'โรคกระดูกและข้อ' ไม่แก่ก็ป่วย เพราะปัจจัยเสี่ยงมีมากกว่าเรื่องอายุ
ผู้ป่วย “โรคทางกล้ามเนื้อ กระดูกและข้อ” แนวโน้มเพิ่มมากขึ้น จากการที่ประเทศไทยเป็นสังคมผู้สูงอายุ แต่ใช่ว่าจะเป็นเพียงปัจจัย เพราะบางภาวะเพศหญิงเสี่ยงกว่าเพศชาย
KEY
POINTS
- ภาวะกระดูกพรุน เพศชายจะเป็นน้อยกว่าเพศหญิง ด้วยฮอร์โมนเพศที่ผู้ชายจะมีตลอด แต่ผู้หญิงนั้นฮอร์โมนจะหายตอนหมดประจำตัว
- ผู้สูงอายุทุกคนจะเป็นภาวะกระดูกพรุน ขึ้นอยู่กับ “ต้นทุนของแต่ละคน” แบ่งเป็น “ต้นทุนที่ปรับเปลี่ยนไม่ได้” และ “ต้นทุนที่สะสมมาจากช่วงวัยรุ่นหรือวัยทำงาน”
- “คนที่มีภาวะเนือยนิ่ง” ลักษณะความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ กระดูก เส้นเอ็น ความแข็งของมวลกระดูกน้อยกว่ากลุ่มที่แบ่งเวลามาออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างชัดเจน
ผู้ป่วย “โรคทางกล้ามเนื้อ กระดูกและข้อ” แนวโน้มเพิ่มมากขึ้น จากการที่ประเทศไทยเป็นสังคมผู้สูงอายุ แต่ใช่ว่าจะเป็นเพียงปัจจัย เพราะบางภาวะเพศหญิงเสี่ยงกว่าเพศชาย บางโรคคนมีพฤติกรรมเนือยนิ่งเสี่ยงกว่าคนเคลื่อนไหวร่างกาย ซึ่งการจะลดความเสี่ยงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าต้อง “สะสมต้นทุนร่างกายเอาไว้” และเมื่อเจ็บป่วย “การดูแลแบบองค์รวม” ออกแบบรักษาและฟื้นฟูให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย ลดโอกาสกลับเป็นซ้ำ
โรคทางกระดูกและข้อที่เกิดขึ้นจากภาวะเสื่อมของร่างกาย ที่เจอบ่อย คือ “ข้อเสื่อม” เช่น กระดูกต้นคอเสื่อม กระดูกสันหลังเสื่อม ข้อเข่าเสื่อม ข้อสะโพกเสื่อม คนไข้จะมาพบแพทย์ด้วยอาการเจ็บ ขัดตามข้อในตำแหน่งต่างๆ นอกจากนี้ ยังเจอเรื่องของความแข็งแรงของกระดูกลดลง เนื่องจากเมื่ออายุมากขึ้น โครงสร้างของกระดูกจะอ่อนแอไปตามกาลเวลา กระดูกจะบางลงเรื่อยๆจนถึงจุดที่บางมากๆ เรียกว่า “ภาวะกระดูกพรุน”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
กระดูกพรุนชายเป็นน้อยกว่าหญิง
ผศ.นพ.กุลพัชร จุลสำลี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคข้อสะโพกและข้อเข่า รพ.พริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ให้ข้อมูลว่า กระดูกพรุนทำให้เวลาเดินแล้วเกิดอุบัติเหตุเพียงเล็กน้อย จะทำให้กระดูกหัก ข้อสะโพกหัก ส่งผลให้ชีวิตเปลี่ยน โดยเฉพาะในผู้สูงอายุอาจะต้องนอนติดเตียง ต้องเข้ารับการผ่าตัด โดยเพศชายจะเป็นน้อยกว่าเพศหญิง ด้วยฮอร์โมนเพศที่ผู้ชายจะมีตลอดแต่ผู้หญิงนั้นฮอร์โมนจะหายตอนหมดประจำตัว ซึ่งฮอร์โมนเพศมีผลในการยับยั้งการสลายตัวของกระดูก ทั้งนี้ผู้ป่วยจะไม่มีอาการ จะทราบเมื่อเกิดอุบัติเหตุกระดูกหักแล้วตรวจเจอ เป็นเหมือนระเบิดเวลา
ตามคำแนะนำของสมาคมโรคกระดูกพรุนแห่งประเทศไทย จึงแนะนำการตรวจคัดกรองมวลกระดูก หากไม่มีโรคประจำตัว ในเพศหญิงควรตรวจมวลกระดูกตอนอายุ 65 ปีอย่างน้อยสัก 1 ครั้ง เพศชาย อายุ 70 ปี ส่วนคนที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น โรคที่ใช้ยาสเตียรอยด์ คนที่มีฮอร์โมนเพศน้อยลง คนที่เข้ารับการผ่าตัดรังไข่ หรืออัณฑะก่อนวัยอันควร มีประวัติครอบครัวเสี่ยงกระดูกพรุนมาก หรือมีประวัติกระดูกหัก ควรตรวจก่อนอายุ 65 ปี หรือก่อน 70 ปี
ต้องสะสมต้นทุน ลดโอกาสป่วย
แต่ก็ใช่ว่าผู้สูงอายุทุกคนจะเป็นภาวะกระดูกพรุน ผศ.นพ.กุลพัชร บอกว่า ขึ้นอยู่กับ “ต้นทุนของแต่ละคน” แบ่งเป็น “ต้นทุนที่ปรับเปลี่ยนไม่ได้” ซึ่งพันธุกรรมมีส่วน หากมีคนในครอบครัวสายตรงที่เป็นกระดูกพรุนจะมีความเสี่ยงมากขึ้นกว่าคนที่มีประวัติครอบครัวแข็งแรงดี และ “ต้นทุนที่สะสมมาจากช่วงวัยรุ่นหรือวัยทำงาน” จะช่วยลดโอกาสการเป็นกระดูกพรุนเมื่ออายุมากน้อยลง เช่น การออกกำลังกาย เล่นกีฬาเป็นประจำ รับประทานอาหารที่มีแคลเซียม วิตามินดีอย่างเพียงพอ
“แม้การออกกำลังกาย การทานอาหารมีแคลเซียม วิตามินดีอย่างเพียงพอควรต้องทำต่อเนื่องมากตั้งแต่เด็กจนไม่ว่าวัยไหนก็ทำได้หมด หากตอนนี้เราอยู่ในช่วงวัยรุ่น หรือวัยกลางคนแล้วเริ่มทำเลย ก็จะลดความเสี่ยงและโอกาสที่จะเป็นกระดูกพรุนตอนอายุมากก็จะน้อยลง ถือว่ายังทัน หรือแม้แต่กระดูกพรุนแล้วก็ยิ่งต้องทำ เพราะจะลดความเสี่ยงที่กระดูกจะพรุนมากกว่าเดิม”ผศ.นพ.กุลพัชร กล่าว
คนเนือยนิ่งเสี่ยงเข่าเสื่อมมากที่สุด
สำหรับในวัยทำงานหรือวัยกลางคน โดยปกติโครงสร้างกระดูกและข้อจะต้องไม่ค่อยเจอปัญหา แต่หากเริ่มมีอาการป่วยตั้งแต่อายุน้อยต้องมาพิจารณาว่าร่างกายมีปัจจัยเสี่ยง ที่กระตุ้นให้เจ็บเร็วหรือไม่ เช่น บางคนมีโรคประจำตัว ข้ออักเสบเก๊าซ์ โรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน มีประวัติอุบัติเหตุรุนแรงหรือจากการกีฬา ฉะนั้น หากเริ่มมีอาการเจ็บ ขัด ตัวอย่าง ข้อเข่าเริ่มมีเสียง ลุกเดินเจ็บ ขึ้นลงบันไดลำบาก และเป็นเรื้อรังหลายเดือนไม่ดีขั้น ควรต้องเข้ารับการตรวจในรายละเอียด เพื่อให้ทราบถึงจุดที่ผิดปกติ
อย่างไรก็ตาม วัยทำงานมีปัจจัยเสี่ยงที่เรียกว่า “ภาวะเนือยนิ่ง” ไม่ค่อยactive ส่วนใหญ่นั่งทำงานในออฟฟิศ กลับบ้านนั่งดูจอ ไม่ค่อยมีเวลาเสริมสร้างให้กล้ามเนื้อแข็งแรงหรือไม่ได้ออกกำลังกาย เป็นความน่ากังวล เนื่องจากมีการศึกษาชัดเจนว่า
“คนที่มีภาวะเนือยนิ่ง” ลักษณะความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ กระดูก เส้นเอ็น ความแข็งของมวลกระดูกน้อยกว่ากลุ่มที่แบ่งเวลามาออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างชัดเจน ทำให้มีความเสี่ยงของการเกิดภาวะบาดเจ็บง่าย กล้ามเนื้อ เส้นเอ็นอักเสบง่าย น้ำหนักตัวจะมากมีโอกาสทำให้บาดเจ็บข้อต่อต่างๆ
รวมถึง เกิดการอักเสบเรื้อรังของกล้ามเนื้อคอบ่าไหล่ที่เรียกว่า “ออฟฟิศซินโดรม” และวัยทำงานมีปัญหาเรื่องหมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อมทับเส้นประสาทได้ หรือหมอนรองกระดูกสันหลังอักเสบ จากลักษณะงานที่ต้องใช้กำลังมาก ยกของหนัก
“จากการติดตามคน 3 กลุ่ม คือ กลุ่มคนที่มีภาวะเนือยนิ่ง ไม่วิ่งเลย กลุ่มที่วิ่งในระดับออกกำลังกายทั่วไป และกลุ่มที่วิ่งอาชีพ นักกีฬาวิ่ง วิ่งไม่เกิน 92 กิโลเมตรต่อสัปดาห์ จนถึงตอนมีอายุมากเพื่อดูว่ามีคนเป็นข้อเข่าเสื่อมกี่เปอร์เซ็นต์ พบว่า กลุ่มที่วิ่งแบบออกกำลังกายทั่วไป วิ่งไม่เกิน 92 กิโลเมตรต่อสัปดาห์จะเจอน้อยที่สุดเพียง 3.5 % ส่วนกลุ่มที่วิ่งอาชีพหรือวิ่งมากกว่า 92 กิโลเมตรต่อสัปดาห์จะมีความเสี่ยงมากที่สุดอยู่ที่ 13.1 % แต่กลุ่มที่ไม่ออกกำลังกายจะมีความเสี่ยงข้อเข่าเสื่อม 10.2 % ซึ่งมากกว่ากลุ่มที่วิ่งแบบออกกำลังกายทั่วไป”ผศ.นพ.กุลพัชร กล่าว
ต้องดูแลแบบองค์รวม
ขณะที่ นพ.ปรัชญ์ พิพัฒน์วัฒนา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคกระดูกและผู้อำนวยการศูนย์รักษาโรคกระดูกและข้อแบบองค์รวม รพ.พริ้นซ์ สุวรรณภูมิ(PRINCE OF BONES) กล่าวว่า ปัจจุบันคนไม่ได้มองเพียงรักษาได้ แต่ต้องการการดูแลรักษาที่ครบวงจรและเบ็ดเสร็จ ซึ่ง ณ PRINCE OF BONES รพ.พริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ขอให้นิยามว่า “ครบ” โดยครอบคลุมตั้งแต่การตรวจวินิจฉัยรักษา เทคโนโลยีอุปกรณ์การผ่าตัด ทีมแพทย์ และการกายภาพบำบัดเป็นแบบองค์รวม ครบ เบ็ดเสร็จ ทั้งขั้นตอนการรักษาและผู้รักษา
ตัวอย่างเช่น ข้อเท้าพลิก ดูแลด้วยการพักใช้งานกับการมากายภาพบำบัดหรือใช้เครื่องมือต่างๆ แทนที่จะพัก 5-7 วันทำงานไม่ได้ กลายเป็นพัก 2-3 วันแล้วกลับสู่การทำสิ่งต่างๆได้เร็วขึ้น หรือ ตีเทนนิสแล้วเจ็บข้อศอก อาจจะพักกินยาแก้ปวด แต่ในรายละเอียดของการรักษา จะไม่ใช่แค่กินยาแก้ปวด ต้องมองหาถึงจุดตั้งต้น สาเหตุของอาการ นำมาสู่การรักษา และแนวทางป้องกันการกลับเป็นซ้ำ
“การที่คนไทยสามารถเลือกเข้าถึงแพทย์เฉพาะทางกระดูกและข้อได้ จะไม่ใช่แค่ยาแก้ปวด แต่ทำให้รู้ถึงต้นเหตุ การวางแผนการดูแลรักษาในระยะยาว การจัดการปัญหาเพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำ เพราะการแก้ที่ปลายเหตุไม่พอ ต้องแก้ที่ต้นเหตุ”นพ.ปรัชญ์ กล่าว
ทั้งนี้ ศูนย์รักษาโรคกระดูกและข้อแบบองค์รวม รพ.พริ้นซ์ สุวรรณภูมิ(PRINCE OF BONES) เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2567 ตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีแพทย์เฉพาะทางกระดูกและข้อเกี่ยวกับออโธปิดิกส์ทั่วไป อุบัติเหตุ ข้อสะโพกและข้อเข่า มือ กระดูกสันหลัง เท้าและข้อเท้า และเวชศาสตร์การกีฬา
อีกทั้ง มีความร่วมมือกับโรงพยาบาลภาครัฐใกล้เคียง ให้บริการดูแลรักษาผู้ป่วย แบ่งเบาภาระของภาครัฐ ในราคาที่เหมาะสมโดยไม่ต้องรอคิวนาน ออกแบบการรักษาและฟื้นฟูแบบองค์รวมให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย เพื่อให้ผู้ป่วยมีผลลัพธ์การรักษาที่ดีและได้มาตรฐาน