ทำไม “Fantastic Beasts” ภาคใหม่แป้ก? โกยรายได้ต่ำสุดในจักรวาล “Harry Potter”
ลุ้นตัวโก่ง “Fantastic Beasts” อาจไม่ได้ไปต่อ หลัง “Fantastic Beasts: The Secrets of Dumbledore” ทำรายได้ต่ำกว่าที่คาด พร้อมวิเคราะห์เหตุผล ทำไมแฟน ๆ บางส่วนถึงเทหนังเรื่องนี้
“Fantastic Beasts: The Secrets of Dumbledore” หรือในชื่อไทย “สัตว์มหัศจรรย์ ความลับของดัมเบิลดอร์” เข้าฉายทั่วโลกเมื่อวันที่ 15 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยในสัปดาห์แรกสามารถทำรายได้เปิดตัวสัปดาห์แรกในสหรัฐไปเพียง 42 ล้านดอลลาร์เท่านั้น กลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้น้อยสุด ในแฟรนไชส์โลกเวทมนตร์ (Wizard World) หรือ จักรวาล แฮร์รี่ พอตเตอร์ (Harry Potter)
หลังจากการเข้าฉายร่วม 10 วัน รายได้ของ The Secrets of Dumbledore ก็ไม่ได้ดีขึ้น สามารถเก็บรายได้รวมในสหรัฐได้เพียง 67 ล้านดอลลาร์ ซึ่งในสัปดาห์ล่าสุด (22-24 เม.ย.) นั้นตกลงมาอยู่ในอันดับที่ 3 ของ Box Office สหรัฐ เป็นรอง The Bad Guys แอนิเมชันเรื่องใหม่ และ Sonic the Hedgehog 2 ที่เข้าฉายมาตั้งแต่ต้นเดือน
ส่วนรายได้รวมทั่วโลก 280 ล้านดอลลาร์ (ข้อมูล วันที่ 26 เม.ย. 2565 ตามเวลาประเทศไทย) ยังไม่เพียงพอที่จะสร้างกำไรให้แก่ผู้สร้างอย่าง “Warner Bros. Pictures” เนื่องจากภาพยนตร์เรื่องนี้มีทุนสร้างสูงถึง 200 ล้านดอลลาร์ โดยยังไม่รวมค่าโปรโมตและการตลาดอีก 200 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ค่ายฯยังต้องรอดูท่าทีและรายได้ของ The Secrets of Dumbledore ว่าจะคุ้มค่าที่จะสร้างภาคต่อหรือไม่ แม้ว่าเดิมทีจะวางแผนสร้างภาพยนตร์ชุด Fantastic Beasts ไว้ 5 ภาคก็ตาม
ขณะเดียวกัน โปรดิวเซอร์ของภาพยนตร์ได้เปิดเผยกับ Screenrant เว็บไซต์รวบรวมข่าวเกี่ยวกับภาพยนตร์ ว่า ทางทีมและ “เจ.เค. โรว์ลิง” (J.K. Rowling) ยังไม่ได้เริ่มเขียนบทภาพยนตร์ภาค 4 ซึ่งต่างจากภาคก่อน ๆ ที่จะเขียนต่อบทภาพยนตร์หลังจากที่เริ่มถ่ายทำภาคนั้น ๆ ทันที
ขณะที่คะแนนจากนักวิจารณ์ในเว็บไซต์ Rotten Tomatoes หรือเว็บมะเขือเน่า ได้ไปเพียง 47% เท่านั้น สวนทางกับคะแนนของผู้ชมที่ให้สูงถึง 84% ด้านคะแนนผู้ชมจากเว็บไซต์ฐานข้อมูลภาพยนตร์จากทั่วโลกอย่าง IMDb อยู่ที่ 6.5 คะแนน ซึ่งเมื่อเทียบคะแนนกับภาคก่อน ๆ พบว่า “Fantastic Beasts and Where to Find Them” ซึ่งเป็นเรื่องแรกของภาพยนตร์ชุดนี้ได้รับคะแนนสูงสุดจากทั้ง 2 เว็บไซต์ (ข้อมูล วันที่ 26 เม.ย. 2565)
- หรือว่า เจ.เค. โรว์ลิง เป็นผู้เกลียดกลัวคนข้ามเพศ ?
กระแสไม่ปลื้ม The Secrets of Dumbledore นั้น มีมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่ปี 2563 ที่เจ.เค. โรว์ลิง ผู้แต่งแฮร์รี่ พอตเตอร์และผู้สร้าง Wizard World ทวีตข้อความแสดงความเห็นผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวเกี่ยวกับบทความที่พาดหัวระบุว่า “สร้างโลกหลังยุคโควิดให้เท่าเทียมสำหรับผู้ที่มีประจำเดือน” เธอได้ทวีตว่า
“‘ผู้ที่มีประจำเดือน’ หรอ ฉันมั่นใจว่า มันเคยมีคำเรียกสำหรับคนเหล่านี้นะ ใครก็ได้ช่วยฉันหน่อย ผู้ฉิง (Wumben?) ผู้หยิง (Wimpund?) ปู้หยิง (Woomud?)”
หลังจากนั้น เจ. เค. โรว์ลิงได้ทวีตข้อความที่ส่อไปในทางไม่ยอมรับในการมีอยู่ของกลุ่มคนข้ามเพศอยู่หลายครั้ง หนึ่งในทวีตที่คนยกมาพูดถึงมากที่สุดคือ
“ถ้าเพศไม่มีจริง การรักเพศเดียวกันก็ไม่มีจริง ถ้าเรื่องเพศไม่มีจริง ความเป็นจริงในชีวิตของผู้หญิงทั่วทั้งโลกก็จะถูกลบหายไป ฉันรู้จักและรักคนข้ามเพศ แต่การลบกรอบคิดเรื่องเพศ แปลว่าหลาย ๆ คนจะไม่สามารถพูดถึงเรื่องที่มีคุณค่าต่อพวกเขาได้ การพูดความจริงไม่ได้แปลว่าจะต้องเกลียดชัง”
“ฉันเคารพคนข้ามเพศทุกคน พวกเขามีสิทธิ์ที่จะใช้ชีวิตตามที่ต้องการและเป็นตัวของตัวเอง ฉันจะไปเดินขบวนกับพวกคุณ ถ้าหากพวกคุณโดนกีดกันจากการเป็นคนข้ามเพศ แต่ขณะเดียวกัน ในชีวิตของฉันก็ถูกหล่อหลอมด้วยการเป็นผู้หญิง ฉันไม่เชื่อว่าการพูดแบบนี้เป็นการเกลียดชัง”
ข้อความเหล่านี้สร้างความไม่พอใจและเป็นที่ถกเถียงในวงกว้าง จนทำให้เหล่าแฟน ๆ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่เป็นกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ โดยเฉพาะคนข้ามเพศ และผู้สนับสนุนกลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ต่างพากันผิดหวัง เลิกติดตามผลงาน และเผาหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์ทิ้ง อีกทั้งมองว่าเจ.เค. โรว์ลิง เป็นผู้เกลียดกลัวคนข้ามเพศ (Transphobia) และเป็นนักนิยมสิทธิสตรีหัวรุนแรงที่กีดกันบุคคลข้ามเพศ (Trans-Exclusionary Radical Feminist: TERF)
ขณะที่นักแสดงในแฮร์รี่ พอตเตอร์ ไม่ว่าจะเป็น “แดเนียล แรดคลิฟฟ์” (Daniel Radcliffe) ผู้รับบท แฮร์รี่ พอตเตอร์, “เอ็มมา วัตสัน” (Emma Watson) ผู้รับบท เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์, “รูเพิร์ต กรินท์” (Rupert Grint) ผู้รับบท รอน วิสลีย์ รวมถึง “เอ็ดดี้ เรดเมย์น” (Eddie Redmayne) ผู้รับบท นิวท์ สคามันเดอร์ ตัวละครหลักใน Fantastic Beasts และนักแสดงคนอื่น ๆ ต่างออกมาแสดงความเห็นไม่เห็นด้วยกับแนวคิดของเจ.เค. โรว์ลิง ทั้งสิ้น แต่นั่นไม่ได้ทำให้เจ.เค. เปลี่ยนความคิด เธอยังคงแสดงความเห็นเกี่ยวกับแนวคิดเรื่องเพศ และกลุ่มคนข้ามเพศเหมือนเดิมมาจนถึงปัจจุบัน
- ถอดจอห์นนี เดปป์ ออกจากหนัง
ต่อมา 6 พ.ย. 2563 “จอห์นนี เดปป์” (Johnny Depp) ผู้รับบท “เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์” วายร้ายหลักของภาพยนตร์ชุดนี้ ประกาศผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวว่าเขาถอนตัวออกจากภาพยนตร์ชุดนี้แล้ว ตามที่ Warner Bros. ได้ร้องขอ หลังจากที่เขาแพ้คดีฟ้องหมิ่นประมาทหนังสือพิมพ์เดอะซันเกี่ยวกับบทความในปี 2562 ซึ่งอ้างว่าเขาทำร้ายอดีตภรรยา “แอมเบอร์ เฮิร์ด” (Amber Heard)
แถลงการณ์ถอนตัวออกจากภาพยนตร์ชุด Fantastic Beasts ของจอห์นนี เดปป์
ที่มา: อินสตาแกรม @Johnnydepp
ทำให้ ต้องหานักแสดงคนใหม่มารับบท เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์ แม้ว่าจะมีบางซีนที่เดปป์จะถ่ายได้ถ่ายทำไปบ้างแล้วก็ตาม โดยผู้ที่มารับบทแทนก็คือ “แมดส์ มิคเคลสัน” (Mads Mikkelsen) นักแสดงผู้โด่งดังจากซีรีส์ฆาตกรต่อเนื่อง “Hannibal” ซึ่งในแง่การแสดงนั้น ผู้ชมต่างชื่นชม และกล่าวว่ามิคเคลสัน ได้สร้างบุคลิกตัวละครขึ้นมาใหม่ไม่ซ้ำกับเดปป์ ทำให้ตัวละครมีเสน่ห์กันคนละแบบ
แมดส์ มิคเคลสันในบทเกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์
ที่มา: ทวิตเตอร์ @FantasticBeasts
ขณะเดียวกัน ผู้ชมบางส่วนไม่พอใจที่มีการเปลี่ยนนักแสดงในครั้งนี้ และเห็นว่าไม่ยุติธรรมกับเดปป์ เนื่องจาก Warner Bros. เลือกที่จะถอดเดปป์ออกจากภาพยนตร์ แต่ยังให้เฮิร์ดเล่น “Aquaman 2” ต่อไป ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงยังไม่ปรากฏ นี่จึงทำให้ The Secrets of Dumbledore เสียฐานผู้ชมไปอีก
ด้าน เดปป์ได้ยืนฟ้องเฮิร์ดเรียกค่าเสียหาย 50 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากทำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียง และโดนถอดออกจากภาพยนตร์หลายเรื่อง ซึ่งในปัจจุบันยังคงเป็นคดีความกันอยู่ และดูเหมือนว่าคดีจะพลิก แท้จริงแล้วผู้ถูกกระทำและถูกใช้ความรุนแรงคือเดปป์ ไม่ใช่เฮิร์ด นอกจากนี้ยังมีการทำแคมเปญผ่าน Change.org ยื่นชื่อถอดถอนเฮิร์ดออกจาก ภาพยนตร์เรื่อง Aquaman 2 โดยมีผู้ลงชื่อแล้วเกือบ 2 ล้านรายชื่อ ซึ่งต้องรอติดตามว่าสุดท้ายแล้วเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร
- ชื่อเรื่องสัตว์วิเศษ แล้วสัตว์วิเศษอยู่ไหน
นอกจาก 2 ประเด็นใหญ่ข้างต้นแล้ว ยังมีเรื่องของเนื้อเรื่องที่อัดแน่นจนเกินไป เหมือนกับการอ่านหนังสือ ไม่ใช่บทภาพยนตร์ ซึ่งเป็นปัญหามาตั้งแต่ในภาคที่ 2 “Fantastic Beasts: The Crimes of Grindelwald” ของภาพยนตร์ชุดนี้แล้ว นั่นเป็นเพราะเจ.เค โรว์ลิงเข้ามาคุมการเขียนบทเอง แม้ว่าภาค 3 จะมีทีมเข้ามาร่วมเขียนบทด้วยแล้วก็ตาม ทำให้ภาพยนตร์ส่วนใหญ่มีแต่บทพูด ซึ่งหากไม่ตั้งใจดูอาจจะพลาดประเด็นสำคัญไป
อีกทั้งแม้จะใช้ชื่อว่า Fantastic Beasts แต่ดูเหมือนว่าบทบาทของสัตว์วิเศษและตัวเอกอย่าง นิวท์ สคามันเดอร์ จะถูกลดความสำคัญลงไป กลายเป็นการต่อสู้ (และความรัก) ของพ่อมดทั้งสองฝ่าย ทำให้ผู้ชมที่คาดหวังว่าจะได้เห็นสัตว์วิเศษการผจญภัยของนิวท์เหมือนภาคแรกต้องผิดหวังไปตามระเบียบ และมองว่าเรื่องราวของดัมเบิลดอร์และกรินเดลวัลด์สามารถไปเล่าในเรื่องอื่น หรือจะภาคแยกออกไปเลยก็ยังได้
หลังจากนี้คงต้องรอดูว่า Warner Bros. Pictures จะทำอย่างไรกับแฟรนไชส์ Fantastic Beasts จะไปต่อ หรือพอแค่นี้ แต่ปีนี้อาจจะไม่ใช่ปีที่ดีนักสำหรับ Warner Bros. เพราะนอกจาก Fantastic Beasts ที่ยังไร้อนาคต ขณะนี้จักรวาลภาพยนตร์ DC Comics ก็กำลังสั่นคลอน แม้ว่า The Batman เวอร์ชันล่าสุดจะไปได้ดี แต่ก็เป็นไม่ได้รวมอยู่ในจักรวาลเดียวกับเรื่องอื่น เช่นเดียวกับ The Joker ขณะที่แฟรนไชส์ Middle Earth หรือ The Lord of the Ring ก็พึ่งจะสร้างเป็นซีรีส์ที่ยังไม่รู้ว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่
ที่มา: Forbes, News18, Slash Film, Santa Ynez Valley News, The Guardian, The Matter, Variety, Workpoint Today