ข้อควรรู้!! ก่อนใช้ "ยาสีฟันฟันขาว ปากกาฟอกสีฟัน" แก้ฟันเหลืองได้จริงหรือ?
ตอนนี้ใครๆ ก็อยากฟันขาว ฟันสวย จนบางคนต้องทุ่มงบฟอกฟันขาว แต่หากใครยังไม่มีงบมากพอ จะแก้ปัญหาฟันเหลือง ให้ขาวสดใส มีรอยยิ้มที่รู้สึกมั่นใจ ไม่ต้องเสียบุคลิกภาพ
KEY
POINTS
- ฟันเหลืองเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้ง สีฟันมีความผิดปกติมาตั้งแต่กำเนิด การได้รับฟลูออไรด์มากเกินไป ฟันตกกระ หรือสีฟันผิดปกติจากอุบัติเหตุ รวมไปถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำ
- วิธีที่จะทำให้ฟันขาวที่ง่ายมาก คือ การแปรงฟันให้สะอาดอย่างทั่วถึงหลังอาหารทุกมื้อร่วมกับการไปพบทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอเพื่อขูดหินปูนและขัดฟัน
- ยาสีฟันฟันขาวหรือยาสีฟัน สูตรใด ๆ ส่วนผสมที่ทุกคนควรมองหาในยาสีฟันอยู่เสมอก็คือฟลูออไรด์ (Fluoride) เนื่องจากส่วนผสมชนิดนี้เป็นส่วนผสมที่สำคัญต่อสุขภาพช่องปาก
ตอนนี้ใครๆ ก็อยากฟันขาว ฟันสวย จนบางคนต้องทุ่มงบฟอกฟันขาว แต่หากใครยังไม่มีงบมากพอ จะแก้ปัญหาฟันเหลือง ให้ขาวสดใส มีรอยยิ้มที่รู้สึกมั่นใจ ไม่ต้องเสียบุคลิกภาพ อาจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยให้ฟันขาวที่มีอยู่มากมายให้เลือกสรร
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยให้ฟันขาว ได้รับความนิยมอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น “ยาสีฟันขาว” หรือ “ปากกาฟอกสีฟัน Whitening Pens” เพื่อช่วยให้ฟันมีสีที่ขาวขึ้นหรือลดปัญหาคราบเหลืองที่ฟัน เพราะต่อให้ปัญหาฟันเหลืองไม่ส่งผลเสียอย่างรุนแรงต่อสุขภาพ แต่ทำให้ให้หลายคนขาดความมั่นใจหรือเสียบุคลิกภาพได้ จะยิ้มหรือพูดคุยกับใครก็ไม่กล้า
การจะแก้ปัญหาฟันเหลืองนั้น “กรุงเทพธุรกิจ” อยากชวนทุกคนมารู้ต้นตอปัญหาฟันเหลืองว่าเกิดจากอะไรได้บ้าง จากพฤติกรรมการดื่มกิน ใครที่ชอบดื่ม ชา กาแฟ หรือไวน์เป็นประจำ อย่างที่เขาว่ากันจริงหรือ แล้วจะแก้ปัญหาฟันเหลองได้จากการใช้ยาสีฟันฟันขาว หรือปากกาฟอกสีฟัน จริงๆ หรือ ?
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
'กลิ่นปาก' ไม่ใช่เรื่องตลก อาจเป็นสัญญาณบอกโรค
อย่าขี้เกียจแปรงฟัน! วิจัยพบ 'โรคเหงือก' เชื่อมโยงต่อ 'ภาวะสมองเสื่อม'
ยาสีฟันฟันขาวทำงานอย่างไร
ยาสีฟันฟันขาวเป็นยาสีฟันที่มักมีส่วนผสมสารบางชนิด เช่น ซิลิกา (Silica) อะลูมินา (Alumina) หรือแคลเซียมคาร์บอเนต (Calcium Carbonate) ที่มีส่วนช่วยขัดผิวฟันอย่างอ่อน หรือสารบางชนิดที่มีหน้าที่จับและขจัดคราบต่าง ๆ บนผิวฟัน
อย่างไรก็ตาม ยาสีฟันเหล่านี้จะเพียงช่วยกำจัดคราบต่าง ๆ ที่อยู่บนผิวฟันชั้นนอกเท่านั้น เช่น คราบชา กาแฟ บุหรี่ หรือคราบจากอาหารบางชนิด ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนสีธรรมชาติของฟันได้
นอกจากนี้ ในบางผลิตภัณฑ์อาจใส่สารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogen Peroxide) ซึ่งเป็นสารที่อาจมีส่วนช่วยเปลี่ยนสีของฟันจากข้างในให้ขาวขึ้นเล็กน้อยได้ อย่างไรก็ตาม โดยปกติแล้วในผลิตภัณฑ์ยาสีฟันฟันขาวจะใส่สารชนิดนี้มาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ผลลัพธ์ของการใช้ยาสีฟันในกลุ่มนี้เพื่อให้ฟันขาวขึ้นจึงอาจไม่ได้มากนัก
ยาสีฟัน ช่วยแก้ฟันเหลืองได้จริงไหม?
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจหน้าที่ของยาสีฟันกันสักเล็กน้อย โดยปกติแล้วยาสีฟันจะมีหน้าที่หลักๆอยู่ 2 ประการ คือ
- ทำหน้าที่ในการป้องกันและควบคุมโรค ด้วยการเพิ่มสรรพคุณให้กับยาสีฟัน อย่างการเพิ่มฟลูออไรด์ลงไปในยาสีฟันที่มีส่วนช่วยในการป้องกันฟันผุ
- ทำความสะอาดและเพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัดคราบจุลินทรีย์และคราบสีในการแปรงฟัน
แต่ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ปัญหาฟันเหลืองสามารถเกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ เช่น สีฟันมีความผิดปกติมาตั้งแต่กำเนิด การได้รับฟลูออไรด์มากเกินไป จนอาจทำให้เกิดจุดสีเหลืองหรือสีน้ำตาลที่เรียกว่าฟันตกกระ หรือสีฟันผิดปกติจากอุบัติเหตุ รวมไปถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะการรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีสีอยู่เป็นประจำ เช่น ชา กาแฟ ไวน์ ก็สามารถทำให้เกิดปัญหาฟันเหลืองได้เช่นกัน
ยาสีฟันแก้ฟันเหลืองทำให้ฟันสึกได้หรือไม่?
จะเห็นว่า หน้าที่ของยาสีฟันจึงมีคุณสมบัติที่ช่วยในการแก้ปัญหาฟันเหลืองจากคราบสี จากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันได้ โดยเฉพาะสูตรของยาสีฟันที่ทำออกมาเพื่อให้ฟันขาว (Whitening toothpaste) ที่ช่วยจำกัดคราบสีและควบคุมการเกิดใหม่ของคราบสี จากปัจจัยภายนอกตัวฟันรวมถึงการฟอกสีภายในตัวฟันเพื่อให้ฟันดูขาวขึ้น นอกจากนี้ก็ไม่ควรที่จะละเลยการใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ ซึ่งจะช่วยรักษาเคลือบฟัน และช่วยควบคุมการเกิดหินปูน ซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหาฟันเหลืองและกลิ่นปากร่วมด้วย
สำหรับบางคนที่กังวลว่า ยาสีฟันที่ทำให้ฟันขาวขึ้นนั้นอาจจะมีส่วนผสมที่อันตรายจนทำให้เกิดอาการฟันสึกตามมา เรื่องนี้ไม่ต้องกังวลใจไปเพราะสามารถตรวจสอบเองได้จากส่วนประกอบของยาสีฟัน โดยดูได้ว่า ยาสีฟันยี่ห้อนั้นๆ มีการใช้สารขัดฟัน เช่น สาร Hydrated Silica ซึ่งมีขนาดสารขัดฟันหรือไม่ หากมีลองตรวจสอบดูซักหน่อยว่าขนาดของผงขัดมีความหยาบที่ปลอดภัยหรือไม่โดยดูจากค่า RDA (Relative Dentin Abrasiveness) คือ ค่าที่วัดความสามารถในการขัด โดยไม่ควรเกิน 250 ซึ่งยาสีฟันส่วนใหญ่ก็จะมีขนาดผงขัดที่อยู่ในเกณฑ์
ความปลอดภัยในการใช้ยาสีฟันฟันขาว
โดยปกติ การใช้ยาสีฟันฟันขาวค่อนข้างปลอดภัยและมักไม่ส่งผลเสียใด ๆ ต่อสุขภาพช่องปาก แต่ผู้ที่ต้องการใช้ก็ควรอ่านฉลากของผลิตภัณฑ์ถึงปริมาณและความถี่ในการใช้ยาสีฟันฟันขาวก่อนใช้เสมอ เนื่องจากการใช้ยาสีฟันกลุ่มนี้มากเกินที่ฉลากกำหนดอาจเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดปัญหาสุขภาพช่องปากบางชนิดได้ เช่น เคลือบฟันได้รับความเสียหาย เหงือกระคายเคือง หรือเสียวฟัน
นอกจากนี้ แม้ยาสีฟันฟันขาวจะค่อนข้างปลอดภัย แต่สำหรับผู้ที่มีปัญหาทางสุขภาพช่องปากอยู่ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเสียวฟัน หรือกำลังอยู่ในกระบวนการรักษาใด ๆ ทางช่องปากอยู่ ก็ควรปรึกษาทันตแพทย์ผู้รักษาก่อน
และสำหรับผู้ที่ใช้ยาสีฟันฟันขาวไปได้ระยะหนึ่ง หรืออาจจะลองใช้วิธีช่วยเพิ่มฟันขาว ด้วยวิธีอื่นแล้ว เช่น การใช้น้ำยาบ้วนปากสูตรฟันขาว การใช้แผ่นแปะฟันขาวการหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้ฟันเหลือง แต่ยังรู้สึกว่าผลลัพธ์ในการใช้ยังไม่เป็นที่พึงพอใจ การไปพบและปรึกษาทันตแพทย์ก็อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพื่อให้ทันตแพทย์ได้ตรวจสุขภาพช่องปากและแนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะสม
โดยวิธีที่ทันตแพทย์อาจใช้เพื่อรักษาผู้ที่ต้องการให้ฟันขาวขึ้นก็เช่น การฟอกสีฟัน การใช้วัสดุเรซินอุดผิวเคลือบฟัน (Dental Bonding) หรือการวีเนียร์ (Dental Veneer)
สุดท้ายนี้ ไม่ว่าจะเป็นยาสีฟันฟันขาวหรือยาสีฟัน สูตรใด ๆ ส่วนผสมที่ทุกคนควรมองหาในยาสีฟันอยู่เสมอก็คือฟลูออไรด์ (Fluoride) เนื่องจากส่วนผสมชนิดนี้เป็นส่วนผสมที่สำคัญต่อสุขภาพช่องปากในหลาย ๆ ด้าน ทั้งการป้องกันฟันผุและเสริมสร้างสุขภาพเหงือกที่ดี
สาเหตุที่ทำให้ฟันเหลือง
ทพญ.พิรมล เทพมงคล งานทันตกรรมโรงพยาบาลศิริราช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่าฟันเหลืองเกิดขึ้นจากสาเหตุใด
ฟันคนเราปกติจะมีสีขาวเป็นมันวาว แต่บางคนจะมีฟันเหลือง หรือดำ คล้ำ แลดูไม่สวย งาม โดยอาจจะเป็นเพียงบางซี่ หรือทุก ๆ ซี่ก็ได้ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ฟันคนเราไม่ขาวก็จะมาจากหลายสาเหตุด้วยกัน คือ
1. การที่คนเรารับประทานอาหาร หรือดื่มเครื่องดื่มที่มีสี เป็นประจำ เช่น ชา กาแฟ
การอมลูกอม สูบบุหรี่ ร่วมกับการที่เราแปลงฟันไม่สะอาดพอ จึงทำให้มีคราบอาหาร คราบแบคทีเรีย และหินปูน มาเกาะติดสะสมทีละน้อย ๆ จนเห็นเป็นสีเหลือง สีน้ำตาล หรือสีดำติดตามซอกฟัน
2. เกิดจากฟันผุ ซึ่งมักจะมีสีเหลืองเข้ม หรือสีน้ำตา โดยเฉพาะฟันที่อยู่ด้านหน้าทำให้ มองเห็นได้ชัดเจน
3. เกิดจากฟันตาย ซึ่งหมายถึง ฟันที่ไม่มีเลือด และประสาทฟันมาหล่อเลี้ยงทำให้ฟันมีสี ทึบ ไม่โปร่งเหมือนฟันที่มีชีวิตอยู่ ซึ่งจะเกิดขึ้นกับฟันที่ผุมาก ๆ และทิ้งไว้เป็นระยะเวลานาน จนฟันผุลุกลามถึงโพรงประสาทฟัน หรืออาจเกิดขึ้นกับฟันที่ได้รับอุบัติเหตุ หรือถูกกระแทกอย่างแรง จนมีการฉีกขาดของเส้นเลือดที่มาหล่อเลี้ยงฟัน เมื่อทิ้งไว้นาน ๆ โดยไม่มีการดึงประสาทฟันออก ฟันจะยิ่งมีสีคล้ำมากขึ้น
4. ฟันมีสีผิดปกติมาตั้งแต่กำเนิด เนื่องมาจากโรคบางอย่าง หรือการได้รับยาบางชนิด มากเกินไป เช่น ยาเตตราซัยคริน ซึ่งการกินยาตัวนี้ จะมีผลต่อสีของฟัน โดยเฉพาะในช่วงที่มีการก่อตัวหรือสร้างฟันเท่านั้น คือ ฟันน้ำนม ในเด็กอายุ 3-9 เดือน และฟันแท้ในเด็กอายุ 3-12 ปี ทำให้ฟันแทบทุกซี่มีสีค่อนข้างเหลือง หรือเป็นสีเทาดำ นอกจากนี้อาจเกิดจากการได้รับฟลูออไรด์มากเกินไป จะมีจุดสีน้ำตาลบนฟัน ที่เรียกว่า ฟันตกกระ
วิธีใดบ้างที่จะทำให้ฟันขาว
วิธีที่จะทำให้ฟันขาวนั้นมีอยู่หลายวิธี ขึ้นอยู่กับสาเหตุ และลักษณะของสีฟันที่ผิดปกติไป
"วิธีแรกที่ง่ายมากก็คือ การแปรงฟันให้สะอาดอย่างทั่วถึงหลังอาหารทุกมื้อร่วมกับการไปพบทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอเพื่อขูดหินปูนและขัดฟัน ซึ่งการขัดฟันจะไม่ทำให้ฟันบางลงอย่างที่บางคนเข้าใจ ถ้าเกิดการมีฟันผุก็จัดการให้เรียบร้อย ในฟันหน้าทันตแพทย์จะกรอส่วนที่ผุ มีสีดำ หรือสีเหลืองออก แล้วอุดด้วยวัสดุที่มีสีเหมือนฟัน เท่านี้ ฟันก็จะมีสีขาวสะอาดได้เหมือนปกติ"
- การฟอกสีฟัน คืออะไร
การฟอกสีฟันในปัจจุบัน คือการฟอกสีฟันทั้งปาก ได้รับความนิยมจากบุคคลทั่วไป และมีการวิวัฒนาการของยาที่ฟอกสีฟัน ทำให้ใช้ได้สะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น การฟอกสีฟันทั้งปาก ทำให้ 2 วิธี
- วิธีแรก เป็นวิธีที่จะต้องทำในคลินิก โดยทันตแพทย์จะเป็นผู้ทำ โดยใช้สารฟอกสี ซึ่งส่วนใหญ่ คือ สารประเภท Peroxide ที่มีความเข้มข้น 30-35 % ระยะเวลาในการทำในแต่ละครั้ง คือประมาณ 30 นาที - 1 ชั่วโมง
- วิธีที่สอง คือ คนไข้สามารถนำสารฟอกสีกลับไปทำเองได้ที่บ้าน โดยทันตแพทย์จะเตรียมอุปกรณ์ให้ แต่คนไข้ต้องกลับมาตรวจเป็นระยะตามที่ทันตแพทย์นัดสารฟอกสีที่ใช้ก็จะเป็นประเภทเดียวกับที่ทำในคลีนิค แต่จะมีความเข้มข้น น้อยกว่า คือ ประมาณ 2-10%
ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัย วิธีฟอกก็ไม่ยาก เพียงแต่บีบสารฟอกสีลงในถาดฟันยางที่ทันตแพทย์ทำเฉพาะไว้สำหรับแต่ละคน จำนวนน้ำยาที่ใส่ลงในถาดก็ประมาณเพียง 1 ใน 3 ของถาด แล้วสวมฟันยางไว้ วันละ 1-2 ชม. ทุกวันและจะต้องกลับไปพบทันตแพทย์ตามกำหนดนัด
ต้องใช้ระยะเวลาในการรักษามากน้อยแค่ไหน
ระยะเวลาที่ใช้นั้นมักขึ้นอยู่กับสีและคราบคล้ำของฟัน ถ้าฟันมีสีเหลืองไม่มากก็อาจจะ ฟอกให้ขาวได้ในเวลา 2-3 สัปดาห์ แต่ถ้าหากฟันมีสีเหลืองเข้ม หรือสีเทาอ่อนก็อาจจะต้องฟอกให้ขาวได้นานพอสมควร แต่ใช้เวลาในการฟอกมากขึ้นเป็น 4-5 สัปดาห์
สารฟอกสีมีอันตรายหรือผลข้างเคียงต่อเหงือกหรือฟันหรือไม่
อันตรายหรือผลข้างเคียงต่อเหงือกหรือฟัน ก็มีบ้างโดยเฉพาะชนิดที่ทำในคลินิกเพราะมี ความเข้มข้นสูง แต่ทันตแพทย์ผู้ทำเขาจะระมัดระวังและป้องกันเป็นอย่างดี ส่วนชนิดที่ทำที่บ้านนั้น จะต้องมีความเข้มข้นน้อย จึงไม่ค่อยมีอันตราย ถึงแม้ว่าเราอาจจะกลืนสารฟอกสีลงไปบ้างเล็กน้อย เพราะสารฟอกสีจะสลายตัวกลายเป็นน้ำได้ง่าย
ส่วนอาการที่จะเกิดขึ้นก็อาจจะมีอาการแสบเหงือกและเนื้อเยื่ออ่อนในช่องปาก เนื่องจากการระคายเคืองโดยตรงที่สัมผัสกับน้ำยา และอีกอาการหนึ่งที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอ ก็คือ การเสียวฟันหลังจากฟอกสี แต่ประสาทฟันจะมีการป้องกันตัวเองโดยธรรมชาติและอาการก็จะค่อย ๆ ทุเลาลงและหมดไปเมื่อเราหยุดฟอกสี นอกจากนี้ทันตแพทย์ก็อาจเคลือบได้การเคลือบฟลูออไรด์ การฟอกสีฟันทั้งปากไม่ได้ทำให้ฟันสึกกร่อนหรืออ่อนแอลงแต่อย่างไร
ถ้าทำการรักษาเรียบร้อยต้องกลับมาทำซ้ำอีกหรือไม่
การฟอกสีฟันเมื่อฟอกแล้วสีกลับมาเหมือนเดิมหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับสภาพก่อนฟอก ถ้า เดิมสีค่อนข้างคล้ำ โอกาสคืนกลับสู่สีเดิมจะเป็นไปได้สูง ในเวลา 1-2 ปี แต่การฟอกสีฟันที่สีเหลืองอ่อน จะขาวได้นานประมาณ 3-4 ปี ทั้งนี้ต้องขึ้นกับความระมัดระวังป้องกันการติดสีจากคราบอาหารด้วย และเมื่อสีฟันคล้ำลงอีกก็สามารถใช้ยาฟอกสีฟันซ้ำได้อีก
ส่วนวิธีอื่น ๆ ที่จะทำแบบถาวรก็มี เช่น
- การทำเคลือบฟัน
โดยทันตแพทย์จะกรอแต่งผิวเคลือบฟันด้านหน้าออกเล็กน้อย แล้ว ปิดทับด้วยวัสดุอุดสีขาว หรือสีเหมือนฟัน ตบแต่งให้ได้รูปร่างสวยงาม ซึ่งวิธีนี้ จะทำให้ฟันขาวค่อนข้างถาวรกว่าการฟอกสี แต่ก็ยังมีโอกาสเสื่อมได้ คือ อาจจะมีรอยแตก กะเทาะของวัสดุที่ทำเคลือบเมื่อใช้ไม่ระมัดระวัง แต่สามารถซ่อมแซมหรือทำใหม่ได้ไม่ยากนัก แต่วิธีนี้โดยทั่วไปค่าใช้จ่ายก็จะแพงกว่าการฟอกสีฟัน
- การทำครอบฟัน
ทันตแพทย์จะกรอแต่งผิวเคลือบฟันออกทั้งซี่ ให้เหลือเป็นแกนแล้ว ทำฟันปลอมครอบทับลงไปติดแน่นด้วยซีเมนต์ทันตกรรม ฟันที่ดำหรือแตก บิ่น สามารถทำครอบที่มีสีและรูปร่างให้สวยงามได้ดี จึงถือว่าเป็นการเปลี่ยนสีฟันได้อย่างถาวร แต่ค่าใช้จ่ายจะแพงกว่าการทำเคลือบฟัน และการฟอกสีฟัน
เด็กสามารถทำได้หรือไม่
เด็กก็สามารถทำได้ แต่ไม่มีความจำเป็นต้องทำ ปกติเด็กก็จะมีฟันแท้ขึ้น อายุประมาณ 6-7 ปี ฟันแท้ที่ขึ้นมามักจะมีฟันเหลืองกว่าฟันน้ำนมอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็เป็นสีที่เป็นธรรมชาติจึงไม่จำเป็นต้องฟอกสีฟัน นอกจากรายที่มีความปกติจริง ๆ เท่านั้น
กรณีใดบ้างที่ไม่สามารถทำได้ มีข้อห้ามบ้างหรือไม่
ข้อห้ามนั้นไม่มี แต่บางทีการจะตัดสินใจว่าจะฟอกสีฟันใหม่หรือไม่นั้น ก็จะขึ้นอยู่กับ ความจำเป็นด้วย บางคนคิดว่าตัวเองมีฟันสีเหลือง แต่จริง ๆ แล้วก็เป็นสีโทนปกติของฟัน
อย่างไรก็ตาม การฟอกสีฟันด้วยตนเองที่มีขายตามท้องตลาดนั้น สามารถทำเองได้หรือไม่นั้น ยาฟอกสีฟันดังกล่าว เป็นประเภทที่นอกเหนือจากการดูแลของทันตแพทย์ จึงยังไม่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป
อ้างอิง: pobpad ,คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ,curaprox