พรูเด็นเชียล 'เลี้ยงถูก ลูกดี' เวลาทอง 0-6 ขวบ เสริมพัฒนาการเด็ก
ปี 2565 ที่ผ่านมา มีอัตราการเกิดต่ำสุดในประวัติศาสตร์ของไทย 502,000 คน และคาดว่าปี 2566 นี้อัตราเด็กเกิดใหม่จะต่ำลงไม่แตกต่างจากเดิม 'เด็กและเยาวชน'ปัจจุบันจึงต้องเผชิญกับการแข่งขัน และความท้าทายมากขึ้น
Keypoint:
- การเลี้ยงลูกให้แข็งแรง สุขภาพดี ในช่วงแรกเกิดจนถึง 6 ขวบ ถือว่าเป็นช่วงนาทีทองของการเลี้ยงดูลูกน้อย
- เด็กจะจดจำข้อมูล เรื่องราวต่างๆ ได้มากที่สุดในช่วงปฐมวัย อายุ 0-6 ขวบ ซึ่งจะส่งผลต่อพัฒนาการทุกด้าน การดูแลเลี้ยงดูลูกด้วยความรัก ความเอาใจใส่ถือว่าสำคัญที่สุด
- พรูเด็นเชียล ประเทศไทย พรูเด็นซ์ ฟาวน์เดชัน และ องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย' ได้ร่วมจัดกิจกรรม 'เลี้ยงถูก ลูกดี' กระตุ้นพ่อแม่ตระหนักเลี้ยงดูลูกวัย 0-6 ขวบ
ขณะที่สถานการณ์ครอบครัวไทย พบว่า มีเด็กมากถึง 40% ที่พ่อแม่ต้องทิ้งให้อยู่กับปู่ยาตายาย พ่อแม่ต้องทำงานไม่มีเวลาเลี้ยงดูลูก
เด็กปฐมวัย หรือช่วงวัยตั้งแต่ 0-6 ปี ถือเป็นช่วงวัยสำคัญที่เด็กเล็กพร้อมเปิดรับการเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัวได้อย่างดีที่สุด ทุกอย่างที่พวกเขาได้เรียนรู้ ประสบการณ์ที่ได้รับจะเป็นเกราะป้องกัน และส่งเสริมพัฒนาการทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์อย่างเหมาะสมเติบโตเป็นผู้ใหญ่คุณภาพ
'เลี้ยงถูก ลูกดี' เริ่มช่วงเวลาทอง0-6 ขวบ
'Play Together & Learn Together' กิจกรรมภายใต้โครงการ 'เลี้ยงถูก ลูกดี' ที่ทาง 'พรูเด็นเชียล ประเทศไทย พรูเด็นซ์ ฟาวน์เดชัน และ องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย' ร่วมกันจัดขึ้น เพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้กับสังคมไทยได้มีความรู้ความเข้าใจและเอาใจใส่เด็กในช่วงปฐมวัย
'บัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ' ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พรูเด็นเชียล ประเทศไทย เล่าว่าคนๆ หนึ่งจะไปถึงเป้าหมายในชีวิตได้ ต้องเริ่มจากพื้นฐานครอบครัว การอบรมเลี้ยงดูเด็กให้ดีที่สุด โดยเด็กปฐมวัย หรือเด็กอายุ 0-6 ขวบ เป็นจุดที่เปราะบางที่สุดของสังคม ทั้งที่ในช่วงชีวิตของคนเรา ช่วงอายุ 0-6 ขวบ เป็นช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้ และการเติมเต็มพัฒนาการสูงสุดได้ในทุกด้าน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ttb ปลื้มยอดประกัน โตทะลุเป้า 221% จับมือพรูเด็นเชียล รุกประกันชีวิต-สุขภาพ
เด็กเติบโตมีคุณภาพ ต้องมาจากพ่อแม่
ฉะนั้น เมื่อเด็กได้รับการอบรม เลี้ยงดูอย่างถูกต้อง เหมาะสมจะทำให้เกิดความเชื่อมั่นในการเติบโต พัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเองไปสู่เป้าหมายสูงสุดในชีวิตได้ สอดคล้องกับภารกิจหลักของพรูเด็นเชียล ประเทศไทย และพรูเด็นเชียล ทั่วโลกที่ต้องการให้ผู้คนก้าวถึงจุดมุ่งหมายสูงสุดในชีวิตที่ตั้งไว้
“3 หน่วยงานต่างให้ความสำคัญในการส่งเสริมและสร้างความตระหนักให้พ่อแม่ดูแลเด็กช่วงอายุ 0-6 ขวบ ผ่านการให้ความรู้ความเข้าใจจากผู้เชี่ยวชาญ เพราะการสร้างเสริมพัฒนาการเด็กอายุ 0-6 ขวบ ไม่ได้มีการแบ่งแยกทางฐานะ หรือชนชั้น บางครั้งครอบครัวที่ร่ำรวยก็ใช่ว่าจะเลี้ยงเด็กอายุ 0-6 ขวบได้ดี ดังนั้น พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ซึ่งมุ่งมั่นให้ความรู้แก่พ่อแม่ในการเลี้ยงดูลูกวัย 0-6 ขวบในทุกด้าน อาหาร โภชนาการ การเรียนรู้ การเล่น และการอยู่ร่วมในสังคม สร้างชั่วโมงคุณภาพระหว่างพ่อแม่ ลูก” บัณฑิต กล่าว
กว่า 60 ครอบครัวที่เข้าร่วมกิจกรรม Play Together & Learn Together เลี้ยงถูก ลูกดี ที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับเทคนิคการเลี้ยงลูกในแต่ละช่วงวัย โดยเฉพาะเด็กปฐมวัย ช่วงวัย 0-6 ขวบ มาพร้อมกับกิจกรรมปั้นดินน้ำมัน เสริมสร้างจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ เพราะการพัฒนาเด็ก ไม่ใช่เพียงเรื่องการอ่าน การท่องจำหนังสือเท่านั้น แต่ต้องเติมพัฒนาการในด้านกล้ามเนื้อ สุขภาพกาย ใจผ่านการเล่น
ไทยลงทุนด้านปฐมวัยมา 10 กว่าปี
'บัณฑิต' เล่าต่อว่าทุกครอบครัวที่เข้าร่วมกิจกรรมจะได้รับการเติมเต็มความรู้ เคล็ดลับในการเลี้ยงดูลูก อันนำไปสู่การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว ทำให้ครอบครัวเข้มแข็ง
"ตอนนี้ด้วยภาวะทางเศรษฐกิจ และการเปลี่ยนแปลง รวมถึงสิ่งเร้าที่เกิดขึ้นมากมายรอบตัวเด็ก อาจทำให้การปฎิสัมพันธ์ในครอบครัวน้อยลง ซึ่งช่วงวัย 0-6 ขวบ เป็นช่วงวัยแห่งการเรียนรู้ ต้องร่วมกันสร้างชั่วโมงคุณภาพให้เกิดขึ้นในครอบครัวด้วยความรัก ความเอาใจใส่"บัณฑิต กล่าว
บริบทของประเทศไทย เป็นรายได้ปานกลางค่อนข้างสูงที่มีการลงทุนเรื่องเด็กปฐมวัยมา 10 กว่าปี ซึ่งการลงทุนดังกล่าวทำให้ตัวชี้วัดของประเทศดีกว่าภาพรวมของโลกค่อนข้างมาก เช่น เรื่องสุขภาพ และการเรียนรู้ แต่หากพิจารณาลงลึกไปบางตัวชี้วัดกลับพบความเหลื่อมล้ำที่มากขึ้น
'อาร์ตี้ เซจิ' หัวหน้าฝ่ายการศึกษาและการพัฒนาเด็กปฐมวัย องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย เล่าว่าจากรายงานสถานการณ์เด็กและสตรี 2022 พบว่า บางตัวชี้วัดมีความก้าวหน้าค่อนข้างช้าและเห็นความเหลื่อมล้ำ เช่น เด็กในครัวเรือนยากจน จะมีพัฒนาการไม่ดีเท่าเด็กในครัวเรือนร่ำรวย เด็กไทยมีภาวะเตี้ย แคระ แกร็น 12% ซึ่งส่งผลกระทบต่อสมอง
นอกจากนั้น 50% ของเด็กช่วงอายุต่ำกว่า 5 ปี ยังได้รับการอบรมอย่างรุนแรง ทำให้เกิดบาดแผลในจิตใจ ในความทรงจำของเด็ก ส่งผลให้เด็กปิดกั้นโอกาสในการรับการเรียนรู้ และเด็กในครัวเรือนยากจน 1ใน5เกิดมาน้ำหนักตัวน้อย ความร่วมมือระหว่างพรูเด็นเซียล และยูนิเชฟ ถือเป็นการส่งเสริม ให้ความรู้พ่อแม่ในการเลี้ยงดูลูกให้มีพัฒนาการสมวัย
เติมพัฒนาการรอบด้านผ่านการเล่น
“การส่งเสริมการดูแลเด็กอย่างเอาใจใส่ การสนับสนุนการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง ซึ่งผู้ปกครองเป็นคนที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาเด็กปฐมวัยที่ต้องได้รับการส่งเสริม ให้ความรู้สร้างความเข้าใจในเรื่องพัฒนาการเด็ก และการพัฒนาคุณภาพของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่มีอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งการทำงานร่วมกันจะเป็นกระจายข้อมูลการพัฒนาเด็กปฐมวัย การเลี้ยงลูกอย่างถูกวิธีไปให้ถึงพ่อแม่มากที่สุด”อาร์ตี้ กล่าว
'เลี้ยงถูก ลูกดี' จะก่อให้เกิดการพัฒนาสมอง ร่างกาย จิตใจ อารมณ์แก่เด็ก0-6ปี ที่เริ่มจากพ่อแม่ต้องตอบสนองอย่างใส่ใจ และเอาใจใส่ลูกทุกด้าน พ่อแม่เป็นครูคนแรกและอยู่กับเด็กตลอดเวลา ซึ่งการพัฒนาเด็กต้องเป็นแบบองค์รวม ไม่มองเด็กอย่างแยกส่วน และต้องมีปฎิสัมพันธ์กับพ่อแม่ มีความสัมพันธ์ระหว่างเด็กและผู้ดูแล ขณะเดียวกันต้องส่งเสริมการเล่น เพราะนั่นเป็นธรรมชาติของเด็ก เด็กเกิดมาพร้อมที่จะเล่น พ่อแม่ต้องเรียนรู้สนับสนุนให้เด็กเล่น และพ่อแม่ต้องร่วมเล่นกับเด็ก
ชวนพ่อแม่ทำกิจกรรม ใช้เวลาอยู่กับลูก
ตบท้ายด้วย 'ครอบครัวน้องฟรอส หนูน้อยอายุ 3 ขวบ แม่ณัฐกฤตา พุทธิไชยธันดร และพ่อพลภัตม์ ศีลพิพัฒน์' ที่ได้มาเข้าร่วมกิจกรรม เล่าว่ากิจกรรมครั้งนี้ ถือเป็นการเติมเต็มความรู้ให้พ่อแม่ในการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการเลี้ยงลูกว่าถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ เพราะต่อให้การเลี้ยงลูกของแม่จะเป็นไปตามที่ได้ศึกษา หรือปรึกษาจากคุณหมอผู้เชี่ยวชาญ แต่การได้มารับความรู้เพิ่มเติมจะทำให้เกิดความมั่นใจในการเลี้ยงลูกมากขึ้น
“แม่เป็นพยาบาลทำให้มีความรู้ในการดูแล เลี้ยงดูลูก แต่ทฤษฎีกับความเป็นจริงอาจจะไม่สอดคล้องกันทั้งหมด เพราะเด็กแต่ละคนแตกต่างกัน วิธีการเลี้ยงดู การรับมือ การสื่อสารกับพวกเขาย่อมแตกต่างกัน ยิ่งตอนนี้มีเทคโนโลยี หน้าจอเข้ามาเป็นสิ่งเร้า ดังนั้น เวลาอยู่กับลูก พ่อแม่จะใช้โทรศัพท์น้อยมาก และเน้นการสื่อสาร การเล่นกับลูกเป็นหลัก รวมถึงจะพาเขาไปทำกิจกรรมนอกบ้าน ดังนั้น เมื่อทางพรูเด็นเชียล จัดกิจกรรมดังกล่าวจึงสมัครเข้าร่วมโครงการ และได้มีโอกาสมารับความรู้และทำกิจกรรม ใช้เวลาว่างกับลูก อยากให้พ่อแม่ทุกคนให้ความสำคัญในการปฎิสัมพันธ์ ใช้เวลากับลูกให้มากที่สุด”แม่ณัฐกฤตา กล่าว
ปฎิสัมพันธ์ การเอาใส่ใจเด็ก เสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัย
ภาพของลูกที่พ่อแม่อยากเห็น คือ เด็กเก่ง ดี และมีความสุข ซึ่งความเก่ง คือเด็กมีความสามารถเรียนรู้ คิดวิเคราะห์ได้ แก้ปัญหาเก่ง มีความเป็นคนดี สุขภาพใจ แยกแยะถูกผิด มีคุณธรรมจริยธรรม และมีความสุขหรือมีจิตใจที่มั่นคง มองแง่ดี ปรับตัวปรับใจได้ แต่จะทำให้เด็กคนๆ หนึ่งเป็นอย่างที่ต้องการได้นั้น จะต้องมีความเข้าใจเรื่องของกระบวนการพัฒนาสมอง ที่ต้องมีการเติมเต็มทั้งด้านสุขภาพ โภชนาการ ประสบการณ์เรียนรู้ สิ่งแวดล้อม และพันธุกรรม
'ดร.นุชนาฏ รักษี' รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล เล่าว่าเก่ง ดี มีความสุข สอดคล้องในเรื่องของกรอบการดูแลเด็กปฐมวัย ซึ่งต้องมีการส่งเสริมสุขภาพที่ดี พาลูกไปฉีดวัคซีน การได้รับโภชนาการที่พอเพียง คุ้มครองให้เด็กมีความปลอดภัยและมั่นคง ให้โอกาสในการเรียนรู้ โดยเฉพาะการเล่น เพื่อช่วงเสริมพัฒนาการเด็ก และตอบสนองเด็กอย่างใส่ใจต่อความต้องการและความรู้สึกของเด็ก มีปฎิสัมพันธ์ที่ดีกับเด็ก
“พัฒนาการสมองของเด็กปฐมวัยจะเริ่มตั้งแต่แรกเกิด ทั้งการเคลื่อนไหว การมองเห็น การเรียนรู้ กิจกรรมหรือการเล่น การพูดคุยกับลูก ล้วนทำให้เกิดการเรียนรู้และสมองของเด็กก็เริ่มพัฒนาแล้ว ซึ่งเด็กแรกเกิดเรียนรู้เรื่องคำศัพท์ได้ แม้เขาจะพูดไม่ได้ เพราะสิ่งที่พ่อแม่คุยกับลูกจะไปอยู่ที่สมองของลูก รวมถึงการพูดภาษาที่สองแก่เด็ก และสิ่งสำคัญที่พ่อแม่ต้องเติมให้แก่ลูก คือ การเล่น ซึ่งจะช่วยเสริมปัญญา สร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวได้”ดร.นุชนาฎ กล่าว
ชะ-ชิ้ง คู่มือครู-นักเรียน จัดการเงินอย่างฉลาด
อย่างไรก็ตาม 'พรูเด็นเชียล' ให้ความสำคัญในการพัฒนาเด็กอย่างต่อเนื่อง นอกจากโครงการ 'เลี้ยงถูก ลูกดี' แล้ว ยังมีการเปิดตัวหลักสูตร ชะ-ชิ้ง (CHA-CHING CURRICULUM) เพื่อเป็นการเสริมองค์ความรู้ การบริหารและจัดการเงินผ่านครูสู่ชั้นเรียน เพิ่มทักษะพื้นฐานเรื่องการจัดการเงินอย่างชาญฉลาด
ปัจจุบัน ได้มีการอบรมครูไปแล้วกว่า 5,000 คน โดยมีการเรียนรู้ใน 4 เรื่องสำคัญ ประกอบด้วย การหารายได้ การเก็บออม การใช้จ่าย และการแบ่งปัน โครงสร้างของหลักสูตรแบ่งออกเป็น 6 บทเรียนๆ ละ 45 นาที แต่ละบทเรียนใช้สำหรับสอนนักเรียนตั้งแต่อายุ 6-12 ปี ซึ่งครูผู้ผ่านการอบรมจะสามารถนำความรู้และสื่อการสอนที่ได้รับไปเป็นเครื่องมือในการสอนที่สนุกสนานและเข้าถึงได้ง่ายเพื่อให้และนำไปปฏิบัติได้จริง
หลักสูตร Cha-Ching ได้ เป็นสื่อการเรียนการสอนให้เด็กๆ แล้วกว่า 1.2 ล้านคนใน 15 ประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะในแอฟริกาและเอเชีย โดยมีคุณครูกว่า 37,000 คนที่ถูกเทรนผ่านหลักสูตร