แนะนำ 6 วิธีดูแลใจเบื้องต้น ย้ำคนไทยในอิสราเอลปรึกษาไลน์สายด่วนสุขภาพจิต
กรมสุขภาพจิต ห่วงใยพี่น้องไทยในอิสราเอล แนะนำ 6 แนวทางดูแลใจเบื้องต้นสำหรับผู้ที่อยู่ในพื้นที่สถานการณ์ความ ไม่สงบ ย้ำหากต้องการรับคำปรึกษาสามารถใช้บริการ “ไลน์สายด่วนสุขภาพจิต 1323 สำหรับคนไทยในอิสราเอล”
วันนี้ (19 ตุลาคม 2566) กรมสุขภาพจิต ติดตามสถานการณ์การช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอลอย่างใกล้ชิด พร้อมร่วมบูรณาการการเยียวยาทางกายใจกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เพื่อเฝ้าระวังปัญหาด้านสุขภาพจิตของครอบครัวที่สูญเสียและได้รับผลกระทบ พร้อมเผย 5 สัญญาณปฏิกิริยาทางใจที่เกิดขึ้นได้เมื่อต้องรับมือกับความกลัวและความสูญเสีย โดยผู้ที่อยู่ระหว่างการรอลำดับการเดินทางกลับสามารถใช้แนวทางการดูแลใจเบื้องต้นสำหรับผู้ที่พำนักอาศัยอยู่ในพื้นที่สถานการณ์ความไม่สงบด้วยตนเอง และหากต้องการรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญสามารถใช้บริการผ่าน “ไลน์สายด่วนสุขภาพจิต 1323 สำหรับคนไทยในอิสราเอล” ได้ทันที
นายแพทย์พงศ์เกษม ไข่มุกด์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า จากสถานการณ์ความไม่สงบในครั้งนี้ ยังมีผู้ที่ติดค้างอยู่ในพื้นที่และเฝ้ารอการเดินทางกลับมายังประเทศไทย และยังมีผู้ที่อยู่ในพื้นที่ต้องสูญเสียเพื่อนร่วมงานอันเป็นที่รักจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ก่อให้เกิดปฏิกิริยาทางใจและความรู้สึกต่าง ๆ มากมายในช่วงนี้ ซึ่งปฏิกิริยาทางใจนี้เป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แบ่งออกได้เป็น 5 ระยะ ได้แก่
1. การไม่สามารถยอมรับความจริงหรือปฏิเสธที่จะรับรู้ จากเหตุการณ์ในครั้งนี้อาจจะมีการแสดงออกด้วยการไม่ยอมรับสถานการณ์ว่าคนใกล้ชิดหรือเพื่อนร่วมงานได้จากไปแล้วหรือถูกจับกุมตัวไว้ เพราะเป็นการเกิดเหตุการณ์แบบกระทันหัน
2. รู้สึกหงุดหงิด โกรธ อาจระบายใส่กับคนหรือสิ่งของรอบข้างแม้รู้ว่าสิ่งนั้นไม่ได้เกี่ยวข้อง ไม่สามารถควบคุมอารมณ์โกรธที่เกิดขึ้น
3. พยายามต่อรองและหลีกเลี่ยงความจริง ต้องการย้อนเวลากลับไปเพื่อให้เหตุการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่นั้นไม่เป็นเรื่องจริง ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม
4. เริ่มมีความรู้สึกสิ้นหวัง ว่างเปล่า ท้อแท้ รู้สึกว่าตนเองไร้ค่า ไม่มีความหมาย บางคนอาจเก็บตัว และไม่อยากพบใคร
5. การยอมรับความเป็นจริงว่าสิ่งนั้นได้เกิดขึ้นแล้วกับชีวิต และสามารถเกิดได้กับทุกคน ซึ่งขั้นตอนนี้อาจจะกลับไปมีความหวัง ซึ่งในบางรายการยอมรับความเป็นจริงก็สามารถทำให้หลุดพ้นจากสถานการณ์ของการสูญเสียและกลับไปใช้ชีวิตได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งปกติที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความเจ็บป่วย การช่วยเหลือกันของเพื่อนและครอบครัวจะช่วยให้พ้นผ่านระยะนี้ไปได้
นายแพทย์พงศ์เกษม กล่าวว่า ซึ่งแนวทางการดูแลจิตใจผู้ที่สูญเสียของกรมสุขภาพจิตได้จัดทีมช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต (Mental Health Crisis Assessment and Treatment Team) หรือทีม MCATT ที่มีความเชี่ยวชาญในการเยียวยาบาดแผลทางจิตใจให้การช่วยเหลือตามระดับอาการ พร้อมกันนี้ กรมสุขภาพจิตได้จัดทำแนวทางการดูแลใจเบื้องต้นสำหรับผู้ที่ยังพำนักอาศัยอยู่ในพื้นที่สถานการณ์ความไม่สงบซึ่งประกอบด้วย
1. ติดตามข่าวสารหรือเช็คข่าวที่ได้ยินจากแหล่งข่าวเชื่อถือได้ ใช้เวลาเสพข่าวอย่างพอเหมาะแต่พอดีหรือมีความเพียงพอต่อความจำเป็นและใช้เวลามีการจับเวลาในการติดตามอย่างเหมาะสม พักการดูข่าวต่อเนื่องยาวนานเป็นระยะ
2. พยายามใช้ชีวิตและทำกิจวัตรประจำวันที่ทำได้เท่าที่สถานการณ์เอื้ออำนวย เพื่อลดความเครียดจากการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต
3. มีแผนสำรองสำหรับความปลอดภัยเพื่อจัดการสถานการณ์ วางแผนอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้อยู่ในสถานการณ์ที่ปลอดภัย จะช่วยความรู้สึกว่าเราพอที่จะควบคุมสถานการณ์ได้บางส่วน
4. ติดต่อกับคนที่เรารักพูดคุยกับเพื่อนและครอบครัวอย่างสม่ำเสมอ แม้จะเป็นช่วงระยะเวลาสั้นสั้นแต่กำลังใจจะช่วยให้สุขภาพจิตดีขึ้น
5. หากิจกรรมเพื่อลดความเครียด เช่น กิจกรรมที่ร่างกายได้เคลื่อนไหวและออกกำลังกายบ้างเท่าที่จะทำได้ สามารถใช้การฝึกสมาธิและการฝึกหายใจร่วมด้วย
6. ติดต่อขอความช่วยเหลือทางด้านสุขภาพจิตหากรู้ว่าตนเองไม่สามารถจัดการอารมณ์ความคิดและพฤติกรรมได้ หรือความเครียดทำให้รบกวนชีวิตประจำวัน โดยสามารถติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญหรือช่องทางที่หน่วยงานราชการจัดหาไว้ให้ ซึ่งประชาชนที่ยังรอการเดินทางกลับ หรือยังพำนักในพื้นที่สถานการณ์ความไม่สงบ สามารถใช้บริการ “ไลน์สายด่วนสุขภาพจิต 1323 เพิ่มเติม สำหรับคนไทยในอิสราเอล” เพื่อรับคำปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญโดยตรงร่วมด้วย