ตลาดความงามไทยเติบโต 6 หมื่นล้านบาท อัตราเติบโตเฉลี่ย80% ต่อปี
‘เวชศาสตร์ความงาม’ เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด ซึ่งภาพรวมของตลาดเวชศาสตร์ความงามไทยเติบโตอยู่ที่ 6 หมื่นล้านบาท และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 80% ต่อปี
Keypoint:
- ตลาดความงามทั่วโลกเติบโตเพิ่มขึ้น ‘เมิร์ซ เอสเธติกส์ ประเทศไทย’ เติบโตแบบ Triple Digit ที่ 111%ตั้งเป้าการเติบโตภายใน 5 ปี ที่ 3,000 ล้านบาท
- 'DASIL World Congress ครั้งที่ 11' เวทีสำหรับวงการแพทย์และความงาม เมิร์ซ พร้อมลงทุนส่งเสริมพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรมความงามความไทย
- ไฮไลท์ในงาน 'นวัตกรรมเพื่อการยกระดับคุณภาพผิว' รู้จัก‘Regenerative Biostimulator’ ศาสตร์ใหม่แห่งการฟื้นฟูผิว สวยจากภายใน ระหว่างวันที่ 25-27 ตุลาคมนี้
Grand View Research ประเมินมูลค่าตลาดเสริมความงามทั่วโลก คาดว่า ปี 2570 มูลค่าจะแตะที่ 2.16 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 7.14 ล้านล้านบาท เฉลี่ยโตปีละ 13.9% (CAGR ปี 2563-2570) เพิ่มจากปี 2563 ประมาณ 2.5 เท่า โดยการเสริมหน้าอก นิยมมากที่สุด สอดคล้องกับรายงานของสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยนานาชาติ (ISAPS) ที่ระบุว่า การผ่าตัดเสริมหน้าอก คิดเป็นสัดส่วน 16% ของการผ่าตัดเสริมความงามทั้งหมด และการเสริมความงามแบบไม่ผ่าตัดที่นิยมมากสุด คือ การฉีดโบท็อกซ์ คิดเป็น 43%
ขณะที่การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ ‘เมิร์ซ เอสเธติกส์ ประเทศไทย’ ที่ได้เฉลิมฉลองการก้าวสู่ปีที่ 8 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ด้วยยอดขายทะลุหนึ่งพันล้านบาท หรือเติบโตแบบ Triple Digit ที่ 111% พร้อมตั้งเป้าการเติบโตภายใน 5 ปี ที่ 3,000 ล้านบาท
วันนี้ (24 ตุลาคม 2566 )เมิร์ซ เอสเธติกส์ ประเทศไทย จัดงานเสวนา Merz Aesthetics ‘Science Behind Confidence’ ภายใต้หัวข้อ ‘เบื้องหลังของวิทยาศาสตร์และการศึกษาวิจัย สู่การรังสรรค์นวัตกรรมเสริมความงามเพื่อทุกความมั่นใจ’ โดยการส่งเสริมการศึกษาค้นคว้า และงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในโลกของนวัตกรรมความงาม รวมถึงการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ใหม่ๆ ระหว่างแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เทรนด์ความงามยุคใหม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ลงทุนงานวิจัยพัฒนานวัตกรรมความงาม
พญ.อัจจิมา สุวรรณจินดา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงาม ผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์เมดดิไซน์คลินิก และประธานการจัดงาน The Dermatologic and Aesthetic Surgery International League (DASIL) World Congress ครั้งที่ 11 กล่าวว่า การพัฒนางานวิจัยอันนำไปสู่นวัตกรรมความงามเพื่อประสิทธิภาพที่มากขึ้น และปลอดภัยสูงสุด จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก ซึ่งแต่ละบริษัทที่เป็นผู้ผลิต ต่างลงทุนเรื่องของงานวิจัยเท่ากัน อย่าง เมิร์ซ เอสเธติกส์ จะให้ความสำคัญในการลงทุนกับงานวิจัยอย่างมาก
รวมทั้งสอดคล้องกับจิตวิญญาณของ เมิร์ซ เอสเธติกส์ นั่นคือ การให้ความสำคัญกับงานวิจัยและการพัฒนานวัตกรรมความงามเพื่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุดของทุกคน
พญ.อัจจิมา กล่าวต่อว่า จริยธรรมของเมิร์ซ เอสเธติกส์ เป็นสิ่งที่น่าชื่นชม เพราะบริษัทเป็น ธุรกิจครอบครัวที่มีอายุกว่า 115 ปี และบริษัทยังมีเป้าหมายว่าจะทำอย่างไรให้คุณภาพของคนไข้ รวมถึงผลิตภัณฑ์ และนวัตกรรมดีขึ้น เมิร์ซ เอสเธติกส์ เป็นบริษัทเดียวที่ไม่เคยปฏิเสธเรื่องการสนับสนุนการศึกษาหรืองานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับแพทย์ รวมถึงพร้อมลงทุนสำหรับการค้นคว้าและวิจัยในเรื่องของผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ
“การเสริมสร้างองค์ความรู้แก่ชุมชนของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สามารถสร้างแรงกระเพื่อมไปได้ไกลถึงระดับ ประเทศและระดับภูมิภาค สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งยกระดับให้ไทยเป็น Medical Hub & Aesthetics Hub ของภูมิภาคเอเชีย ซึ่งจะเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยร่วมของประเทศด้วย”พญ. อัจจิมา กล่าว
เปิดงาน DASIL World Congress 25-27 ต.ค.นี้
พญ.อัจจิมา กล่าวต่อไปว่าภาคเอกชน อย่าง บริษัทนวัตกรรมความงาม สามารถมีส่วนร่วมยกระดับวงการแพทย์ได้ เช่น การสนับสนุนให้มีการประชุมระดับชาติที่แพทย์จะสามารถเข้าร่วมได้ เพื่ออัปเดต องค์ความรู้ด้านนวัตกรรมและงานวิจัยต่างๆ ให้ทันสมัยอยู่เสมอ ซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้ที่เข้ารับบริการเสริมความงามด้วย
“ความสำคัญของ วิทยาศาสตร์ในเรื่องของการพัฒนาวิจัย ผลิตภัณฑ์ การรักษาและสร้างความไว้วางใจให้กับแพทย์และผู้รับบริการ สิ่งที่เมิร์ซ เอสเธติกส์ มี คือ การสนับสนุนวัตกรรมทุกอย่างที่ทำให้เกิดสิ่งที่ดีที่สุด และในปีนี้ เมิร์ซ เอสเธติกส์ เป็นผู้สนับสนุนหลักในการจัดงาน DASIL World Congress ครั้งที่ 11 ซึ่งก่อตั้งโดยองค์กร ที่ไม่แสวงหาไม่กำไร เพราะต้องการให้แพทย์ได้เปิดเวทีในการแลกเปลี่ยนและแชร์ประสบการณ์การใช้ ให้เกิดเป็นการพัฒนาในองค์ความรู้ในเรื่องของแพทย์ด้านความงามระดับโลก”พญ.อัจจิมา กล่าว
โดยปีนี้ เมิร์ซ เอสเธติกส์ ประเทศไทย ได้ร่วมเสริมสร้างองค์ความรู้ใหม่ ๆ แก่วงการแพทย์ผิวหนังและความงาม ด้วยการเป็นหนึ่งในพาร์ทเนอร์สำคัญของงาน DASIL World Congress ครั้งที่ 11 ที่จะจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 25-27 ตุลาคม 2566 ซึ่ง DASIL เป็นองค์กรเพื่อการศึกษาที่ไม่แสวงหาผลกำไรและมีจุดประสงค์หลักการเรียนการสอนสำหรับแพทย์รุ่นใหม่ การแลกเปลี่ยนความรู้ ข้อมูลและเทคนิคการรักษาจากประสบการณ์ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีความหลากหลายจากทั่วโลก
ทั้งนี้ ในงาน DASIL World Congress ครั้งที่ 11 ปีนี้ เมิร์ซ เอสเธติกส์ ร่วมจัดงานเสวนาในหัวข้อที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรมสารลดเลือนริ้วรอยที่บริสุทธิ์สูงไม่กระตุ้นภูมิคุ้มกัน หรือ หัวข้อที่กำลังเป็นที่พูดถึงในวงกว้างอย่าง นวัตกรรมเพื่อการยกระดับคุณภาพผิว (Merz Symposium on Skin Quality Innovations) เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมเพื่อคุณภาพผิว สุดยอดเทรนด์ความงามเพื่อเสริมความมั่นใจ ที่เมิร์ซ เอสเธติกส์ มีความเชี่ยวชาญและเป็นผู้นำในตลาด
ก่อนทำหัตถการต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
รศ. ดร.วาสนภ วชิรมน แพทย์เฉพาะทางผิวหนัง และ อาจารย์ประจำหน่วยโรคผิวหนัง คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า งานวิจัยมีส่วนสำคัญอย่างมากในการผลิตนวัตกรรมความงามที่ปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน และต้องผสานกับผู้ให้บริการเสริมความงามที่ต้องยึดถือจรรยาบรรณวิชาชีพ และผู้รับบริการจะต้องรู้จักเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยต่อร่างกายและมีผลกระทบน้อยที่สุด
“คนไข้ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจเข้ารับทำหัตถการทุกครั้ง เนื่องจากผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดมีวัตถุประสงค์ในการใช้ที่แตกต่างกัน และควรเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ควรได้รับการรับรองมาตรฐานในประเทศและระดับสากล”รศ.ดร.วาสนภ กล่าว
ทำความรู้จัก ‘Regenerative Biostimulator’
ดร. โอเว่น ซุงก้า รองประธานอาวุโส ฝ่ายวิทยาศาสตร์และวิจัยทางการแพทย์ บริษัทเมิร์ซ เอสเธติกส์ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า นวัตกรรมเพื่องานผิวในอุดมคติ ล้วนมีพื้นฐานมาจากวิทยาศาสตร์และงานวิจัยทั้งสิ้น เพื่อให้ผิวได้รับคุณประโยชน์ในการฟื้นฟูอย่างเต็มที่ ทั้งในแง่ของการประสิทธิภาพและความปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม ภายในกิจกรรมเสวนาในครั้งนี้ เมิร์ซ เอสเธติกส์ ประเทศไทย ยังได้อัปเดตเทรนด์ความงามล่าสุด ด้วยการเผยศาสตร์ใหม่แห่งการฟื้นฟูผิว Regenerative Biostimulator ครั้งแรกในประเทศไทยกับนวัตกรรมสารฉีดกระตุ้นสร้างเส้นใยผิวใหม่แบบครบถ้วน 5 ประการที่เตรียมสร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้กับอุตสาหกรรมความงามในไทย
โดย‘Regenerative Biostimulator’ ศาสตร์ใหม่แห่งการฟื้นฟูผิว ศาสตร์นี้ไม่ได้สร้างแค่ structure ผิว แต่ restore อย่างอื่นด้วย ทำให้ได้ผิวที่สุขภาพดี สวยจากข้างใน จุดเด่นคือการสร้างคอลลาเจนที่ดี type 1 (จากการวิจัยพบว่าดีขึ้น 150%) และ type 3 จากการวิจัยพบว่าดีขึ้น 130%) ซึ่ง type 3 เป็น young collagen ที่ทำให้ผิวหน้านุ่มเนียนเหมือนผิวเด็ก = baby face และศาสตร์นี้ไม่ได้กระตุ้นแค่คอลลาเจน แต่มีการกระตุ้น elastin การยืดหยุ่นของผิวที่ทำให้หน้าเด็กลง อีกทั้งยังมีงานวิจัยรองรับกว่า 245 งานวิจัยทั่วโลก และถือเป็นหนึ่งในหัตถารความงามที่มีงานวิจัยรองรับมากที่สุดอันดับต้นๆ
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมงาน DASIL World Congress ครั้งที่ 11 ระหว่างวันที่ 25-27 ตุลาคม 2566 ได้ที่ โรงแรม อวานีพลัส ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ (the AVANI+ Riverside Hotel, Bangkok)
