริมความงามแบบครบวงจร ให้บริการศัลยกรรมแบบ Ultra Luxury ตอบโจทย์ 3 บริการหลัก คือ ศัลยกรรม แผนกผิวหนัง และเวชศาสตร์ชะลอวัย
- สำหรับ รพ.ใหม่แห่งนี้ กำหนดแล้วเสร็จและพร้อมเปิดให้บริการภายในปี 2568 คาดว่าในนอนาคต จะมีผู้เข้ารับบริการเพิ่มขึ้นอยู่ที่ราว 6,000 คนต่อปี
ตลาดศัลยกรรม ในประเทศไทยมีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 30,000 ล้านบาท แม้ที่ผ่านมาในปี 2563 - 2564 ภาพรวมจะติดลบ จากผลกระทบการระบาดของโควิด-19 แต่เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ณ ปัจจุบันพบว่าตลาดกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งทั้งชาวไทยและต่างชาติที่นิยมเดินทางเข้ามา โดยมีแนวโน้มเติบโตกว่า 10-15 %
เช่นเดียวกับธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน ซึ่ง ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี มองว่ามีการฟื้นตัวในทุกภูมิภาค โดยเฉพาะพื้นที่แหล่งจ้างงานที่สำคัญ แม้ผลจากการระบาดของโรคโควิด-19 ในระลอกแรก ทำให้รายได้ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนหดตัวลงอย่างมากในปี 2563 แต่ในปี 2564 ก็ฟื้นตัวกลับมาสู่ระดับปกติได้ และเมื่อพิจารณาในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2560-2564) พบว่า รายได้ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนเติบโตเฉลี่ยกว่า 7.7 % ต่อปี เรียกว่าโตต่อเนื่อง แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากโควิด-19
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "ศัลยกรรม" ไทย ครองใจต่างชาติ ผู้ใช้บริการพุ่ง หลังวิกฤติโควิด-19
- จับตา "ตลาดศัลยกรรมความงาม" หลัง "เปิดประเทศ"
- โควิดคลี่คลาย "ตลาดความงาม" ฟื้น คาดต้นปี 66 แนวโน้มดีขึ้น
ศัลยกรรมยอดนิยม-มาแรง
นพ.ธนัญชัย อัศดามงคล แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่งและผู้อำนวยการศูนย์ศัลยกรรมความงาม โรงพยาบาลบางมด กล่าวในงานแถลงความสำเร็จในปีที่ 35 และทิศทางการดำเนินงานในอนาคต ถึงภาพรวมตลาดศัลยกรรมว่า มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ราว 30,000 หมื่นล้านบาท แนวโน้มเติบโต 10-15 % ปัจจุบัน ความนิยมของชาวต่างชาติที่เข้ามาทำศัลยกรรมในประเทศไทยเพิ่มขึ้นทุกปี โดยที่ รพ.บางมด อัตราการเติบโตของลูกค้าชาวต่างชาติอยู่ที่ 10-15 % ทุกปี หากเทียบ 5-10 ปีที่ผ่านมา สัดส่วนจะอยู่ที่คนไทย 80 % และ ต่างชาติ 20 % แต่ปัจจุบัน ชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 40 % โดยตลาดใหญ่ ได้แก่ จีน และยุโรป
สำหรับศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุด 5 อันดับ นับเป็นบริการที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ได้แก่
- อันดับ 1 ศัลยกรรมรอบดวงตา ไม่ว่าจะเป็นตาบน ตาล่าง
- อันดับ 2 ศัลยกรรมจมูก
- อันดับ 3 ศัลยกรรมหน้าอก
- อันดับ 4 การดึงหน้า
- อันดับ 5 ดูดและฉีดไขมัน
ส่วน เทรนด์ศัลยกรรมที่กำลังมาแรง 5 อันดับ ที่มีแนวโน้มเติบโตสูง ได้แก่
- อันดับ 1 ศัลยกรรมดึงหน้า เนื่องจากเทคนิคใหม่ๆ ทำให้คนที่อายุน้อยลงเริ่มให้ความสนใจ
- อันดับ 2 ศัลยกรรมหน้าอกเทคนิคใหม่ ที่ใช้การส่องกล้องช่วย
- อันดับ 3 เสริมก้น เสริมสะโพก แนวโน้มสูงขึ้น ได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะเมื่อก่อนการเสริมใช้การฉีดซึ่งอันตราย แต่ปัจจุบันมีซิลิโคนเฉพาะสำหรับการเสริมก้นเสริมสะโพก
- อันดับ 4 การดูดไขมันและฉีดไขมันที่หน้า การฉีดไขมันของตัวเอง (Fat Grafting) ผสมสารสกัดพลาสม่า (PRP) ทำให้ไขมันอยู่ทนขึ้น
- อันดับ 5 ศัลยกรรมหน้าท้อง สำหรับคนที่มีลูกแล้วหน้าท้องหย่อนคล้อย
“ในประเทศไทยเทรนด์ที่นิยมขณะนี้ คือ การดึงหน้า และ ศัลกรรมหน้าอก เพราะเทคนิคดีขึ้น แต่เดิมหากพูดถึงการดึงหน้า จะดึงทั้งหน้าและคอ ส่วนใหญ่จึงนิยมในคนที่อายุมาก แต่ปัจจุบัน สามารถทำแยกส่วนได้ ช่วงบน ช่วงล่าง ส่วนคอ ซึ่งการศัลยกรรมจะต้องอายุ 18 ปีขึ้นไป หากอายุต่ำกว่านั้นจะต้องมีผู้ปกครองรับรองและส่วนใหญ่จะทำเพื่อรักษา”
ทุ่ม 3,000 ล้าน ยริการแบบ Ultra Luxury
35 ปีที่แล้ว รพ.บางมด เริ่มดำเนินการบนถนนพระราม 2 จาก 50 เตียง ปัจจบันเพิ่มเป็น 203 เตียง ให้บริการรักษาทั้งโรคทั่วไปและการศัลยกรรมความงาม ล่าสุด ลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาทขยายธุรกิจโรงพยาบาลเสริมความงามแบบครบวงจร ภายใต้ชื่อ Bangmod Aesthetic & Wellness Hospital จำนวน 6 ชั้น รองรับได้สูงสุด 50 เตียง ให้บริการศัลยกรรมแบบ Ultra Luxury ตอบโจทย์ 3 บริการหลัก คือ ศัลยกรรม แผนกผิวหนัง และเวชศาสตร์ชะลอวัย
นพ.ธนัญชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ศูนย์ศัลยกรรมความงามโรงพยาบาลบางมด ใช้ 'เทคนิคบางมด' ผ่าตัดเฉพาะทาง ทำให้แผลเล็ก เจ็บน้อย หายเร็วและดูเป็นธรรมชาติ แก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด สอดคล้องกับความต้องการของคนไข้ในปัจจุบัน มีสถิติผู้เข้ารับบริการศัลยกรรมความงามเฉลี่ยมากกว่า 3,800 รายต่อปี
สำหรับ Bangmod Aesthetic & Wellness Hospital กำหนดแล้วเสร็จและพร้อมเปิดให้บริการได้ภายในปี 2568 มีบริการการทำศัลยกรรมความงามแบบ Ultra Luxury คาดว่าในนอนาคตจะผู้เข้ารับบริการจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ราว 6,000 คนต่อปี
จากคลินิกสู่เป้าหมาย 'มหาชน'
โรงพยาบาลบางมด เริ่มต้นจากคลินิก ขยายเป็นโพลิคลินิก และก่อตั้งโรงพยาบาลบางมด ขนาด 100 เตียงขึ้นเมื่อวันที่ 11 กรกฏาคม ปี 2531 จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลในนาม บริษัท โรงพยาบาลบางมด จำกัด ต่อมาได้ขยายเพิ่มขึ้นเป็นโรงพยาบาล ขนาด 400 เตียง เมื่อปี 2538 เพื่อให้บริการประชาชนทั่วไปในย่าน ถนนพระราม 2 และพื้นที่ใกล้เคียง ปี 2552 ได้ปรับเปลี่ยน โรงพยาบาลเป็นขนาด 203 เตียงตามสำนักสถานพยาบาลและกองประกอบโรคศิลปะ
ปี 2565 มีรายได้จากบริการศัลยกรรมความงาม ราว 500 ล้านบาท และ ส่วนบริการของ รพ.อยู่ที่ 450 ล้านบาท คาดว่า ในปี 2566 นี้ จะมีรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท เป็นรายได้จากบริการศัลยกรรมความงาม 600-700 ล้านบาท และส่วนบริการ รพ.บางมด 500 ล้านบาท หลังเปิดให้บริการโรงพยาบาลแห่งใหม่ คาดว่าบริการศัลยกรรมความงาม เติบโตมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี ตั้งเป้านำระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ในอีก 3-4 ปีข้างหน้า