ปกป้อง 'เด็ก' จากควันบุหรี่-บุหรี่ไฟฟ้า ความท้าทาย ต้องร่วมมือ

ปกป้อง 'เด็ก' จากควันบุหรี่-บุหรี่ไฟฟ้า ความท้าทาย ต้องร่วมมือ

ควันบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้ามือสองกลายเป็นภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพของเด็กเล็กโดยที่หลายคนอาจไม่ทันตระหนัก

KEY

POINTS

  • เด็กประถมศึกษาตอนปลายถึง 43% เคยลองสูบบุหรี่ไฟฟ้า และบางรายเริ่มใช้ตั้งแต่อายุเพียง 7 ปี
  • ปัจจัยที่ทำให้เด็กสูบบุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้น เกิดจากการรับอิทธิพลจ

ควันบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้ามือสองกลายเป็นภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพของเด็กเล็กโดยที่หลายคนอาจไม่ทันตระหนัก แม้ว่าบุหรี่ไฟฟ้าจะถูกมองว่าเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าบุหรี่มวน แต่ความจริงแล้วไอระเหยจากบุหรี่ไฟฟ้ากลับซ่อนอันตรายที่ร้ายแรงกว่าบุหรี่มวนธรรมดา โดยเฉพาะสำหรับเด็กเล็กที่ระบบทางเดินหายใจยังพัฒนาไม่สมบูรณ์ ซึ่งอาจส่งผลให้ได้รับสารพิษโดยไม่รู้ตัวและนำไปสู่ปัญหาสุขภาพในระยะยาว

เมื่อภัยเงียบนี้แทรกซึมเข้ามาใกล้ตัวเด็กมากขึ้น คำถามสำคัญคือเราจะปกป้องพวกเขาได้อย่างไร? การสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดควันบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าสำหรับเด็กเล็กจึงเป็นเรื่องเร่งด่วน ที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งในด้านการแพทย์ นโยบายของภาครัฐ วิธีการปลูกฝังเจตคติที่ดีตั้งแต่วัยเยาว์ ตลอดจนบทบาทของครอบครัวและชุมชน

วันที่ 18 มีนาคม 2568 ณ โรงแรมเบสท์ เวสเทิร์น จตุจักร มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดเสวนา  “ร่วมปกป้องเด็กเล็กจากควันบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า” เพื่อเสริมสร้างความตระหนักและเรียกร้องให้สังคมและผู้ปกครองร่วมกันปกป้องเด็ก ๆ จากภัยของควันบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า และอย่ายอมให้ลูกหลานกลายเป็นเหยื่อเสพติดนิโคติดจากบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า ที่จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

ยืดเกษียณ60เพิ่มยอดสมทบกองทุน ดึง 'สูงวัย'กลับสู่ตลาดแรงงาน

‘วัยรุ่นหญิงไทย’ กำลังตกเป็นเหยื่อ ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ พุ่งเป้า

สถิติชี้ชัด: บุหรี่ไฟฟ้ากำลังคุกคามสุขภาพเด็กไทย

ปัจจุบันการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชนไทยเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจโดยข้อมูลจาก กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า อัตราการสูบบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มนักเรียนอายุ 13-15 ปี เพิ่มขึ้นจาก 3.3% ในปี 2558 เป็น 17.6% ในปี 2565 หรือเพิ่มขึ้นถึง 5.3 เท่า นอกจากนี้ เด็กผู้หญิงดันมีแนวโน้มใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 7.9 เท่า เมื่อเทียบกับอดีต

แต่ที่น่ากังวลกว่านั้น คือ เด็กประถมศึกษาตอนปลายถึง 43% เคยลองสูบบุหรี่ไฟฟ้า และบางรายเริ่มใช้ตั้งแต่อายุเพียง 7 ขวบ โดยได้รับอิทธิพลจากกลยุทธ์ทางการตลาดของบริษัทบุหรี่ไฟฟ้า ที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ดูเหมือนของเล่นและมีกลิ่นหอมน่าดึงดูด  และสามารถตบตาผู้ปกครองหรือคุณครูได้อย่างดี

ผลกระทบของบุหรี่ไฟฟ้าต่อสุขภาพเด็กโดยในระยะสั้นจะทำให้เด็กเป็นโรคหอบหืดและภูมิแพ้กำเริบ โรคปอดอักเสบที่สัมพันธ์กับบุหรี่ไฟฟ้า หรือ E-cigarette or vaping product use-associated lung injury;EVALI ส่วนในระยะยาวจะมีการเปลี่ยนแปลงของสารพันธุกรรมที่ทำให้สมรรถภาพปอดเสื่อมถอย ปริมาตรปอดลดลงและก่อให้เกิดมะเร็งปอด

ปกป้อง \'เด็ก\' จากควันบุหรี่-บุหรี่ไฟฟ้า ความท้าทาย ต้องร่วมมือ

บุหรี่ไฟฟ้าทำลายปอด หัวใจ ระบบประสาทและสมอง

งานวิจัยหลายชิ้นชี้ว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้า ทำลายปอด หัวใจ หลอดเลือด ระบบประสาท และสมอง รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง จึงเป็นสัญญาณเตือนสำคัญที่ทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น ผู้ปกครอง ครู โรงเรียน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องร่วมมือกันปกป้องเด็กเล็กจากภัยของบุหรี่ไฟฟ้า ก่อนที่สถานการณ์จะลุกลามไปไกลกว่านี้

พญ.พิมพ์ชนก จันทร์สวัสดิ์ กุมารแพทย์โรคระบบทางเดินหายใจ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ปัจจุบันบุหรี่ไฟฟ้ามาในรูปแบบของ Toy Pod เด็ก ๆ เห็นเหมือนของเล่น โดยที่ไม่รู้เลยว่านั่นคือ บุหรี่ไฟฟ้า ขายกันเกลื่อนตามหน้าโรงเรียน มีส่วนผสมของนิโคตินซึ่งทำให้ติด รู้สึกมีความสุขตลอดเวลาและไม่ใช่แค่คนที่สูบ คนที่ได้รับควันก็จะได้รับสารชนิดนี้เหมือนกัน ไม่ว่าจะสูบในบ้านหรือสูบในรถทิ้งไว้

โดยบุหรี่มวนและบุหรี่ไฟฟ้าแตกต่างกันตรงที่บุหรี่ไฟฟ้าเป็นละอองไอน้ำเพราะฉะนั้นมีการกระจายได้มากกว่า ตกค้างได้มากกว่าและสามารถเข้าสู่ปอดได้มากกว่าด้วย การนำสารนิโคตินเข้าสู่ปอดและกระแสเลือดจะง่ายขึ้น อย่างบุหรี่มวนมีนิโคตินประมาณ 20 มิลลิกรัมสูบจริงได้รับประมาณ 1-2 มิลลิกรัม แต่บุหรี่ไฟฟ้านั้นปริมาณนิโคตินเท่าไหร่ ก็เข้าไปเกือบเต็มๆ

ปกป้อง \'เด็ก\' จากควันบุหรี่-บุหรี่ไฟฟ้า ความท้าทาย ต้องร่วมมือ

ควันบุหรี่ 3 ระดับ ภัยเงียบใกล้ตัว

เป็นที่ทราบกันดีว่าผู้ที่สูบบุหรี่หรือบุหรี่ไฟฟ้าจะได้รับ “ควันบุหรี่มือหนึ่ง” ซึ่งเป็นควันที่เกิดจากการสูบโดยตรง อย่างไรก็ตาม เด็กบางคนหรือคนที่ไม่สูบบุหรี่เองอาจได้รับ “ควันบุหรี่มือสอง” ซึ่งเป็นควันที่ลอยอยู่ในอากาศ มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า โดยเกิดจากการสูบของคนรอบข้าง

แม้ผู้สูบจะไม่ได้อยู่ในบริเวณนั้นแล้ว แต่สารเคมีจากควันบุหรี่ยังคงตกค้างและเกาะติดตามพื้นผิวต่างๆ เช่น เสื้อผ้า ผิวหนัง เฟอร์นิเจอร์ โต๊ะ เบาะโซฟา พรม และพื้น สิ่งเหล่านี้เรียกว่า “ควันบุหรี่มือสาม” ซึ่งแม้จะมองไม่เห็น แต่ก็ยังคงเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

ควันบุหรี่ทุกประเภทล้วนก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นผู้สูบเอง คนที่อยู่ใกล้ชิดผู้สูบ หรือแม้แต่คนที่อยู่ในบริเวณที่เคยมีการสูบ ทั้งหมดนี้อาจเพิ่มโอกาสในการเกิดโรคร้ายแรงหลายชนิด เช่น โรคหัวใจที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 25-30% โรคมะเร็งปอดที่มีโอกาสเกิดมากขึ้น 20-30% และที่น่ากังวลยิ่งกว่านั้นคือ ผู้ที่ได้รับควันบุหรี่อาจมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งที่ลำคอมากกว่าคนทั่วไปถึง 3 เท่า

อย่างไรก็ตาม ควันบุหรี่มือสองยังส่งผลกระทบต่อระบบหลอดเลือดและหัวใจทันทีที่ได้รับ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น หอบหืด โรคหัวใจ หรือโรคหลอดลม ซึ่งอาจทำให้อาการของโรครุนแรงขึ้นได้ ด้วยเหตุนี้ การหลีกเลี่ยงควันบุหรี่ในทุกรูปแบบจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพของทุกคน

บุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมาย แต่ซื้อขายเกลื่อน!

แม้บุหรี่ไฟฟ้าจะผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่ยังพบว่ามีการซื้อขายอย่างแพร่หลาย เป็นคำถามที่หลายคนสงสัยและคำตอบก็มีหลายปัจจัยที่ทำให้บุหรี่ไฟฟ้ายังคงอยู่ในตลาดเถื่อน แม้จะถูกสั่งห้าม ด้วยความต้องการที่สูง หลายคนเชื่อว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่ "ปลอดภัยกว่า" บุหรี่ธรรมดา แม้จะยังมีผลกระทบต่อสุขภาพ แต่ก็ถูกใช้เป็นทางเลือกในการเลิกบุหรี่ทั่วไป

อีกทั้ง ยังมีช่องโหว่ของกฎหมายทำให้บางคนยังลักลอบขายได้ ประกอบกับช่องทางออนไลน์ที่ทำให้การซื้อขายส่วนใหญ่อยู่ในแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งการควบคุมและตรวจจับทำได้ยากกว่าร้านค้าทั่วไป บุหรี่ไฟฟ้าสร้างรายได้ให้กับผู้ค้าเป็นอย่างดีเป็นแรงจูงใจให้ยังมีการขายอย่างต่อเนื่อง

ปกป้อง \'เด็ก\' จากควันบุหรี่-บุหรี่ไฟฟ้า ความท้าทาย ต้องร่วมมือ

กรณีผู้ขายหรือให้บริการบุหรี่ไฟฟ้า

  • ห้ามขายหรือให้บริการสินค้าประเภท "บารากู่ บารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงน้ำยาสำหรับเติม
  • ผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562
  • โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • กรณีผู้นำเข้า-ผู้ผลิต-ผู้สั่ง บุหรี่ไฟฟ้า
  • โทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับเป็นเงิน 5 เท่าของราคาสินค้า หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • บุหรี่ไฟฟ้าทั้งหมด รวมถึงอุปกรณ์และพาหนะที่ใช้ขนส่งต้องถูกริบ
  • เป็นความผิดตามประกาศกระทรวงพาณิชย์เรื่องกำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักรพ.ศ. 2557 และ เป็ ตามมาตรานความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 มาตรา 244 ซึ่งกำหนดโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

กรณีผู้ครอบครองหรือรับฝากบุหรี่ไฟฟ้า

  • โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับเป็นเงิน 4 เท่าของราคาสินค้า หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • ผิดตาม มาตรา 246 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560

ปัญหาที่หลายฝ่ายต้องร่วมมือกัน

“ผู้ปกครอง” ถือเป็นส่วนสำคัญของครอบครัวที่มีบทบาทโดยตรงในการดูแล อบรม และปลูกฝังพฤติกรรมที่ดีให้กับเด็ก นอกจากการดูแลเรื่องอาหารการกิน สุขภาพ และการศึกษาแล้ว สิ่งสำคัญไม่แพ้กันคือการสร้างภูมิคุ้มกันทางความคิดและอารมณ์ เพื่อให้เด็กเติบโตขึ้นมาอย่างมีสติและสามารถตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีให้กับตัวเอง ในยุคที่สิ่งยั่วยุต่าง ๆ อยู่รอบตัว ไม่ว่าจะเป็นโฆษณา สื่อโซเชียล หรือเพื่อนในสังคม

สำหรับการป้องกันไม่ให้เด็กเข้าใกล้หรือทดลองใช้บุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าจึงไม่ใช่แค่การสั่งห้ามเพียงอย่างเดียว แต่ต้องอาศัยการสื่อสารที่ดีระหว่างพ่อแม่กับลูก หนึ่งในคำแนะนำของ "อาจารย์ชัยฤทธิ์ ศรีโรจน์รัตน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านวรรณกรรมและนิทานสำหรับเด็ก" คือการใช้นิทานเป็นเครื่องมือในการสร้างจิตสำนึกที่ดีให้กับเด็ก ผ่านเรื่องราวที่สนุกสนาน เด็กจะสามารถเรียนรู้ถึงผลกระทบของการกระทำต่าง ๆ รวมถึงความเสี่ยงของพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ช่วยกระตุ้นให้เด็กคิด วิเคราะห์ และเกิดความเข้าใจในเรื่องของคุณธรรมและการตัดสินใจที่ถูกต้อง

การเล่านิทานยังเป็นช่วงเวลาที่พ่อแม่สามารถสื่อสารกับลูกได้อย่างใกล้ชิดทำให้เด็กรู้สึกว่าตนเองได้รับความรักและความเอาใจใส่ ซึ่งช่วยลดโอกาสที่เด็กจะมองหาสิ่งทดแทนจากสิ่งแวดล้อมภายนอก เช่น การทดลองสิ่งต้องห้ามเพียงเพราะความอยากรู้อยากลอง

อาจารย์ชัยฤทธิ์ กล่าวต่อว่า ครอบครัวของเด็กๆ ยุคนี้อยู่กับโทรศัพท์ซึ่งปัจจุบันสิ่งหนึ่งที่ลดลงคือ เราไม่ได้ใช้เวลากับลูกเยอะเพราะเราก็เล่นโทรศัพท์ เราก็ปล่อยลูกเล่นเองตามลำพังหรือปล่อยลูกดูโทรศัพท์ไปด้วย เพราะฉะนั้นสายใยความรักมัน ความเอาใจใส่ของผู้ปกครองจึงสำคัญ มันจะคุ้มครองลูกให้ลูกเป็นคนที่โตขึ้นมาแล้วรู้จักภัยของยาเสพติด

การเล่านิทานถือเป็นการสร้างสายใยความรักที่มีเสียงของคนที่เด็กอยู่ด้วยทำให้รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย เพราะฉะนั้นเวลาที่เล่านิทานให้ เด็กๆ ฟัง มันคือความรักไม่ว่าจากครูหรือคุณพ่อคุณแม่เพราะเด็กเขาต้องการแค่ให้ใครมาเล่นด้วย เราควรให้เวลาในการเล่นกับลูก เล่านิทานให้ลูกฟังเพราะฉะนั้นนิทานเป็นสื่อสายใยรัก เป็นเหมือนสิ่งคุ้มครองโรคให้ลูกรู้สึกปลอดภัยอีกทั้งสอดแทรกเรื่องของ โทษบุหรี่เข้าไปเพื่อให้เด็กได้รู้และเข้าใจ

ปกป้อง \'เด็ก\' จากควันบุหรี่-บุหรี่ไฟฟ้า ความท้าทาย ต้องร่วมมือ

โรงเรียน” ถือเป็นอีกหนึ่งสถาบันสำคัญที่มีบทบาทโดยตรงในการดูแลและปลูกฝังพฤติกรรมที่ดีให้กับเด็ก นอกจากการสอนวิชาการแล้ว โรงเรียนยังเป็นสถานที่ที่ช่วยสร้างจิตสำนึกเกี่ยวกับสุขภาพและความปลอดภัยให้กับนักเรียน โดยเฉพาะในเรื่องของบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งกำลังเป็นปัญหาที่แพร่หลายในสังคมปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้ คุณครูและบุคลากรทางการศึกษาหลายท่านจึงได้เข้าร่วมการอบรมเกี่ยวกับโทษของบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อนำความรู้ที่ได้รับมาพัฒนาเป็นสื่อการเรียนการสอนที่เหมาะสมสำหรับเด็ก

หนึ่งในแนวทางที่ได้นำมาใช้ ดำเนินงานขับเคลื่อนรณรงค์ให้เด็กเล็ก (Gen Alpha) ปลอดบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า คือการบูรณาการความรู้เกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าเข้าไปในกิจกรรมต่าง ๆ ภายในโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นการเล่านิทาน การแสดงละคร หรือแม้กระทั่งการจัดกิจกรรมกีฬาสี กิจกรรมวันพ่อ วันแม่ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้กับเด็ก ๆ ผ่านกิจกรรมที่สนุกและเข้าถึงง่าย เด็กจะได้เรียนรู้ถึงโทษของบุหรี่ไฟฟ้าโดยไม่รู้สึกว่าเป็นการบังคับ แต่เป็นการเปิดโอกาสให้พวกเขาได้คิดและซึมซับความรู้ด้วยตนเอง

น.ส.ณภัทร วันหวัง ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนชุมชนซอยสมหวัง เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ กล่าวว่า โรงเรียนยังให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงการเรียนรู้ไปยังผู้ปกครอง ผ่านกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้พ่อแม่มีส่วนร่วมในการป้องกันปัญหาบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าร่วมกับบุตรหลาน โดยหนึ่งในวิธีที่นำมาใช้คือ การบูรณาการความรู้ลงในใบงานของนักเรียน เช่น การให้เด็ก ๆ วาดภาพระบายสีเกี่ยวกับโทษของบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า หรือทำกิจกรรมสร้างสรรค์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้ แล้วนำผลงานกลับไปบ้าน เพื่อให้ผู้ปกครองได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็นและสะท้อนมุมมองของตนเองเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว

นอกจากการแสดงความคิดเห็นแล้ว กิจกรรมนี้ยังช่วยให้ผู้ปกครองได้ตระหนักถึงบทบาทของตนเองในการป้องกันลูกหลานจากบุหรี่ไฟฟ้าและเปิดโอกาสให้พ่อแม่ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับลูกเกี่ยวกับอันตรายของบุหรี่ในบรรยากาศที่เป็นกันเอง หลังจากนั้น นักเรียนจะนำใบงานหรือกิจกรรมที่ทำร่วมกับผู้ปกครองส่งกลับมายังคุณครูที่โรงเรียน ซึ่งทำให้โรงเรียนสามารถติดตามและประเมินผลว่าเด็กและครอบครัวมีความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหานี้มากน้อยเพียงใด

“ด้านสำนักงานป้องกันและบำบัดการติดยาเสพติด สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร” มีบทบาทสำคัญในการขยายผลและหนุนเสริมการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับเด็กเล็กในการป้องกันจากอันตรายของบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า โดยมีการแต่งตั้งคณะกรรมการป้องกันแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร กำหนดมาตรการแนวทางปฏิบัติเพื่อเฝ้าระวัง ควบคุม ป้องกัน พร้อมประชาสัมพันธ์สื่อสารสาธารณะเพื่อรณรงค์สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าที่ถูกต้องให้กับเด็กเยาวชนและประชาชน อีกทั้งสนับสนุนการบำบัดรักษาผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าและสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องในการดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า

สถานการณ์การใช้บุหรี่ไฟฟ้าในกรุงเทพมหานครมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ด้านผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครอาจารย์ชัชชาติ สุทธิพันธ์ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของเรื่องนี้จึงมีนโยบายเกี่ยวกับมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน และแก้ไขปัญหายาเสพติด กัญชา กันชง กระท่อม บุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้าและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงแนวปฏิบัติเพื่อป้องกันและครอบคลุมบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาหรืออุปกรณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้า โดยโรงเรียน ทั้ง 437 โรงเรียนในกรุงเทพมหานครจะต้องปฏิบัติตามมาตรการนี้

ปกป้อง \'เด็ก\' จากควันบุหรี่-บุหรี่ไฟฟ้า ความท้าทาย ต้องร่วมมือ

น.ส.อลิสษา ยูนุช  นักสังคมสงเคราะห์ชำนาญการ สำนักงานป้องกันและบำบัด การติดยาเสพติด สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร กล่าว่า นอกจากเด็กเด็กและโรงเรียนแล้วเราอยู่ในบริเวณชุมชน ทางสำนักอนามัยได้มีการขับเคลื่อนโครงการชุมชนบ้านปลอดบุหรี่ โดยการให้อาสาสมัครสาธารณสุขเข้ามามีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังและเชิญชวนให้ผู้ปกครองหรือคนในชุมชนเลิกสูบบุหรี่โดยมีช่องทางในการส่งต่อการบำบัดรักษาไปยังศูนย์บริการสาธารณสุข

ภัยเงียบ

การป้องกันและแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้ขึ้นอยู่กับหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเท่านั้น แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐ โรงเรียน ชุมชน และครอบครัว ที่ต้องช่วยกันปลูกฝังความรู้ความเข้าใจให้แก่เด็กและเยาวชน พร้อมทั้งสนับสนุนให้ผู้ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าได้มีโอกาสเลิกอย่างจริงจัง เมื่อทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพส่วนรวมก็จะสามารถสร้างสังคมที่ปลอดภัยและปราศจากบุหรี่หรือบุหรี่ไฟฟ้าได้

ปกป้อง \'เด็ก\' จากควันบุหรี่-บุหรี่ไฟฟ้า ความท้าทาย ต้องร่วมมือ

ปกป้อง \'เด็ก\' จากควันบุหรี่-บุหรี่ไฟฟ้า ความท้าทาย ต้องร่วมมือ