เทียบราคา “สตรีมมิง” ในไทย ราคาเท่าไร ได้อะไรบ้าง

เทียบราคา “สตรีมมิง” ในไทย ราคาเท่าไร ได้อะไรบ้าง

เปิดราคาเริ่มต้นของบริการ “สตรีมมิง” ยอดนิยมในประเทศไทย ทั้งสายดูซีรีส์ ภาพยนตร์ และสายฟังเพลง แต่ละเจ้าให้สิทธิประโยชน์และแตกต่างกันอย่างไรบ้าง

ท่ามกลางการเติบโตของสตรีมมิงในประเทศไทย ที่มีให้ผู้บริโภคได้เลือกใช้อย่างมากมาย ทั้งบริการดูหนังและฟังเพลง จนทำให้หลายคนเลือกไม่ถูกว่าจะสมัครอันไหนดี

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ได้เทียบราคาบริการสตรีมมิง และจุดเด่นของแต่ละเจ้ามาให้เห็น เพื่อเป็นช่วยในการตัดสินใจ โดยข้อมูลที่นำมาใช้ในบทความเป็นนี้เป็นราคาแพ็คเก็จเริ่มต้นบนหน้าเว็บไซต์และแอปพลิเคชันของแต่ละบริการ ไม่รวมโปรโมชันจากผู้สนับสนุนอื่น ๆ ณ วันที่ 28 เม.ย. 2565

 

  • ดูซีรีส์-หนัง

1. Netflix

เริ่มต้นกันที่เจ้าตลาดสตรีมมิงอย่าง “Netflix” ที่มีซีรีส์และภาพยนตร์จากหลายมุมโลกให้เลือกชม พร้อมทั้งคอนเทนต์สุดพิเศษที่หาชมไม่ได้จากที่อื่นที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เช่น “Squad Game” “You” “Stranger Things” “Money Heist” และอื่น ๆ อีกมากมาย รวมถึงละครไทยหลายเรื่องก็มีให้ได้รับชมเช่นกัน โดยมีแพ็คเก็จ Mobile สำหรับสายชอบดูหนังผ่านสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตในราคาเพียง 99 บาท แต่จะได้ความคุณภาพความละเอียดของภาพเพียง 480p เท่านั้น และอีกหนึ่งข้อเสีย คือ คอนเทนต์ในแต่ละประเทศอาจจะมีไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับลิขสิทธิ์ของประเทศนั้น ๆ 

 

ราคาเริ่มต้น: 99 บาท/เดือน

รับชมผ่าน: สมาร์ทโฟน หรือ แท็บเล็ต

รับชมพร้อมกัน: 1 จอ

คุณภาพ: 480p

 

2. Disney+ Hotstar

Disney+ Hotstar” สตรีมมิงรายล่าสุดที่พึ่งเปิดตัวในไทยเมื่อปีที่แล้ว ในราคาเหมา ๆ รายปี 799 บาทต่อปี (หากเป็นลูกค้า AIS จะได้รับแพ็คเก็จรายสุดพิเศษ) โดยซีรีส์และภาพยนตร์จากเครือดิสนีย์ให้ชมอย่างจุใจ พร้อมพากย์ไทย อีกทั้งยังมีคอนเทนต์สุดพิเศษที่หาชมจากที่อื่นไม่ได้อีกมากมาย ทั้งซีรีส์ในจักรวาลมาร์เวล สตาร์ วอร์ส สารคดีชั้นเยี่ยมจาก “National Geographic” รวมถึงซีรีส์และภาพยนตร์ชื่อดังของเอเชียและของไทย

 

ราคาเริ่มต้น: 799 บาท/ปี

รับชมผ่าน: ทุกแพลตฟอร์ม

รับชมพร้อมกัน: 2 จอ

คุณภาพ: HD

3. Apple TV Plus

Apple Inc.” บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลก ได้ก้าวลงสู่ตลาดสตรีมมิงด้วยการเปิดตัว “Apple TV Plus” ที่มีซีรีส์ ภาพยนตร์ และรายการจากผู้ผลิต นักแสดงชื่อดัง ซึ่งกวาดรางวัลมาแล้วทั่วโลก อย่างเช่น “CODA” ที่คว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม จากการประกาศผลรางวัลออสการ์ครั้งล่าสุด ซึ่งเป็นภาพยนตร์จากสตรีมมิงเรื่องแรกที่ได้รับรางวัลนี้ นอกจากนี้ยังมีซีรีส์ที่ได้รับความนิยมอีกหลายเรื่อง เช่น The Morning Show และ See สำหรับผู้ที่ซื้อผลิตภัณฑ์ของ Apple ไม่ว่าจะเป็น iPhone iPad หรือ MacBook จะได้รับสิทธิ์ชม Apple TV Plus ฟรี 3 เดือน หลังจากนั้นจะเสียค่าบริการเดือนละ 99 บาท

 

ราคาเริ่มต้น: 99 บาท/เดือน

รับชมผ่าน: ทุกแพลตฟอร์ม

รับชมพร้อมกัน: 6 จอ

คุณภาพ: HD

 

4. Viu 

คอซีรีส์เกาหลีคงจะรู้จักเป็นอย่างดีกับ “Viu” สตรีมมิงที่รวบรวมภาพยนตร์ ซีรีส์ วาไรตี้เกาหลีไว้มากที่สุด ซึ่งสามารถรับชมได้ฟรี แต่มีโฆษณาคั่น หาไม่อยากรับชมโฆษณา ก็สามารถสมัครเป็นสมาชิก VIP ได้ นอกจากนี้ยังได้รับสิทธิพิเศษในการสามารถรับชมคอนเทนต์ต่าง ๆ ในเวอร์ชันพากย์ไทย ซึ่งมีทั้งเสียงภาคกลาง เสียงภาคเหนือ และเสียงภาคอีสาน ให้ได้เลือกชมอีกด้วย อีกทั้งยังสามารถรับชมซีรีส์ตอนใหม่หลังจากออกอากาศในประเทศต้นทางภายในระยะเวลา 8 ชั่วโมงอีกด้วย โดยราคาสมาชิกรายเดือนเริ่มต้นที่ 119 บาท /เดือน

 

ราคาเริ่มต้น: 119 บาท/เดือน

รับชมผ่าน: ทุกแพลตฟอร์ม

รับชมพร้อมกัน: 3 อุปกรณ์ + 1 คอมพิวเตอร์

คุณภาพ: HD

5. WeTV

WeTV” เป็นสตรีมมิงสัญชาติจีน ที่นอกจะอุดมไปด้วยซีรีส์จีนแล้ว ยังมีซีรีส์วายไทยเป็นอีกหนึ่งจุดแข็ง รวมถึงผลิตออริจินัล คอนเทนต์เอาใจคนไทยที่มีหลากหลายแนว รวมถึงละครไทยจากช่อง 3 ช่อง ONE 31 และ ช่อง PPTV ก็มีให้รับชมด้วยเช่นกัน ซึ่ง WeTV สามารถรับชมได้แบบฟรี แต่ก็มีแบบ VIP สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการชมโฆษณา นอกจากนี้ยังได้รับสิทธิดูคอนเทนต์ล่วงหน้า 1-2 ตอน (แล้วแต่เรื่อง) ก่อนผู้ชมแบบฟรีอีกด้วย โดยราคาสมาชิกรายเดือนเริ่มต้นที่ 59 บาท /เดือน 

 

ราคาเริ่มต้น: 59 บาท/เดือน

รับชมผ่าน: ทุกแพลตฟอร์ม

รับชมพร้อมกัน: 2 จอ

คุณภาพ: HD

 

6. iQIYI

อีกหนึ่งสตรีมมิงสัญชาติจีน เจ้าของฉายา Netflix เมืองจีน อย่าง “iQIYI” ที่อัดแน่นไปด้วยซีรีส์ รายการวาไรตี้จากจีน ไทย เกาหลี และอนิเมะญี่ปุ่นอีกหลายเรื่อง พร้อมด้วยคอนเทนต์สุดพิเศษที่มีเฉพาะ iQIYI และ คอนเทนต์สำหรับ VIP เท่านั้น ซึ่งสามารถสมัครได้ในราคา 35 บาท/เดือน

 

ราคาเริ่มต้น: 35 บาท/เดือน

รับชมผ่าน: ทุกแพลตฟอร์ม

รับชมพร้อมกัน: 2 จอ

คุณภาพ: HD

 

  • ฟังเพลง

1. Spotify

บริการฟังเพลงสตรีมมิงเจ้าใหญ่ของโลกอย่าง “Spotify” นอกจากมีเพลงมากมายจากทั่วทุกมุมโลกให้ได้ฟังแล้ว ยังมี AI ที่ทำหน้าที่คอยเลือกแนวเพลงผู้ใช้งานชอบให้ฟังอย่างเต็มอิ่มอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีรายการพอดแคสต์ชั้นนำมากมายให้เลือกฟังกันได้อย่างเพลิดเพลิน และในช่วงปลายปี Spotify มีการจัดทำรายการ “Wrappedสรุปให้ว่าในปีที่ผ่านมา ผู้ใช้ฟังเพลงใดมากที่สุด และใครคือศิลปินคนโปรด เนื่องด้วย Spotify สามารถใช้งานได้ฟรี จึงมีโฆษณาคั่นระหว่างเพลง และปิดกั้นฟังก์ชันบางส่วนไว้ หากต้องการเปิดรับประสบการณ์เต็มรูปแบบสามารถสมัคร Spotify Premium ได้ในราคา 129 บาท/เดือน

 

ราคาเริ่มต้น: 129 บาท/เดือน

คุณภาพเสียงสุดสุด: 320 kbit/s

 

2. Apple Music

Apple Music” เป็นบริการฟังเพลงสตรีมมิงจาก Apple Inc. บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลก โดยมีค่าบริการ 129 บาท/เดือน ซึ่งสามารถฟังเพลงได้จากทั่วทุกมุมโลก และคุณภาพเสียงระดับ Lossless และ Dolby Atmos ที่จะช่วยเติมเต็มประสบการณ์การฟังเพลงได้อย่างดี (ควรใส่หูฟัง เพื่อให้ได้อรรถรสยิ่งขึ้น) นอกจากนี้ ในบางอัลบั้มของศิลปินบางคนยังมีเพลง หรือ ข้อความที่มีเฉพาะใน Apple Music อีกทั้งยังมีเพลย์ลิสต์ที่จัดให้เฉพาะผู้ใช้งานแต่ละคนที่อัปเดตทุกวัน รวมถึงมีรายการวิทยุและสัมภาษณ์ศิลปินชื่อดังทั่วโลกให้ได้ฟังกันอย่างเพลิดเพลินอีกด้วย แต่ข้อเสียหนึ่งของ Apple Music คือในปัจจุบันยังคงไม่มีเพลงจากค่าย RS (อาร์เอส)

 

ราคาเริ่มต้น: 129 บาท/เดือน

คุณภาพเสียงสุงสุด: Lossless - Dolby Atmos

 

3. JOOX

อีกหนึ่งบริการสตรีมมิงที่ได้รับความนิยมอย่างมากในไทยอย่าง “JOOX” เนื่องจากใช้งานได้ง่าย และสามารถใช้ได้ฟรี อีกทั้งยังมีเพลงให้เลือกฟังจำนวนมาก พร้อมทั้งเพลงสุดพิเศษ จากศิลปินชื่อดังของไทยที่หาฟังจากที่อื่นไม่ได้ที่เรียกว่า “JOOX Original” มาให้ฟังก่อนใคร ซึ่งหากอยากสมัคร JOOX VIP ก็เสียค่าบริการเพียง 49 บาท/เดือน โดยสามารถดาวน์โหลดเพลงได้ไม่อั้น และสามารถรับฟังเพลงในคุณภาพเสียงถึง 1411 kbps

 

ราคาเริ่มต้น: 49 บาท/เดือน

คุณภาพเสียงสุดสุด: 1411 kbps

 

4. YouTube Music 

YouTube Music” เป็นอีกสตรีมมิงหนึ่งที่สามารถใช้งานได้ฟรี แต่หากฟังเพลงแบบไม่มีโฆษณาคั่นให้รำคาญ พร้อมเล่นเพลงได้ขณะล็อกหน้าจอหรือขณะใช้แอปพลิเคชันอื่น ใช้โหมดเฉพาะเสียงเท่านั้น รวมถึงดาวน์โหลดและฟังแบบออฟไลน์ได้ ก็สามารถสมัคร YouTube Music Premium ได้ในราคา 169 บาท /เดือน แต่อยากดูคอนเทนต์อื่น ๆ ในยูทูบ นอกจากเพลงแบบไม่มีโฆษณาคั่นด้วยสามารถสมัคร YouTube Premium ได้ในราคา 209 บาท/เดือน

 

ราคาเริ่มต้น: 169 บาท/เดือน

คุณภาพเสียงสุดสุด: 256 kbps AAC

 

5. Tidal 

มาถึงบริการสตรีมมิงที่ถูกยกว่าให้คุณภาพเสียงดีที่สุดอย่าง “Tidal” ที่ให้คุณภาพเสียงแทบไม่ต่างจากการฟังแผ่นซีดี (ซึ่งแน่นอนว่าอุปกรณ์ที่ใช้ฟังก็จะต้องมีคุณภาพสูงด้วยเพื่อให้เสียงออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ) มีสมาชิกรายเดือนที่ 129 บาท/เดือน แต่แทบจะไม่มีเพลงไทยเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับค่ายเพลงใหญ่ของไทยแกรมมี่และอาร์เอส

 

ราคาเริ่มต้น: 129 บาท /เดือน

คุณภาพเสียงสูงสุด: 1411 kbps

 

เทียบราคา “สตรีมมิง” ในไทย ราคาเท่าไร ได้อะไรบ้าง
กราฟิก: วิชัย นาคสุวรรณ