MP Group แนะลดภาระค่าใช้จ่ายสุขภาพ 4.5% ของ GDP ด้วย Wellness ลงทุนเทคโนโลยี

ปัจจุบันมีธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพมากมาย ทั้งธุรกิจเสริมสุขภาพจิต ธุรกิจเทคโนโลยี นวัตกรรมดูแลป้องกันรักษาสุขภาพ ธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ธุรกิจการให้บริการ ดูแลสุขภาพที่บ้าน ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ ธุรกิจสปา และความงาม รวมไปถึงยา อาหาร และผลิตภัณฑ์สุขภาพต่างๆ

วานนี้ (7 ต.ค.2567)  “กรุงเทพธุรกิจ” ได้จัดงาน ASEAN Economic Outlook 2025: The Rise of ASEAN, A Renewing Opportunity ซี่งได้รับเกียรติจาก "แพทองธาร ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี ร่วมกล่าวเปิดงาน แสดงวิสัยทัศน์พลิกเศรษฐกิจไทยผงาดอาเซียน โดยมี "ฉาย บุนนาค" ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนชั่น กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ให้การต้อนรับ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

'MP Group' กับภารกิจ Health guard ช่วยคนไทยสุขภาพดีอย่างยั่งยืน

ชุดตรวจ Anyplex™ HPV DNA วันเดียวรู้ผล ลดเสี่ยง “มะเร็งปากมดลูก”

ภาระค่าใช้จ่าย 4.5% ของGDP

“นทพร บุญบุบผา” ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็มพี กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทในเครือ กล่าวในงานเสวนา “Thailand Wellness Tourism Competitiveness” ว่าปัจจุบันคนไม่อยากเจ็บไข้ได้ป่วย และจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้คนตื่นตัว และจดจำการดูแลสุขภาพของตนเองมากขึ้น ถือเป็นวัฒนธรรมใหม่ ในการดูแลปฏิบัติตนเอง

"ขณะนี้ภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของผู้คนเป็น 4.5% ของ GDP หรือ 1.02 ล้านล้านบาท มีอัตราเติบโตที่ 6.61% ต่อปี และปี 2575 คาดว่าค่าใช้จ่ายทางด้านสุขภาพ เพิ่มขึ้น 3 เท่า หรือ 1.4-1.8 ล้านล้านบาท ซึ่งรัฐบาลสนับสนุนงบอยู่ 93%"นทพร กล่าว 

ทั้งนี้ เทรนด์ในอนาคต คนอยากได้ เทคโนโลยีที่ให้ข้อมูลสุขภาพที่ชัดเจน อย่าง AI ทำให้ทราบว่ามีความเสี่ยงเป็นโรคอะไร และวางแผนในการใช้ชีวิต และออกแบบในการดูแลสุขภาพ ไม่ต้องรอเจ็บป่วย หรือพบแพทย์ ขณะเดียวกันสามารถลดความแออัดในโรงพยาบาลได้ โดย เฮลท์ พลัส โกลโบล บริษัทในเครือ เอ็มพี กรุ๊ป มีบริการตรวจ Genecheck เพื่อคัดกรองหาความเสี่ยงการเกิดโรคจากการตรวจยีน ทำให้สามารถวางแผน lifestyle ให้มีสุขภาพชีวิตทึ่ดีอย่างยั่งยืน

11 ธุรกิจสุขภาพที่เติบโตทั่วโลก

ตามรายงานของ Wellness Economy Monitor ล่าสุดของ สถาบันโกลบอลเวลเนส (Global Wellness Institute หรือ GWI)  ซึ่งแบ่ง Wellness Economy ออกเป็น 11 ภาคส่วน โดยจัดเรียงลำดับตามมูลค่าทางตลาด ในปีค.ศ. 2022 ระบุว่า Wellness Economy หรือ เศรษฐกิจด้านสุขภาพ ทั่วโลกมีมูลค่าตลาดรวม 5.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยแบ่งเป็นดังนี้

1.การดูแลสุขภาพส่วนบุคคล และความงาม (Personal care and Beauty)มี มูลค่า 1,089 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ 

2.การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ตามหลักโภชนาการ และการลดน้ำหนัก (Healthy eating Nutrition and Weight loss) มีมูลค่า 1,079 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ 

3.การออกกำลังกายหรือกิจกรรมทางกาย (Physical Activity) มีมูลค่า 976 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ   

4.การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) มีมูลค่า 651 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

5.การแพทย์เชิงป้องกัน และการแพทย์เฉพาะบุคคล และการสาธารณสุข (Preventive and Personalized Medicine and Public health) มีมูลค่า 611 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ 

6.การแพทย์ดั้งเดิม และการแพทย์ผสมผสาน (Traditional and Complementary Medicine) มีมูลค่า 519 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

7.อสังหาริมทรัพย์เพื่อสุขภาพ (Wellness Real Estate) มีมูลค่า 398 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

8.การดูแลสุขภาพจิต (Mental Wellness) มีมูลค่า 181 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

9.สปา (Spas) มีมูลค่า 105 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

10.การดูแลสุขภาวะในที่ทำงาน (Workplace Wellness) มี มูลค่า 51 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

11.น้ำพุร้อน น้ำแร่ (Springs) มีมูลค่า 46 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเจ็บป่วย

 นทพร กล่าวต่อว่าปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการเจ็บป่วย และความผิดปกติมี 3 ปัจจัยหลักๆ คือ

1. สิ่งแวดล้อม อาทิ มลพิษ  ฝุ่นPM2.5  

2.การใช้ชีวิตประจำวันของผู้คน พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม  การกินอาหาร  โภชนาการที่ควรจะได้รับ

3.พันธุกรรม

ปัจจุบันมีหลายโรคถูกค้นพบจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม เช่น โรคมะเร็งเต้านม เกิดจากยีน BRCA1 และ BRCA2 ซึ่งหากตรวจเจอทำให้รู้ว่าเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านม 70-80% ดังนั้น การตรวจคัดกรองโรค จะทำให้เกิดการป้องกันสุขภาพได้

ขับเคลื่อน Wellness ต้องมีเทคโนโลยี

นทพร กล่าวต่อไปว่า ตอนนี้โรค NCDs  เป็นกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่มาพร้อมกับการสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่ง Wellness ต้องมองความเชื่อมโยงทั้ง 3 ส่วน ทั้งเรื่องการดูแลสุขภาพ การไปโรงพยาบาล หรือการนำเทคโนโลยีมาใช้  ซึ่งการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม คนที่มีสุขภาพดี ต้องมีการตรวจหาระดับความเสี่ยงต่อโรคร้ายแรง และเรื้อรัง 

ขณะที่คนเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ ต้องมีการตรวจหาระดับความเสื่อมของร่างกาย ที่ทำนายระดับความเสื่อมถอยของร่างกาย และนำไปสู่การพัฒนาโรคที่ร้ายแรง และระยะเป็นโรค ต้องตรวจ Genetic Testing เป็นขั้นสูงมากกว่าการตรวจเลือด เป็นการแพทย์แบบเชิงป้องกัน วางแผนสุขภาพเชิงป้องกันแบบเฉพาะบุคคลในรูปแบบ Personalized Precision Medicine หรือการนำ AI มาใช้ในการค้นหาความเสี่ยงของโรค เฮลท์ พลัส โกลบอล โดย เอ็มพี กรุ๊ป เป็นผู้เชี่ยวชาญ และเป็นผู้นำการให้ บริการตรวจด้าน Genetic ของประเทศไทย มี ความพร้อมให้บริการตรวจ Genechecks Health Risk Advance, Well-Being Gene, ตรวจหายีนความเสี่ยงมะเร็งเต้านม, มะเร็งปากมดลูก และอื่นๆ

“MP มีทางออกให้ในเรื่องของการดูแลสุขภาพอย่างไร้รอยต่อ โดยการขับเคลื่อน Wellness ต้องมีเทคโนโลยีในการเชื่อมคลินิกเล็กๆ ไปถึงโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ในการป้องกัน ดูแล และรักษาสุขภาพ ภายใต้ Ecosystem  ที่ประกอบด้วยผู้บริโภค คลินิก และโรงพยาบาล อย่าง การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ทำอย่างไรให้มีแพ็กเกจตรวจสุขภาพ ตรวจมะเร็ง ตรวจยีน การแพ้อาหาร การขาดสารอาหารร่วมไปกับการมาท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และทำอย่างไรให้คนไทยได้เข้าถึงการตรวจสุขภาพในรูปแบบดังกล่าว เพราะหากทำได้ถือเป็นโอกาสของประเทศไทย” นทพร กล่าว

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์