10 ไฮไลท์เที่ยว"วังบางขุนพรหม" วังที่สวยที่สุดในเมืองไทย
เปิด"วังบางขุนพรหม"ให้ชมฟรี ตั้งแต่เดือนเมษายน 65 ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ "แบงค์ชาติ"จัดวิทยากรนำชมตลอด ต้องจองล่วงหน้าภายใน 7 วันในแต่ละสัปดาห์ทางออนไลน์
"วังบางขุนพรหม" เป็นวังเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี สร้างเมื่อ ปี พ.ศ. 2444 จัดเป็นวังที่สวยที่สุดในเมืองไทย
วังแห่งนี้ตั้งอยู่ในบริเวณธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นส่วนหนึ่งของ พิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย เนื้อที่ 33 ไร่ริมเจ้าพระยา เปิดให้ชมฟรีตั้งแต่เดือนเมษายน 65 เฉพาะเสาร์-อาทิตย์(ดูรายละเอียดท้ายเรื่อง)
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดให้สร้างวังบางขุนพรหม เพื่อเป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ฯ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต พระโอรสลำดับที่ 33 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าและพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี อัครราชเทวี
เป็นวังที่ออกแบบโดยคาร์ล ซันเดรสกี สถาปนิกชาวเยอรมัน แต่ไม่แล้วเสร็จ จึงได้มารีโอ ตามัญโญ สถาปนิกชาวอิตาลี (ผู้ออกแบบพระที่นั่งอนันตสมาคม, สะพานมัฆวานรังสรรค์ และวังปารุสกวัน) มาดำเนินการออกแบบจนแล้วเสร็จ
รูปแบบสถาปัตยกรรมได้รับอิทธิพลจากยุคบาโรก(สถาปัตยกรรมตะวันตก ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 17 ในอิตาลีจะเน้นเรื่องแสง สี เงา และคุณค่าประติมากรรม) และยุคโรโกโก(ศิลปะรูปแบบนี้พัฒนามาจากศิลปะฝรั่งเศส ทุกสิ่งทุกอย่างในห้อง ไม่ว่าผนัง เครื่องเรือน หรือเครื่องประดับ จะออกแบบให้กลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน)
หน้าบันและผนังภายนอกอาคาร จึงมีลักษณะเป็นเส้นโค้งเว้าเข้า และนูนต่อเนื่องกัน และองค์ประกอบในการตกแต่งห้องต่าง ๆ มีความคล้ายคลึงกัน ใช้ปูนปั้นเป็นเส้นนูนตามกรอบประตูและช่องแสง
ที่โดดเด่นที่สุดคือบานประตูไม้แกะลายเส้นบนกึ่งกลางของลูกฟักไม้ ช่องแสงเหนือประตูปิดด้วยแผ่นไม้ฉลุลาย และฝ้าเพดานตกแต่งด้วยแผ่นไม้ฉลุลาย เน้นลวดลายด้วยการเขียนสีทอง พื้นภายในห้องต่าง ๆ เป็นพื้นไม้สักปูเข้าลิ้นขัดมัน
วังบางขุนพรหม มีหลายตำหนักด้วยกัน อาทิ ตำหนักใหญ่หรือตำหนักทูลกระหม่อม,ตำหนักสมเด็จ,ตำหนักหอ,ตำหนักน้ำ และศาลาแตร
ปัจจุบันวังบางขุนพรหม อยู่ในความดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย ใช้เวลารีโนเวท 3 ปี และเปิดประชาชนชมอยู่เนื่องๆ
ในอดีตวังแห่งนี้เป็นสถานที่ที่เจ้านายในราชวงศ์จักรีทรงใช้พบปะสังสรรค์ และยังใช้เป็นสถานที่เลี้ยงรับรองแขกต่างประเทศ
กระทั่งช่วงเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชมาเป็นระบอบประชาธิปไตย บุคคลในราชสกุล “บริพัตร” ต้องนิราศจากเมืองไทย วังจึงกลายเป็นสมบัติของรัฐบาล มีหน่วยงานราชการผลัดเปลี่ยนเป็นที่ทำการ
เมื่อปี 2488 กรมธนารักษ์ได้ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเช่าวังบางขุนพรหม เพื่อใช้เป็นที่ทำการ จนถึงปี 2502 ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เสนอเรื่องต่อคณะรัฐบาลขอกรรมสิทธิ์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของวังบางขุนพรหมไว้เป็นทรัพย์สมบัติของธนาคาร
โดยเห็นว่าสถานที่แห่งนี้งดงามและมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เหมาะเป็นที่ทำการของธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งถือเป็นสถาบันสำคัญของชาติ
10 ไฮไลท์วังบางขุนพรหม
1.ตำหนักใหญ่
ตึก 2 ชั้นที่ปลายปีกอีกด้านหนึ่งเป็นหอกลม 3 ชั้น ความงามของตึกจะอยู่ที่ลักษณะเสาชนิดต่าง ๆ ทั้งเสากลม เสาเหลี่ยม เสาแบน เสาบิดเป็นเกลียว ตามหัวเสาประดับด้วยลวดลายปูนปั้น หน้าต่างมีหลายแบบ มีทั้งหน้าต่างรูปไข่ ล้อมด้วยลายปูนปั้นรูปดอกคัทลียา และหน้าต่างรูปครึ่งวงกลมมีรูปเครือไม้และผลไม้ หลังคาเป็นแบบทรงมังซาร์ด
2.หน้าจั่ว
หน้าจั่วของตำหนักใหญ่วังบางขุนพรหมตรงด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ด้านบนของหลังคาเป็นหน้าจั่วที่เรียกว่า broken pediment
ประกอบด้วยเส้นโค้งออกและเว้าเข้าสลับกันในกรอบของรูปสามเหลี่ยม มีลายปูนปั้นที่เป็นลายม้วนคล้ายตัวอักษรภาษาอังกฤษแบบตัวเอส (S) และตัวซี (C) รวมทั้งลายปูนปั้นรูปเปลือกหอย
3.ลายประตู
ประตูไม้สีเขียวในห้องต่าง ๆ ของวังบางขุนพรหม มีลวดลายเดียวกับปูนปั้นภายในและภายนอก รวมถึงกรอบหน้าจั่วและหน้าต่างภายนอกอาคาร
ลวดลายบนบานประตู เป็นงานแกะสลักลงในเนื้อไม้ และใช้แผ่นทองคำเปลวปิดลงตรงช่องลึกและบนขอบกรอบลูกฟัก เพื่อตกแต่งเป็นลายเส้นสีทอง และลวดลายทองลักษณะนี้ ยังพบเห็นที่เพดานเหนือโถงบันไดและในห้องสีชมพู
(ห้องสีชมพูเป็นห้องใหญ่บนชั้นสองของตำหนักใหญ่ วังบางขุนพรหม )
4.ห้องสีชมพู
เป็นห้องที่สวยที่สุดของวังบางขุนพรหม ในอดีตเคยเป็นท้องพระโรงหลักสำหรับต้อนรับแขกสำคัญ ตลอดจนใช้ในการทำบุญเลี้ยงพระและพิธีการต่าง ๆ
ปัจจุบันห้องสีชมพูเป็นห้องที่ใช้จัดแสดงพระบรมรูปเขียนสีน้ำมัน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต เป็นภาพประธาน
5. ตัวอาคารใช้โทนสีเหลือง
ตัวอาคารของวังบางขุนพรหม รวมถึงวังอื่น ๆ ในช่วงยุคสมัยเดียวกัน ใช้โทนสีเหลือง เพราะเมื่อปี 2440-2450 เป็นช่วงแห่งการสร้างอาคารทรงยุโรปในสยาม เพื่อให้แผนงานตกแต่งอาคารให้แล้วเสร็จตามกำหนด
กรมโยธาธิการจึงเลือกใช้สีเหลืองเดียวเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย และนำเข้าสีเหลืองในปริมาณมาก มาใช้ทาสีตกแต่งตำหนักหลายหลังในวังต่าง ๆ รวมทั้งวังบางขุนพรหมด้วย
6.ห้องบริพัตร (ุห้ามถ่ายภาพ)
สมัยเป็นวังบางขุนพรหม ห้องนี้เป็นห้องรับรองแขกและตั้งเครื่องลายคราม ปัจจุบันจัดแสดงพระประวัติสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต รวมทั้งวัตถุที่เกี่ยวเนื่องในพระองค์ เช่น สิ่งของที่ระลึก พัดรองงานขึ้นตำหนักใหญ่วังบางขุนพรหม ไม้เท้าทรง โน้ตเพลงลายพระหัตถ์ ฯลฯ เป็นอีกห้องที่น่าชม
ศาลากระโจมแตรอยู่ระหว่างตำหนักใหญ่และตำหนักสมเด็จ
7.กระโจมแตร ศาลาแห่งเสียงดนตรี
ศาลากระโจมแตรอยู่ระหว่างตำหนักใหญ่และตำหนักสมเด็จ วังบางขุนพรหม มีรูปทรงเป็นศาลาวงกลม ก่อด้วยอิฐและมีลวดลายปูนปั้นที่งดงามอ่อนช้อย ขอบหลังคาประดับปูนปั้นรูปหัวสิงห์
หลังคาข้างบนเป็นทรงโดมซ้อนกันสองชั้นคล้ายกับผลมะยมผ่าครึ่ง วางครอบบนผนังรับน้ำหนักที่ออกแบบเป็นช่องเปิดรับลม ทำให้เมื่อยืนอยู่กลางศาลาจะมีเสียงสะท้อนมาอย่างชัดเจน จึงใช้เป็นสถานที่ซ้อมดนตรี เนื่องจากผู้ซ้อมดนตรีจะได้ยินเสียงดนตรีอย่างชัดเจน ส่วน คนฟังได้รับฟังความไพเราะจากเสียงสะท้อนก้องกังวานรอบทิศทาง
(บันไดวัง จัดว่างดงามที่สุด )
8.โถงบันได ตำหนักใหญ่
กล่าวกันว่าบันไดวังบางขุนพรหมเป็นบันไดแบบ Ceremonial Stair ที่ออกแบบได้อย่างงดงามที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ในยุคนั้น
โถงบันไดออกแบบให้ฐานล่างกว้างกว่าชั้นบนในลักษณะสอบเข้าหากัน ทำให้ลูกนอนของบันไดเสมือนคลื่นไหลลงจากฐานด้านบนลงสู่ฐานด้านล่างอาคารสำคัญในยุโรป เช่น โรงละคร Opera Garnier ประเทศฝรั่งเศส ใช้บันไดแบบ Ceremonial Stair เช่นเดียวกัน
9.หน้าจั่ว
หน้าจั่วของตำหนักใหญ่วังบางขุนพรหมตรงด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือด้านบนของหลังคาเป็นหน้าจั่วที่เรียกว่า broken pediment ประกอบด้วยเส้นโค้งออกและเว้าเข้าสลับกันในกรอบของรูปสามเหลี่ยม มีลายปูนปั้นที่เป็นลายม้วนคล้ายตัวอักษรภาษาอังกฤษแบบตัวเอส (S) และตัวซี (C) รวมทั้งลายปูนปั้นรูปเปลือกหอย
10. เสาเกลียว
เสาอิงทรงเกลียวคลื่น แบ่งบานหน้าต่างออกเป็นสามช่อง ส่วนหัวหน้าต่างออกแบบเป็นคิ้วโค้งครึ่งวงกลมผสมผสาน มีลายปูนปั้นเครือเถาใบพฤกษาอ่อนช้อยงดงาม เสาเกลียวลักษณะนี้เรียกว่า Barley-sugar column มีลักษณะเดียวกับเสาเกลียวรองรับหลังคาของแท่นบูชาขนาดใหญ่ในมหาวิหาร เซนต์ปีเตอร์ กรุงโรม
การใช้เสาเกลียวเป็นองค์ประกอบสถาปัตยกรรม เริ่มใช้กันมาตั้งแต่ยุคกลางในยุโรป แต่เป็นที่นิยมในสมัยบาโรก ปรากฏให้เห็นทั้งในอาคาร รวมทั้งเฟอร์นิเจอร์ เช่น ใช้เป็นขาโต๊ะ เก้าอี้
..............
อ้างอิง
-ข้อมูล : หนังสือ “๑๐๐ ปี วังบางขุนพรหม”
-ข้อมูลและภาพ(บางส่วน) จากเฟซบุ๊ค : ศูนย์การเรียนรู้แบงก์ชาติ - BOTLC
-วิกีมีเดีย
การเที่ยวชมวังบางขุนพรหม
-วังบางขุนพรหมเปิดให้ชมฟรี มีวิทยากรนำชม วันเสาร์ - อาทิตย์ ตั้งแต่เมษายน 65 (ไม่รับWalk in) ต้องสำรองเข้าเยี่ยมชมทางออนไลน์เท่านั้น
-จองเข้าชมวังได้ภายใน 7 วันในแต่ละสัปดาห์ รอบละ 40 คน
https://services.botlc.or.th/PhysicalDistancing
การเดินทาง
รถยนต์ส่วนตัว
-ใช้เส้นทางสะพานพระราม 8 มุ่งหน้าไปยังถนนสามเสน ก่อนเข้าทางประตูธนาคารแห่งประเทศไทย หรือประตูฝั่งใต้สะพานพระราม 8 (ประตู 2)
รถไฟฟ้า BTS
-สถานีราชเทวี ลงทางออก 3 ต่อรถประจำทางสาย 99
-สถานีสะพานตากสิน ลงทางออก 2 ต่อเรือด่วนเจ้าพระยาที่ท่าสาทร ขึ้นที่ท่าพระราม 8 จากนั้นเดินไปตามถนนวิสุทธิกษัตริย์