อัปเดต 'เทรนด์ความงาม' กับ 5 'ศัลยกรรม' ยอดนิยม
อุตสาหกรรม 'ศัลยกรรมความงาม' ของไทยมีมูลค่าตลาดประมาณ 71,000-72,000 ล้านบาท ขยายตัวราว 2.3%-3.6% ทยอยกลับมาฟื้นตัวภายหลังโควิด-19 MASTER เผย 5 เทรนด์ศัลยกรรมในประเทศไทย เสริมจมูก ครองอันดับ 1
Key Point :
- ประเทศไทยนับว่าโดดเด่นเรื่องศัลยกรรม โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีมูลค่าตลาดประมาณ 71,000-72,000 ล้านบาท
- เทรนด์การทำ ศัลยกรรม ของไทยยังเป็นที่ใบหน้า โดยเฉพาะการเสริมจมูก ปรับโครงจมูก
- MASTER ชูจุดแข็งมาตรฐานของอุปกรณ์ การใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่ทันสมัย มาตรฐานของแพทย์ เป้าหมาย Specialty Hospital ภายใน 3 ปี
ปัจจุบันกล่าวได้ว่าประเทศไทยเป็นเมืองหลวงด้านศัลยกรรมความงามของเอเชียตะวันออกเชียงใต้ และในเอเชียเราเป็นรองแค่เพียงประเทศเกาหลีใต้ โดยมีปัจจัยเอื้อคือความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทางการแพทย์และความนิยมที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของโซเชียลมีเดีย ทุกคนจึงสามารถเข้าถึงการทําศัลยกรรมความงามได้มากขึ้น
ทั้งนี้ ตลาดศัลยกรรมความของเกาหลีใต้มีมูลค่า 1.95 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2023 โดยได้รับแรงหนุนจากอิทธิพลของคนดังและมาตรฐาน K-beauty ที่สูง ตลาดคาดว่าจะเห็นการเติบโตต่อไปในช่วงคาดการณ์ของปี 2024-2032 โดยเติบโตที่อัตราการเติบโตประจำปีแบบทบต้น (CAGR)13.2%)
'ลภัสรดา เลิศภานุโรจ' รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER ในนาม โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช Specialty Hospital ของอุตสาหกรรมด้านความงามอันดับต้นของประเทศไทย และเอเชีย เปิดเผยถึง อุตสาหกรรมศัลยกรรมความงามของไทยมีมูลค่าตลาดประมาณ 71,000-72,000 ล้านบาท ขยายตัวราว 2.3%-3.6% (YoY) ทยอยกลับมาฟื้นตัวภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย แต่มูลค่าดังกล่าวยังไม่กลับไปเท่าก่อนโควิด-19
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ประชัน 5 หุ้น ศัลยกรรมความงาม ใครโดดเด่นสุด?
- MASTER ตั้งเป้ารายได้ปี66โต40% มั่นใจหุ้นเข้าเทรดวันแรกฉลุย
- 'MASTER' ชูศักยภาพ 'ศัลยกรรม' ไทย ตอบโจทย์ความยั่งยืนประเทศ
เทรนด์การทำศัลยกรรมในประเทศไทยยังเป็นที่ใบหน้า โดยเฉพาะหลังโควิด คนรุ่นใหม่นิยมทำศัลยกรรมเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะการเสริมจมูก ปรับโครงสร้างจมูกโอเพน รองลงมา เป็น การดึงหน้า ยกคิ้ว การทำตาสองชั้น การผ่าตัดปรับโครงสร้างหน้า ยุบโหนกตัดกราม การเสริมจมูกโดยเฉพาะการปรับโครงสร้างจมูกโอเพน
"การจัดการเรียนการสอนออนไลน์ ที่เปิดกล้องคุยกัน บางคนไม่มีความมั่นใจในหน้าตา ทำให้มีการทำศัลยกรรมใบหน้ากันมากขึ้น หรือทำจมูก ปรับโครงสร้างจมูกแบบโอเพนก่อนเปิดภาคเรียนเพื่อความมั่นใจมากขึ้น ซึ่งเทรนด์สุขภาพความงามปี 2023 เน้นทำศัลยกรรมบนหน้าและทำจมูกแบบไม่พุ่งจนเกินไป จะสวยดูเป็นธรรมชาติรวมถึงศัลยกรรมรูปร่างด้วยเดี๋ยวนี้ทำยังไงให้ดูเป็นธรรมชาติ"
โดยก่อนการทำศัลกรรม จะมีใช้ AI ช่วยสร้างภาพเสมือนจริงให้กับผู้ที่สนใจจะทำศัลยกรรมได้เห็นตัวอย่าง หลังจากผ่าตัดเสร็จ เพื่อให้มั่นใจถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัย ให้มองเห็นความคุ้มค่าของหัตถการที่ส่งผลสูงสุดต่อชีวิตเพื่อแก้ปัญหาอย่างตรงจุด และเน้นให้สวยดูเป็นธรรมชาติ
'ลภัสรดา' อธิบายว่า การทำศัลยกรรมของ MASTER ยึดมั่นเสมอคือ Be a Better You เป็นเราในแบบที่ดีกว่าเดิม เน้นที่ความพอเหมาะพอดี ไม่มากเกินไป ไม่ว่าจะเป็น เสริม / ลด หรือ แก้ไข ปรับสภาพ ทุกอย่างจะมุ่งเน้นไปความเป็น ธรรมชาติ เช่น การเสริมจมูกก็จะไม่แปลกแตกต่างจากโครงของเชื้อชาติกำเนิด เสริมหน้าอกในความพอดี เหมาะกับสัดส่วนร่างกาย การเสริมขนาดน้องชายด้วยฟิลเลอร์ของคนเอเชีย ให้พอเหมาะพอดีกับคู่ชีวิต หรือการปลูกผม คิ้ว หนวด เครา ก็ให้เหมาะกับลุคส์ เหมาะกับตัวตน และวิถีชีวิต
"ว่ากันว่าเมืองไทยเป็นบิวตี้สแตนดาร์ด ไม่ได้หมายถึงคนไม่สวยไม่มีโอกาสในสังคมแต่การทำศัลยกรรมเป็นการเพิ่มโอกาสและความมั่นใจให้กับตัวเองมากขึ้นเราจะเน้นที่ความงามเฉพาะบุคคล เป็นสิ่งสำคัญกว่าจะเป็นไปตามหลักสมดุล ของทั้งตัวผู้รับบริการ และเทคนิคที่เหมาะสม เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เพื่อเคสนั้นๆ เท่านั้น ความยั่งยืนของโลกศัลยกรรมความงาม ต้องมาจากความคุ้มค่า มาตรฐานและความปลอดภัย"
อย่างไรก็ตาม การทำศัลยกรรมความงามปลอดภัย มีความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น แต่สามารถปิดความเสี่ยงทั้งหมดด้วยการเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ และสถานพยาบาลที่มีมาตรฐานทางการแพทย์และถูกต้องตามกฎหมาย ประเมินรูปแบบศัลยกรรมความงามกับแพทย์เจ้าของเคสก่อนทำอย่างลงลึก และปฏิบัติตามคำแนะนำก่อนและหลังการผ่าตัดอย่างระมัดระวัง
ส่วนการทำศัลยกรรมจะอยู่ได้นานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุ นิสัย การใช้ชีวิต และประเภทของการทำศัลยกรรม เช่น การฉีดฟิลเลอร์ โบท็อกซ์บนใบหน้า อาจอยู่ได้ไม่กี่เดือน ในขณะที่การทำหน้าอก เสริมจมูก ยกคิ้ว ปลูกผม อยู่ได้นานหลายปี
อย่างไรก็ตาม การรักษาวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี และการปฏิบัติตามคำแนะนำหลังการผ่าตัดทั้งหมด สามารถช่วยยืดอายุผลลัพธ์ของการทำศัลยกรรมได้ และจะสร้างผลข้างเคียงหรือส่งผลเสีย ขึ้นอยู่กับการเลือกสถานที่ทำที่ได้มาตรฐาน รวมถึงทำศัลยกรรมกับแพทย์ชำนาญการ
ปัจจุบันมีสัดส่วนลูกค้าต่างชาติมาใช้บริการ 24% เพิ่มขึ้นจากช่วงโควิด-19 ที่มีเพียง 6 % มาจากอินโดนีเซียมากที่สุด รองลงมาเป็นอาหรับ และยุโรป พม่า ลาว เชื้อสายจีน ส่วนใหญ่มาปลูกผม ทำจมูก และหน้าอก ซึ่งจุดแข็งของมาสเตอร์พีช มีความเป็นมาตรฐานของอุปกรณ์ การใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่ทันสมัย มาตรฐานของแพทย์
โดยในอนาคตวางเป้าหมายให้เป็น Specialty Hospital ภายใน 3 ปี โดยใช้กลยุทธ์ร่วมลงทุนกับพาร์ตเนอร์มาช่วยเสริมความแข็งแกร่งความชำนาญของธุรกิจที่ MASTER มีอยู่และภายในปีนี้จะประกาศอีก 5 ดิลที่กำลังเจรจาอย่างเป็นทางการได้ ซึ่ง จะช่วยเพิ่มศักยภาพของโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช พร้อมก้าวสู่การเป็นโรงพยาบาลศัลยกรรมเสริมความงามแบบครบวงจร