'สมองเมา'เช็กโรค- อาการที่มาหลังจากเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว

จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ความรุนแรงขนาด 8.2 ริกเตอร์ ที่ระดับความลึก 10 กิโลเมตร และเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาหลายครั้ง
KEY
POINTS
- สมองเมาแผ่นดินไหว (Earthq
จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ความรุนแรงขนาด 8.2 ริกเตอร์ ที่ระดับความลึก 10 กิโลเมตร และเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาหลายครั้งโดยจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่ประเทศเมียนมา และส่งแรงสั่นสะเทือนมายังหลายพื้นที่ในประเทศไทย รวมทั้งกรุงเทพมหานคร ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของชาวเมืองกรุงและปริมณฑล ที่ได้รับผลกระทบทั้งทางกายภาพ และสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็น สุขภาพกาย หรือสุขภาพใจ
ว่ากันว่า “โรคที่เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว” มีหลากหลายโรค โดยเฉพาะ “อาการสมองเมาแผ่นดินไหว” หรือ “อาการเวียนหัวหลังแผ่นดินไหว” ขณะเดียวกัน หลายคนอาจจะมี “อาการสมองหลอนแผ่นดินไหว” แพนิค, นอนไม่หลับ และตื่นตกใจง่าย หากเกิดอาการผิดปกติต่อเนื่องหรือรุนแรงควรจะทำอย่างไร และอาการหนักขนาดไหนต้องรีบพบแพทย์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
เปิดบริการ 'เต็นท์-ค่ายลูกเสือ' เป็นที่พักแก่ปชช.จากแผ่นดินไหว
เงินเยียวยา ‘แผ่นดินไหว’ ซ่อมบ้าน คอนโด 49,500 บาท กทม. ทั้งจังหวัด
รู้จัก “อาการสมองเมาแผ่นดินไหว”
ผศ.นพ. สุรัตน์ ตันประเวช แพทย์ประสาทวิทยา ผู้เชี่ยวชาญระบบประสาทและสมอง คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่โพสต์ผ่านเพจ สาระสมองกับ อจ.หมอสุรัตน์ ถึงโรคสมองเมาแผ่นดินไหว หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่ของไทย แรงสั่นสะเทือนหลายจังหวัด มีจุดศูนย์หลางอยู่ที่ประเทศเมียนมา โดยมีเนื้อหาใจความว่า
โรคสมองเมาแผ่นดินไหว (Earthquake Drunk) หรือ โรคสมองหลอนแผ่นดินไหว (Earth quake illusion) วันนี้ นั่งดีๆ ตัวโยก คิดว่าเป็นอัมพาตซะแล้ว มองไป เพื่อนๆ พากัน ตั้งสติ เฮ้ยใจสั่นเวียนหัว วิ่งหลบ
แผ่นดินไหวจบ นอกจาก สิ่งก่อสร้างเสียหาย แต่ยังมีอาการตอบสนองต่อร่างกายยังไม่จบเป็นอาการต่อเนื่องด้วย เอา จริงๆ อจ ยัง รู้สึก หวั่นๆ โยกๆ อยู่นิดนึง กลุ่ม อาการเหล่านี้ ที่ญี่ปุ่นรู้ดีเพราะแผ่นดินไหวบ่อย ไทยเรา รู้ไว้ด้วยจะได้ สังเกตตัวเอง
อาการเกิดต่อร่างกาย จิตใจหลังแผ่นดินไหว
สมองเมาแผ่นดินไหว (Earthquake Drunk) กลุ่มอาการวิงเวียนหลังแผ่นดินไหว หรือ Post-Earthquake Dizziness Syndrome หรือ PEDS)
ผู้คนมักอธิบายว่ารู้สึกเหมือนยังคงเคลื่อนไหวอยู่ คล้ายกับความโคลงเคลงที่รู้สึกหลังจากลงจากเรือ ซึ่งบางครั้งเรียกว่า “อาการป่วยจากแผ่นดินไหว” หรือ “จิชิน-โยอิ” (แปลตรงตัวว่า “เมาแผ่นดินไหว” ในภาษาญี่ปุ่น) การศึกษาชี้ว่าอาการนี้อาจเกิดจากการรบกวนในระบบการทรงตัว (vestibular system) ซึ่งเป็นส่วนของหูชั้นในที่ควบคุมความสมดุล
การเคลื่อนไหวที่ไม่คาดคิดจากแผ่นดินไหวสามารถทำให้ระบบนี้เสียสมดุล ส่งผลให้สมองพยายามปรับความรู้สึกให้กลับมาปกติอย่างยากลำบาก บางคนอาจมีอาการคลื่นไส้ เวียนศีรษะ หรือรู้สึกไม่สบายตัวร่วมด้วย และอาการนี้อาจรุนแรงขึ้นในคนที่ไวต่อการเมารถอยู่แล้ว หรือในคนที่อยู่ในอาคารสูงระหว่างเกิดแผ่นดินไหว ซึ่งการสั่นไหวจะรู้สึกชัดเจนกว่า
ระยะเวลาของอาการ
ทางร่างกายเหล่านี้แตกต่างกันไป ในหลายคน อาการวิงเวียนจะค่อย ๆ หายไปภายในไม่กี่นาทีหรือชั่วโมงเมื่อร่างกายปรับตัวได้ อย่างไรก็ตาม การวิจัยหลังแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ เช่น แผ่นดินไหวโทโฮกุในญี่ปุ่นปี 2011 (ขนาด 9.0) หรือแผ่นดินไหวคุมาโมโตะในปี 2016 พบว่าบางคนมีปัญหาการทรงตัวนานถึงหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน การศึกษาหนึ่งพบว่า มากกว่า 42% ของผู้ที่ถูกสำรวจรายงานถึง “ความรู้สึกโคลงเคลงที่เหมือนภาพลวงตา” ในช่วงหลายสัปดาห์หลังแผ่นดินไหวคุมาโมโตะ
พญ.ชนิดา สถิตปัญญาพันธุ์ แพทย์ประจำศูนย์จิตแพทย์ โรงพยาบาลยันฮี กล่าวว่าภาวะทางจิตใจที่อาจเกิดตามมาหลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหว อาการ “สมองหลอนแผ่นดินไหว สาเหตุของอาการเหล่านี้ซับซ้อน น่าจะเป็น สมองพยายามประมวลผลข้อมูลทางประสาทสัมผัสที่ขัดแย้งกัน ตาบอกว่าพื้นดินนิ่ง แต่ระบบการทรงตัวบอกว่าเคลื่อนไหว จนเกิดการพุ่งขึ้นของคอร์ติซอลและอะดรีนาลีนระหว่างและหลังเหตุการณ์สามารถเพิ่มความไวต่อความรู้สึกในร่างกาย ทำให้อาการวิงเวียนหรือคลื่นไส้รู้สึกหนักขึ้น
คนที่เป็นภาวะนี้มากได้แก่ คนมีโรควิตกกังวลหรือประวัติปวดไมเกรน
ยังไม่มีวิธีรักษาเฉพาะสำหรับอาการหลังแผ่นดินไหว แต่สามารถใช้วิธีจากอาการเมารถและการจัดการความเครียดได้ การมองไปที่จุดไกล ๆ (เช่น เส้นขอบฟ้า) การนอนลง หรือการจิบน้ำอาจช่วยบรรเทาอาการวิงเวียนในระยะสั้นได้ สำหรับผลกระทบทางจิตใจ การพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์กับผู้อื่น จะช่วยระบาย หรือหลีกเลี่ยงการดูสื่อเกี่ยวกับเหตุการณ์มากเกินไป
ระวังโรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญ
โรค PTSD (Post-Traumatic Stress Disorder) หรือโรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญ เป็นภาวะทางจิตใจที่เกิดขึ้นหลังประสบเหตุการณ์รุนแรงหรือคุกคามชีวิต เช่น แผ่นดินไหว อุบัติเหตุร้ายแรง ถูกทำร้ายร่างกาย ภัยพิบัติ สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก โดยเฉพาะในเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดและควบคุมไม่ได้ เช่น แผ่นดินไหว ฯลฯ อาการของโรค PTSD (Post-Traumatic Stress Disorder) ได้แก่
- หวนคิดถึงเหตุการณ์ (Flashbacks) เหมือนกลับไปอยู่ในเหตุการณ์เดิมอีกครั้ง เช่น ได้ยินเสียงหรือภาพเหตุการณ์ย้อนกลับมา
- ฝันร้ายเกี่ยวกับเหตุการณ์ ทำให้นอนหลับยากหรือสะดุ้งตื่นกลางดึก
- หลีกเลี่ยงสิ่งที่เตือนให้นึกถึงเหตุการณ์ เช่น ไม่อยากไปยังสถานที่ที่เกิดเหตุ ไม่อยากพูดถึง
- รู้สึกหวาดระแวงหรือสั่นผวา ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา สะดุ้งง่าย ใจสั่น เหงื่อออก
- อาการซึมเศร้า หรือวิตกกังวลร่วมด้วย เช่น เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ
กลุ่มเสี่ยง
- ผู้ประสบภัยโดยตรง เช่น คนที่ติดอยู่ในซากอาคารหรือสูญเสียญาติ
- เจ้าหน้าที่กู้ภัยหรือผู้ที่เห็นภาพเหตุการณ์รุนแรง
- เด็กและผู้สูงอายุที่มีความเปราะบางทางอารมณ์
แนวทางการดูแลรักษา
- การบำบัดทางจิตใจ (Psychotherapy) เช่น CBT (Cognitive Behavioral Therapy), EMDR (Eye Movement Desensitization and Reprocessing)
- การใช้ยา เช่น ยาต้านซึมเศร้าหรือยาคลายความวิตกกังวล ในกรณีที่อาการรุนแรง
- การสนับสนุนทางสังคม เช่น การรับฟัง ให้กำลังใจ การอยู่ร่วมกับครอบครัวหรือเพื่อน
- การเฝ้าระวังจากบุคลากรสาธารณสุข โดยเฉพาะในพื้นที่เกิดภัยพิบัติ ควรมีทีมสุขภาพจิตเข้าไปช่วยประเมินและเยียวยา
แพนิคหลังแผ่นดินไหว (Panic Disorder)
อาการแพนิคหลังแผ่นดินไหว (Panic Disorder) คือ ภาวะผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติ ผู้ป่วยจะรู้สึกกลัว ตื่นตระหนก วิตกกังวล (Acute stress disorder) นอนไม่หลับ สภาวะนี้จะมีผลต่อคนที่เป็นโรคประจำตัวเกี่ยวกับฮอร์โมน เนื่องจากเกี่ยวกับเรื่องอารมณ์ความรู้สึก
หลักปฏิบัติตัวเมื่อเป็นโรคหลังแผ่นดินไหว
- สูดหายใจเข้าออกลึก ๆ ช้า ๆ ให้ผ่อนคลาย และระบบการทรงตัวจะค่อยๆ เริ่มกลับมาทำงานอย่างปกติ
- พักสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ หยุดการเพ่งจ้องหน้าจอเป็นเวลานาน
- มองไปที่จุดไกล ๆ หรือนอนราบลงจะช่วยทำให้อาการดีขึ้น
- นอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่ หากใครที่ปวดหัวหลังแผ่นดินไหวก็สามารถกินยาแก้ปวดรักษาตามอาการได้
สัญญาณอันตรายที่ควรพบแพทย์หลังมีอาการแผ่นดินไหว
- เวียนศีรษะรุนแรง หรือรู้สึกเหมือนจะเป็นลม
- คลื่นไส้ อาเจียนซ้ำๆ หรือรับประทานอาหารไม่ได้
- เดินไม่ตรง ทรงตัวลำบาก หรือมีปัญหาในการเคลื่อนไหว
- ตาพร่ามัว เห็นภาพซ้อน หรือการมองเห็นผิดปกติ
- หูอื้อ หรือมีเสียงดังในหูตลอดเวลา
- กล้ามเนื้ออ่อนแรงที่แขนขา ชาที่ใบหน้า หรือริมฝีปาก
- พูดไม่ชัด สับสน หรือมีปัญหาในการสื่อสาร
- มีโรคประจำตัว เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ ที่อาจทำให้อาการรุนแรงขึ้น
- อาการไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน หรือลุกลามจนรบกวนชีวิตประจำวัน
วิธีดูแลจิตใจ เมื่อมีอาการหลังเกิดแผ่นดินไหว
- ยอมรับความรู้สึกว่ามันเกิดขึ้นจริง
เป็นเรื่องปกติที่จะรู้สึกเศร้า หวาดกลัว วิตกกังวล หรือสับสน อย่าพยายามปฏิเสธหรือกดทับความรู้สึกของตนเอง รวมถึงให้เวลากับตัวเองในการฟื้นฟูทางอารมณ์
- สร้างความปลอดภัยทางจิตใจ
ด้วยการระบายความรู้สึกผ่านการเขียน พูด หรือพูดคุยกับคนที่เข้าใจ หลีกเลี่ยงการดูข่าวหรือภาพที่อาจกระตุ้นความรู้สึกทางลบ
- จัดการความเครียด
ฝึกหายใจลึกๆ ช้าๆ การออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ
- พยายามกลับเข้าสู่กิจวัตรเดิม
เช่น กินอาหารให้ครบมื้อ นอนให้เพียงพอ และทำกิจกรรมที่ช่วยให้จิตใจสงบ
- ปรึกษานักจิตวิทยาหรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต
เมื่อพบว่ามีอาการทางกายที่รุนแรง เช่น ปวดศีรษะรุนแรง นอนไม่หลับติดต่อกัน มีความคิดทำร้ายตนเอง มีอาการซึมเศร้าหรือวิตกกังวลอย่างมาก ไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ
อ้างอิง : สาระสมองกับ อจ.หมอสุรัตน์ , โรงพยาบาลยันฮี