Chersery Home ต่อจิ๊กซอว์ ระบบสุขภาพผู้สูงวัย ดันไทยสู่ Senior Destination

ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ด้วยอัตราเร่งสูงที่สุดในอาเซียน การดูแลด้านสาธารณสุขแบบตั้งรับด้วยแนวคิด Centralized Healthcare อาจจะเป็นเรื่องยาก แต่การเปลี่ยนมาเป็น Decentralized Healthcare โดยกระจายความเจริญ ความเฉพาะทาง และความสามารถของแพทย์ไปอยู่ในชุมชน จะช่วยให้การดูแลสุขภาพประชาชนครอบคลุม เข้าถึงได้ และยั่งยืน

Decentralized Healthcare เป็นแนวคิดที่ Chersery Home International นำมาปรับใช้และทรานฟอร์มตัวเอง จากโรงพยาบาล เฉพาะทางด้านการดูแลผู้สูงอายุและศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู มาเพื่อตอบโจทย์ผู้สูงอายุ สู่การขยายบริการเนอร์สซิ่งโฮม-ศูนย์การดูแลผู้สูงอายุระดับสูง, Harmoni Home Care-บริการจัดหาดูแลผู้สูงอายุมืออาชีพให้บริการที่บ้าน, บริการรถรับส่ง, คลินิกกายภาพ, นวัตกรรมอาหาร และการร่วมมือกับโรงเรียนแพทย์ สนับสนุนมหาวิทยาลัยพัฒนาคนเพื่อตอบโจทย์เป้าหมายประเทศในการเป็น Senior Destination มาตรฐานในระดับนานาชาติ

“นพ.เก่งพงศ์ ตั้งอรุณสันติ” ผู้อำนวยการ Chersery Home International โรงพยาบาลผู้สูงอายุ และศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู และนายกสมาคมการค้าและการบริการสุขภาพ ผู้สูงอายุไทย (SHSTA) ให้สัมภาษณ์กับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า การรักษาผู้สูงอายุของไทยดีขึ้นมากในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา แต่ในการฟื้นฟูยังเป็นจิ๊กซอว์ที่หายไป ขณะเดียวกัน ประเทศไทยมีความโดดเด่นเหมาะกับคนที่ต้องการใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบสุข อากาศดี อาหารอร่อย การท่องเที่ยว บริการทางการแพทย์ที่เข้าถึงได้

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• "Chersery Home" ยกโมเดลใหม่ ปั้นธุรกิจผู้สูงวัยครบวงจร สู่สังคมร้อยปีอย่างมีความสุข
• ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ By Chersery Home เปิดสาขาใหม่ ที่บางนา-วงแหวน ใกล้โรงพยาบาลสิรินธร
• บ้านธรรมชาติ By Chersery Home เปิดสาขาใหม่ ที่ บ้านธรรมชาติ แบริ่ง 15

 

“Chersery Home International เข้ามาเป็นจิ๊กซอว์ตัวสำคัญ ที่ช่วยเติมเต็มศักยภาพทางด้านการดูแลผู้สูงอายุและเป็นหมุดหมายของคนทั่วโลกรวมถึงคนไทยที่จะเข้ามาทำการรักษา ครอบคลุม 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มหลังจากออกจากโรงพยาบาล มีภาวะอ่อนแรง กลุ่มผู้ป่วยมะเร็ง-ประคับประคอง กลุ่มที่มีปัญหาความเสื่อมของสมอง และกลุ่มผู้ป่วยหลังผ่าตัด ด้วยมาตรฐานระดับสากลเพื่อให้ชาวไทยและชาวต่างประเทศมั่นใจ เชื่อว่าประเทศไทย สามารถเป็น Senior Destination สำคัญของโลกได้”

 

Senior Care Service ที่ดีใกล้บ้าน

เนื่องจากผู้สูงอายุมีอยู่ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โมเดล Senior Care ที่ดีใกล้บ้าน จึงเป็นโมเดลที่จะเข้ามาทำให้เกิดความยั่งยืนเชิงระบบสุขภาพ ด้วยบริการที่เหมาะสม เข้าถึงได้ และฟื้นฟูต่อเนื่อง เป็นที่มาของการขยายบริการ “Harmoni homecare” ดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน ซึ่งเรียกว่ามีการเติบโตกว่า 200% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

 

“ผู้สูงวัยที่ต้องการการดูแลต่อเนื่อง กว่า 80% ต้องการการดูแลที่บ้าน Harmoni homecare มาตรฐานสากล AACI standard รายแรกของเอเชีย มีระบบนัดหมาย จับคู่การบริการให้ตรงกับความต้องการ คัดกรองผู้ให้บริการ เช็กประวัติอาชญากรรม ระบบการติดตาม เยี่ยมบ้าน ซัพพอร์ตกรณีฉุกเฉิน และการบริการที่ยืดหยุ่นทั้งดูแลระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงร่วมเบิกจ่ายกับประกันได้”

นอกจากนี้ ยังเพิ่มบริการ “Harmoni Mobility” ผู้สูงวัยไปได้ทุกที่ ร่วมกันอย่างเป็นทางการกับโตโยต้า ด้วยรถตู้พิเศษติดตั้งอุปกรณ์ AUTOSEAT เคลื่อนย้ายเบาะอัตโนมัติ สามารถรับส่งผู้สูงอายุไปพบแพทย์ หรือไปเที่ยว เป็นทางเลือกในการเดินทาง ไม่ติดบ้าน แต่ติดสังคม สามารถเลือกเดินทางไปพร้อมกับ Caregiver ได้ และจะขยายบริการสู่ จ.ภูเก็ต รับการขยายตัวของการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล ทุกกลุ่มอายุ ภายในต้นเดือน มิ.ย. นี้

 

ล่าสุด เตรียมเปิด “เนอร์สซิ่งโฮม Pet Friendly” แห่งแรกของไทย สาขาแจ้งวัฒนะต้นเดือนก.ค. 2567 นี้ โมเดลใหม่ พื้นที่บ้านสวน สามารถนำสุนัขเข้ามาเยี่ยมผู้สูงอายุได้ มีกิจกรรม Pet Therapy เพื่อทำให้ศูนย์ฯมีความสดใส ผู้สูงวัยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

 

พัฒนาคน พัฒนานวัตกรรม

ปัจจุบัน Chersery Home มีทั้งหมด 6 สาขา รองรับได้กว่า 300 เตียง พร้อมตั้งเป้าขยายร่วมกับทางเครือพฤกษา และรพ.วิมุตขยายเป็น 600 เตียง ภายใน 3 ปี อีกทั้ง ยังเดินหน้าเปิดคลินิกกายภาพบำบัด 20 สาขาใน 3 ปี ในกทม. และหัวเมืองใหญ่ ปักหมุดเตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์ภายใน 4-5 ปี

 

อย่างไรก็ตาม การขยายบริการยังต้องการกำลังคนอีกมาก ที่จะเข้ามาทำงานด้านผู้สูงอายุ นพ.เก่งพงศ์ กล่าวต่อไปว่า Chersery Home มีโรงเรียนฝึก Caregiver มากกว่า 10 แห่งที่เป็นพันธมิตร โดยมีความร่วมมือเชิงวิชาการและงานวิจัยกับมหาวิทยาลัย อาทิ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยเทคโลโนยีราชมงคลต่างๆ ในการแลกเปลี่ยนความรู้ เป็นที่ศึกษาเรียนรู้ของนักศึกษาแพทย์ รวมถึง แพทย์ที่ศึกษาเฉพาะทาง และสหสาขาอาชีพอื่นๆ

 

“มองว่าเราต้องเตรียมเรื่องคนเยอะมากทั้งแพทย์ พยาบาล Caregiver จึงต้องมีการสร้างพันธมิตรทางการศึกษา การทำงานร่วมกับทางมหาวิทยาลัยต่างๆ ในการตอบโจทย์เรื่องของคน ผลักดันประเทศไทยให้เป็น Destination Hub โดยเน้นเรื่องของ Hospitality เป็นหมุดหมายใหม่ เปลี่ยนไทยสู่ประเทศบริการชั้นสูงทางด้านการแพทย์และการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นบริการคุณค่าสูง เป็นที่ต้องการของคนทั่วโลก”

 

 

นอกจากนี้ ยังทำงานร่วมกับ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการพัฒนา “พรีไบโอติกส์-Inulio” สำหรับผู้สูงอายุที่มีปัญหาท้องผูก ลำไส้ติดเชื้อ เชื้อดื้อยา นำงานวิจัยภายใต้แนวคิดจาก “มหาวิทยาลัยสู่มหาชน” รวมถึงการนำเทคโนโลยีหุ่นยนต์จากต่างประเทศ เข้ามาช่วยผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านสมอง ด้านการเดิน พัฒนาเกมร่วมกับบริษัท EdTech ของไทยเพื่อพัฒนาสมองผู้สูงวัย และอีก Business Model ในการรับบริหารให้กับ Day Care-ศูนย์กายภาพบำบัดให้ท้องถิ่น เสริมกำลังคนให้กับทางภาครัฐอีกทางหนึ่งด้วย

“การก้าวสู่ประเทศบริการชั้นสูงทางด้านการแพทย์ วันนี้ประเทศไทยถือว่าไม่ช้า เพราะภาคเอกชนมีการตื่นตัว รัฐบาลพร้อมส่งเสริม และภาคประชาสังคมเริ่มเปิดใจกับเนอร์สซิ่งโฮมมากขึ้นจาก 5-6 ปีก่อน มองว่าในอุตสาหกรรมนี้ ในประเทศไทยยังเติบโตได้กว่า 10-15% ต่อปี ต้องมองใหม่ว่า งานผู้สูงอายุไม่ใช่แค่งานบริการ แต่เป็นจุดสร้าง New S-Curve ใหม่ ดึงดูดเม็ดเงินและนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาอยู่ระยะยาว และ Chersery Home จะเป็นหนึ่งในฟันเฟืองที่ขับเคลื่อนประเทศไปสู่ Senior Destination” นพ.เก่งพงศ์ กล่าวทิ้งท้าย