จิบ “ไวน์แคว้นลัวร์” ดินแดน “ชาโตแห่งลุ่มน้ำลัวร์”

จิบ “ไวน์แคว้นลัวร์” ดินแดน “ชาโตแห่งลุ่มน้ำลัวร์”

ไป “แคว้นลัวร์” ถ้าไม่ได้จิบ “ไวน์ซองแซร์” และ “ไวน์ปุยญี ฟูเม” ชิมชีสนมแพะกรอต์แตง เดอ ชาวีญยอล (Crottin de Chavignol) กินอาหารท้องถิ่นจากแม่น้ำลัวร์ และเที่ยวชม “ชาโตแห่งลุ่มน้ำลัวร์” ถือว่ายังไปไม่ถึง...

แคว้นลัวร์ หรือ “ลัวร์ แวลลีย์” (Loire Valley) อยู่ทางทิศตะวันตกค่อนไปทางเหนือของประเทศฝรั่งเศส มีเมืองตูร์ (Tours) เป็นเมืองหลวง และเป็นเมืองใหญ่อันดับที่ 12 ของฝรั่งเศส ได้ชื่อว่าเป็น ชาโตแห่งลุ่มน้ำลัวร์ (Chateau de la Loire)

ไปถึงแล้วนอกจากชิม ไวน์ซองแซร์ (Sancerre) และ ไวน์ปุยญี ฟูเม อันโด่งดังแล้วก็ต้องแวะเที่ยวปราสาทริมแม่น้ำลัวร์ด้วย

จิบ “ไวน์แคว้นลัวร์” ดินแดน “ชาโตแห่งลุ่มน้ำลัวร์”      จิบไวน์ ชิมชีส ในแคว้นลัวร์

ทางไป แคว้นลัวร์ จากปารีสมีรถไฟด่วนเตเจเว (TGV) จากปารีสใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไปถึงเมืองตูร์ ที่เป็นเมืองมหาวิทยาลัย มีสถานศึกษาภาษาฝรั่งเศสมาตรฐานที่ไม่มีคำสแลง คนญี่ปุ่นจึงชอบมาเรียนกันที่ตูร์ ดังนั้นใครที่คิดจะไปเรียนเอาภาษาฝรั่งเศสจริง ๆ ต้องไปเมืองนี้

แม่น้ำลัวร์เป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงแคว้นลัวร์ และเป็นแม่น้ำสายยาวที่สุดของฝรั่งเศสคือ 1,012 กิโลเมตร หล่อเลี้ยงต้นองุ่นของหลายร้อยตำบลในหลายแคว้น สองฝากฝั่งมีปราสาทหรือชาโต (Chateau) ของกษัตริย์และเชื้อพระวงศ์ที่สวยงามมากมาย สะท้อนถึงความเป็นอยู่อันหรูหราฟุ่มเฟือยของเจ้าขุนมูลนายในยุคนั้น ที่มีชื่อเสียงและมีผู้คนไปเที่ยวชมมีประมาณ 29 ชาโต

จิบ “ไวน์แคว้นลัวร์” ดินแดน “ชาโตแห่งลุ่มน้ำลัวร์”     ชีสนมแพะ

สาเหตุที่มีชาโตมากมายที่ลัวร์ เนื่องจากช่วงสงคราม 100 ปี (ค.ศ.1337-1453) พระเจ้าหลุยส์ที่ 7 ไม่อยากตกเป็นเฉลยของอังกฤษ จึงอพยพจากปารีสไปอยู่บริเวณลุ่มน้ำลัวร์ กระทั่งกลายเป็นสถานที่อยู่อาศัยถาวรของพระราชวงศ์ ขุนนาง และข้าราชบริพารทั้งหลาย รวมทั้งพ่อค้าน้อยใหญ่ที่ทำการค้าขายในลำน้ำลัวร์

ปัจจุบันปราสาทเหล่านี้กลายเป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวที่สนใจประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศส รู้จักกันในนาม ชาโตแห่งลุ่มน้ำลัวร์ (Château de la Loire) ที่ดัง ๆ เช่น Chambord (ชอมบอร์ด),Chenonceau (เชอนงโซ), Amboise (ออมบัวส์), Blois (บลัวส์), Azay-le-Rideau (อาเซ เลอ ฮริโด) และ Ussé (อุสเซ) เป็นต้น

จิบ “ไวน์แคว้นลัวร์” ดินแดน “ชาโตแห่งลุ่มน้ำลัวร์”     ปราสาทชอมบอร์ด

จำนวนปราสาททั้งหมด ชอมบอร์ด (Chambord) นับเป็นความปรารถนาสูงสุดของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะสำหรับคนไทยถ้ามีโอกาสควรแวะไปชมอย่างยิ่ง เพราะเป็นปราสาทที่ ออกพระวิสุทธิสุนทร (ปาน) อัครราชทูตกรุงสยาม รัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เคยพำนัก...

จิบ “ไวน์แคว้นลัวร์” ดินแดน “ชาโตแห่งลุ่มน้ำลัวร์”     แหล่งผลิตไวน์แคว้นลัวร์

กล่าวสำหรับ ไวน์ซองแซร์ (Sancerre) กับ ไวน์ปุยญี-ฟูเม (Pouilly-Fume) ทั้ง 2 ชื่อนี้เป็นชื่อของตำบลหรือคอมมูนอยู่ทางตอนเหนือของแคว้นลัวร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ในอัปเปอร์ ลัวร์ (Upper Loire) อันเป็น 1 ใน 4 เขตผลิตไวน์สำคัญของแคว้นลัวร์

ทั้งสองตำบลนี้มีแม่น้ำลัวร์คั่นกลาง โดยซองแซร์อยู่ฝั่งซ้าย ขณะที่ปุยญี-ฟูเม ที่มีชื่อจริง ๆ ว่า ปุยญี –ซูร์- ลัวร์ (Pouilly-Sur-Loire) อยู่ฝั่งขวา ที่เหมือนกันคือทำไวน์ขาวจากองุ่นโซวีญยอง บลอง

จิบ “ไวน์แคว้นลัวร์” ดินแดน “ชาโตแห่งลุ่มน้ำลัวร์”    ไวน์ซองแซร์

ไวน์ซองแซร์ เกิดมาตั้งแต่ปี ค.ศ.582 ในครั้งนั้นได้รับการยกย่องว่าเป็น The Best in the Kingdom ไวน์ขาวผลิตจากองุ่นโซวีญยอง บลอง (Sauvignon Blanc) ดังกล่าว ส่วนไวน์แดงหรือโรเซผลิตจากปิโนต์ นัวร์ (Pinot Noir) แต่ไวน์ขาวจะได้รับความนิยมมากกว่า ดังนั้นเมื่อพูดถึงไวน์ซองแซร์มักจะหมายถึงไวน์ขาว

จิบ “ไวน์แคว้นลัวร์” ดินแดน “ชาโตแห่งลุ่มน้ำลัวร์”    ไวน์ปุยญี-ฟูเม

ส่วน ไวน์ปุยญี-ฟูเม เริ่มปลูกองุ่นทำไวน์มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 โดยพระนิกายเบเนดิกส์ เป็นไวน์ที่มีความสดและหอมหวนไม่แพ้ซองแซร์ สมัยก่อนสีของไวน์จะขาวคล้ายควันไฟ บางคนจึงเรียกว่าไวท์ สโมค (White smoke) และคำว่าสโมค (Smoke) ก็มีความหมายเดียวกันฟูเม (Fume) ในภาษาฝรั่งเศส และไวน์ที่ผลิตจากแคว้นนี้จึงถูกเรียกว่า Pouilly-Fume Pouilly-Sur-Loire ตามชื่อจริงของตำบล

วันที่ 7 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา โซวีญยอง บลอง ได้รับการประกาศเป็น “International Sauvignon Blanc Day” หรือ วันโซวีญยอง บลอง นานาชาติ

จิบ “ไวน์แคว้นลัวร์” ดินแดน “ชาโตแห่งลุ่มน้ำลัวร์”

    องุ่นโซวีญยอง บลอง

โซวีญยอง บลอง หรือ โซวีญยอง บลัง องุ่นเปลือกเขียวสดใสกำเนิดที่เมืองบอร์กโดซ์ (Bordeaux) และไปโด่งดังในแคว้นลัวร์ ในฝรั่งเศส ชื่อ Sauvignon Blanc มาจากคำว่า ”โซวาจ” (Sauvage) แปลว่าป่า (Wild) และ Blanc คือ ขาว เนื่องจากแคแรคเตอร์ขององุ่นมีกลิ่นเขียว ๆ และความสดชื่นของป่า

ปัจจุบันนิยมปลูกทั่วโลก โดยในบอร์กโดซ์ ใช้โซวีญยอง บลอง ผลิตไวน์ดราย ยกเว้นในโซแตร์น (Sauternes) และบาร์ซาค (Barsac) ใช้เป็นส่วนผสมของเซมิลยองทำไวน์หวาน

ส่วนในสหรัฐอเมริกาที่โด่งดังสุด ๆ คือ ฟูเม่ บลอง (Fumé Blanc) โซวีญยอง บลอง บ่มโอ๊คที่ก่อกำเนิดโดย โรเบิร์ต มอนดาวี “เจ้าพ่อไวน์นาปา แวลลีย์” ขณะที่โซวีญยอง บลอง ของนิวซีแลนด์ ก็ติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลก

จิบ “ไวน์แคว้นลัวร์” ดินแดน “ชาโตแห่งลุ่มน้ำลัวร์”   ไวน์จากแคว้นลัวร์

ในฝรั่งเศส โซวีญยอง บลอง โดดเด่นที่สุดในแคว้นลัวร์ ที่ใช้ทำไวน์ขาวดรายชื่อ ปุยญี ฟูเม และซองแซร์ ดังกล่าว แถวนี้ดินผสมหินปูนมาก ทำให้ไวน์มีกลิ่นดินประสิวและควันไฟค่อนข้างแรง จึงเรียกว่าฟูเม (Fume) ซึ่งหมายถึงควัน (Smoke)

โซวีญยอง บลอง ชอบอากาศเย็น และดินแต่ละชนิดทำให้กลิ่นและคุณลักษณะของไวน์ต่างกัน เช่น ดินชอล์ค (Chalk) และดินมาร์ล (Marl) ในซองแซร์และปุยญี ฟูเม ทำให้ไวน์อวบอิ่ม สมบูรณ์ เฟรช และหอมหวน

ขณะที่ดินกรวดริมแม่น้ำลัวร์ ทำให้ไวน์สไปซีและหอมดอกไม้ ดินที่มีส่วนผสมของหินเหล็กไฟ (Flint) ไวน์จะมีบอดี้ที่หนักแน่น และจบยาวนาน แต่คุณสมบัติโดยรวมของโซวีญยอง บลอง คือกลิ่นหญ้าสด ตะไคร้ กูสเบอร์รี ฝรั่งสุก เมลอน มะนาว แอสพารากัส มิเนอรัล ฯลฯ

จิบ “ไวน์แคว้นลัวร์” ดินแดน “ชาโตแห่งลุ่มน้ำลัวร์”    ทัวร์ไวน์ในแคว้นลัวร์

แคว้นลัวร์ นับเป็นเสน่ห์ และความคลาสสิกที่ครบวงจร โดยเฉพาะกับนักชิมไวน์