'กระเพาะอาหารทะลุ' อันตรายแค่ไหน ? ใครคือกลุ่มเสี่ยง
เมื่อรู้สึกปวดท้องท้องรุนแรง ท้องบวมแข็งผิดปกติ ไข้สูง อ่อนเพลีย หายใจเหนื่อย หอบ อย่างชะล่าใจ เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณเตือน 'กระเพาะอาหารทะลุ' กลุ่มผู้ป่วยที่ต้องระวัง คือ ผู้ที่เคยเป็นแผลในกระเพาะอาหาร เพราะมีโอกาสเป็นซ้ำได้มากขึ้น และเสี่ยงกระเพาะทะลุได้
KEY
POINTS
- กระเพาะทะลุ (Gastrointestinal Perforation) เกิดจากหลายปัจจัย เป็นภาวะที่ที่ผนังกระเพาะอาหารเกิดการมีรูขึ้น
- มีสาเหตุเกิดจากโรค และอาการเจ็บป่วยต่างๆ การติดเชื้อแบคทีเรียเอชไพโลไร แผลในกระเพาะอาหาร การอักเสบของลำไส้ โรคมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร และ การใช้ยาบางชนิด เป็นต้น
- แผลในกระเพาะอาหาร เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้กระเพาะทะลุ ดังนั้น ควรกินอาหารอ่อน ย่อยง่าย กินอาหารจำนวนน้อยๆ แต่กินบ่อยมื้อ ไม่ควรกินจนอิ่มมากในแต่ละมื้อ ดื่มนมได้ถ้าดื่มแล้วท้องไม่อืด และหลีกเลี่ยงอาหารเผ็ดจัด เปรี้ยวจัด ของดอง เป็นต้น
เมื่อรู้สึก ปวดท้องท้องรุนแรง ท้องบวมแข็งผิดปกติ ไข้สูง อ่อนเพลีย หายใจเหนื่อย หอบ อย่างชะล่าใจ เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณเตือน 'กระเพาะอาหารทะลุ' ได้
กระเพาะทะลุ (Gastrointestinal Perforation) เกิดจากหลายปัจจัย เป็นภาวะที่ที่ผนังกระเพาะอาหารเกิดการมีรูขึ้น ทำให้เชื้อแบคทีเรีย กรดในกระเพาะอาหาร หรือเศษอาหาร เข้าไปสัมผัสในโพรงช่องท้อง ส่งผลให้มีปวดท้องรุนแรง มีความเสี่ยงถึงขั้นติดเชื้อในกระแสเลือด และเสียชีวิตได้
กระเพาะทะลุเกิดจากสาเหตุใด
เกิดจากโรค และอาการเจ็บป่วยต่างๆ
- การติดเชื้อแบคทีเรียเอชไพโลไร
- แผลในกระเพาะอาหาร
- การอักเสบของลำไส้
- โรคมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร
- การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาแก้อักเสบในกลุ่ม NSAIDs แอสไพริน ยาสเตียรอยด์ และยาเคมีบำบัดบางชนิด
- การผ่าตัดบริเวณกระเพาะอาหาร
เกิดจากอุบัติเหตุ และพฤติกรรม
- ได้รับบาดเจ็บจากการกระแทกบริเวณท้อง และส่งผลกระทบกระเทือนถึงภายในกระเพาะอาหาร
- การถูกแทงเข้าที่ท้อง หรือถูกยิงเข้าที่ท้อง
- การรับประทานสารกัดกร่อน หรือสิ่งแปลกปลอมเข้าไป
- เครียดเป็นประจำ
- การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่เป็นประจำ
อาการกระเพาะทะลุ
- ปวดท้องรุนแรง
- ท้องบวมแข็งผิดปกติ
- ไข้สูง
- อ่อนเพลีย
- หายใจเหนื่อย หอบ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- แพทย์เตือนกลุ่มวัยทำงานเสี่ยงเป็นโรคกระเพาะอาหารเรื้อรัง
- "ท้องอืด" กินเร็ว เสี่ยงโรคร้าย! เช็กอาหารแต่ละอย่าง กระเพาะย่อยนานแค่ไหน?
- “เครียดลงกระเพาะ” โรคฮิตที่อย่ามองข้ามความเครียด จุดเริ่มต้นของโรคร้าย
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดกระเพาะทะลุ
- ความเครียด
- ดื่มแอลกอฮอล์หรือการสูบบุหรี่
- ใช้ยาเสพติด เช่น โคเคน หรือแอมเฟทามีน
- ติดเชื้อแบคทีเรียเอชไพโลไร
- ใช้ยาบางชนิด เช่น ยาแก้ปวดและต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (เช่นแอสไพริน โอบูโพรเฟน) ยาสเตียรอยด์ และยาเคมีบำบัดบางชนิด
- เจ็บป่วยด้วยโรคทำให้มีการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารผิดปกติ เช่น มะเร็งกระเพาะอาหาร
- ผ่าตัดกระเพาะอาหาร
- อุบัติเหตุทางร่างกาย เช่น มีดหรือกระสุนทะลุกระเพาะอาหาร การกลืนวัตถุลงกระเพาะอาหาร เช่น ของเล่น เครื่องเขียน เป็นต้น
- การส่องตรวจกระเพาะอาหารด้วยกล้องแม้มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก
กลุ่มเสี่ยงกระเพาะทะลุ เป็นใครได้บ้าง?
- ผู้ที่รับประทานยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ ยาหม้อ ยาลูกกลอนอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากยาอาจทำให้เกิดการระคายเคือง กระเพาะอาหาร จนเกิดแผล และเลือดออกจากแผลในกระเพาะอาหาร หากแผลลึกอาจส่งผลให้กระเพาะทะลุได้
- ผู้ป่วยที่เคยมีแผลในกระเพาะอาหาร หากมีสิ่งที่ทำให้เกิดการระคายเคืองกระเพาะอาหาร จะมีโอกาสเกิดแผลในกระเพาะอาหารซ้ำได้มากขึ้น
- การติดเชื้อแบคทีเรียเฮลิโคแบคเตอร์ไพโลไร มักเกิดจากการรับประทานอาหารหรือน้ำที่มีเชื้อโรคปนเปื้อน ทำให้เกิดการอักเสบและแผลในกระเพาะอาหาร
- ผู้ป่วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่กระเพาะอาหารชนิดโตเร็ว อาจเกิดกระเพาะทะลุได้ โดยเฉพาะช่วงที่ได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด
การวินิจฉัยกระเพาะทะลุ
- ในขั้นต้นแพทย์จะซักประวัติผู้ป่วย ตรวจเลือด และตรวจภายในช่องท้องผ่านภาพถ่ายทางรังสีวิทยา เพื่อวินิจฉัยอาการ หาสาเหตุของโรค และหาความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อน โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- เอกซเรย์ทางเดินอาหารส่วนบน เพื่อหาจุดที่มีการทะลุในอวัยวะภายในช่องท้อง
- การใช้เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) ระบุตำแหน่งที่มีรูบริเวณกระเพาะอาหาร
- ตรวจปริมาณเกลือแร่ และความเป็นกรดด่างในโลหิต
- ตรวจการทำงานของตับ และไต
- การตรวจปริมาณการลดลงของเม็ดเลือดแดง
- การตรวจปริมาณการของเม็ดเลือดขาว
วิธีรักษากระเพาะทะลุ
- รักษาแผลตามสาเหตุ
- ผ่าตัดเพื่อปิดรอยรั่ว และล้างช่องท้อง
ภาวะแทรกซ้อนของกระเพาะทะลุ
- ภาวะเลือดออก
- ภาวะติดเชื้อแบคทีเรียในช่องท้อง
- การเกิดฝีในช่องท้อง
- ลำไส้ขาดเลือด
- ติดเชื้อในกระแสเลือด
แผลในกระเพาะ ต้องระวัง
สำหรับแผลในกระเพาะอาหาร เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้กระเพาะทะลุ เกิดจาก กรดและน้ำย่อย ที่หลั่งออกมาทำลายเยื่อบุกระเพาะอาหาร ส่วนปัจจัยอื่นๆ ได้แก่ ยาแอสไพริน ยารักษาโรคกระดูกและข้ออักเสบ การสูบบุหรี่ ความเครียด อาหารเผ็ด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น สุรา เบียร์
ดังนั้น เราสามารถป้องกันและรักษาแผลในกระเพาะอาหารได้ ด้วยการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการติดเชื้อเอช ไพโลไร ซึ่งติดต่อผ่านการบริโภคอาหารและน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อ ป้องกันโดยการกินอาหารที่สะอาดปรุงสุก ใช้ช้อนกลาง หมั่นล้างมือให้สะอาด
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่อย่างเด็ดขาด เพราะมีผลให้เยื่อบุกระเพาะอ่อนแอ ทำให้แผลหายช้า และเกิดแผลกลับเป็นซ้ำได้บ่อยมาก
- งดการใช้ยาแก้ปวดแอสไพริน และยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ - NSAID
- ผ่อนคลายความเครียดและวิตกกังวล พักผ่อนให้เพียงพอ
- กินยาลดกรด หรือยารักษาแผลกระเพาะอาหารติดต่อกันอย่างน้อย 4-8 สัปดาห์ รวมทั้งให้ยากำจัดเชื้อ เอช ไพโลไรด้วย
- ถ้ามีอาการของภาวะแทรกซ้อน ปวดท้องรุนแรง หรือเบื่ออาหารน้ำหนักลดลงมาก ควรรีบไปพบแพทย์
ผู้ป่วยแผลในกระเพาะอาหารควรกินอาหารชนิดไหน?
- กินอาหารอ่อน ย่อยง่าย กินอาหารจำนวนน้อยๆ แต่กินบ่อยมื้อ ไม่ควรกินจนอิ่มมากในแต่ละมื้อ
- ดื่มนมได้ถ้าดื่มแล้วท้องไม่อืด
- หลีกเลี่ยงอาหารเผ็ดจัด เปรี้ยวจัด ของดอง เพราะทำให้ระคายเคืองแผลมากและปวดมากขึ้น
- อาหารทอด หรือไขมันสูงเพราะย่อยยากจะกระตุ้นให้กระเพาะอาหารขยายตัวมากทำให้ปวดมากขึ้น
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟ ช็อกโกแลต และงดน้ำอัดลมเพราะมีแก๊สมากกระเพาะขยายตัวทำให้ปวดมากขึ้นและกระตุ้นให้หลั่งกรดเพิ่มขึ้นด้วย
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มร้อนหรือเย็นจัด
เมื่อมีอาการปวดแน่นท้อง ควรรับประทานอาหารชนิดใด?
- ในรายที่ปวดรุนแรง อาจต้องกินเป็นอาหารเหลวทุกชั่วโมง เช่น น้ำข้าว น้ำซุป น้ำเต้าหู้
- เมื่อดีขึ้น เริ่มกินโจ๊กได้
- เมื่อทุเลามากขึ้น จึงเปลี่ยนเป็นข้าวต้มและข้าวสวยได้ตามลำดับ
- ถ้ามีอาการแน่นท้องมาก ควรกินวันละ 6 มื้อ โดยแบ่งปริมาณมาจากมื้ออาหารปกติครึ่งหนึ่ง คือมื้อเช้าแบ่งเป็นเช้าและสาย มื้อกลางวันแบ่งเป็นกลางวันและบ่าย และมื้อเย็นแบ่งเป็นเย็นและค่ำ รวมเป็น 6 มื้อ (แต่ละมื้อให้กินปริมาณอาหารน้อยลง แต่กินให้บ่อยขึ้น)
อ้างอิง : รพ.ขอนแก่น ราม , รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย , คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี , รพ.เพรชเวช