รวม “ศาสนา” สุดแปลกที่มีอยู่จริงในโลก

รวม “ศาสนา” สุดแปลกที่มีอยู่จริงในโลก

นอกจากศาสนาหลักอย่าง พุทธ คริสต์ อิสลาม แล้วในโลกของเรายังมีศาสนาที่เราอาจจะไม่รู้จักหรือได้ยินมาก่อน ซึ่งบางศาสนาใหม่ ๆ อาจมีชื่อแปลกจนคาดไม่ถึง หรือแม้กระทั่ง "เบคอน" ก็ยังเป็นศาสนาได้!

ในขณะที่ชาวพุทธในไทย เริ่มตั้งคำถามถึงความ(น่า)ศรัทธาในพุทธศาสนา โดยเฉพาะใน "พระสงฆ์" ที่มักมีข่าวเสียหาย ผิดพระวินัย จนหลายเคสก็ถึงกับต้องอาบัติปาราชิก และสึกให้เป็นข่าวกันอยู่บ่อยครั้ง

ในแง่มุมของ "ศาสนา" นั้น ก็มีการตีความกันไปมากมาย ทั้งเรื่องการยึดติด รูป หรือ ลักษณ์ ใดนั้น เรียกว่า ถูกควรแล้วหรือไม่ 

ขณะที่ พจนานุกรม ให้ความหมาย “ศาสนา” ว่า หมายถึง ลัทธิ ความเชื่อของมนุษย์ ที่เกี่ยวข้องกับการกำเนิดและสิ้นสุดของโลก หลักศีลธรรม ตลอดจนลัทธิพิธีที่กระทำตามความเชื่อนั้น ๆ หลายศาสนามีการบรรยาย สัญลักษณ์และประวัติศาสตร์ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเจตนาอธิบายความหมายของชีวิต อธิบายกำเนิดชีวิตหรือเอกภพ จากความเชื่อของศาสนาเกี่ยวกับจักรวาลและธรรมชาติมนุษย์ ผู้คนได้รับ ศีลธรรม หรือ จริยศาสตร์

(อ้างอิงจาก ราชบัณฑิตยสถาน, พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554)

นอกจากคำถามที่ว่า แท้จริงแล้ว.. ศาสนาคืออะไร? แล้ว ยังมีอื่นๆ อีกมากมาย ที่ล้วนแต่ตีความ วิเคราะห์ ถกเถียง กันได้ไม่จบไม่สิ้น

ในที่นี้ "กรุงเทพธุรกิจออนไลน์" ไม่ได้จะชวนไปตีความให้ปวดหัวแต่ ขอชวนผู้อ่านไปทำความรู้จัก แง่มุมน่าสนใจเกี่ยวกับ "ศาสนา" นอกกระแส ที่วันนี้ มีศาสนาสุดแปลก ชนิดที่หลายๆ คนอาจคาดไม่ถึง

  • องค์ประกอบของ "ศาสนา"

ขึ้นชื่อว่า "ศาสนา" แม้จะเป็นศาสนาสุดแหวก แต่ก็ต้องมีจุดเชื่อมโยงในความเป็นศาสนาได้ด้วย

ดังนั้นเรื่องข้อพื้นฐานของการเป็น "ศาสนา" จึงเป็นเรื่องที่ควรรู้​ โดยในบทความเรื่อง ศาสนาโลก ของพุทธรักษ์ ปราบนอก สาขาวิชาปรัชญาและศาสนา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น อธิบายไว้ว่า

การที่จะเป็น "ศาสนาที่ถูกต้องสมบูรณ์" นั้นจะต้องมีองค์ประกอบรวมกันทั้งหมด 5 อย่าง ดังนี้

  1. ศาสดา คือ ผู้ก่อตั้งศาสนา ซึ่งต้องมีชีวิตอยู่จริงในประวัติศาสตร์
  2. ศาสนธรรม หรือ คำสอนซึ่งเป็นหลักของศาสนา มีคัมภีร์รวบรวมคำสอน
  3. ศาสนทายาท คือ บุคคลที่เป็นผู้สืบทอดคำสอนของหลักศาสนา และปฏิบัติตามคำสอนของศาสนา
  4. ศาสนพิธี คือ พิธีกรรมที่เกี่ยวเนื่องมาจากคำสอนของศาสนา
  5. ศาสนสถาน คือ สถานที่สำหรับประกอบศาสนกิจและศาสนพิธีต่าง ๆ

องค์ประกอบเหล่านี้ บางศาสนาอาจจะขาดตกไปข้อหนึ่ง แต่ก็ยังถือว่าเป็นศาสนาอยู่ เช่น ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ขาดข้อที่ 1  ศาสดาไม่ได้มีอยู่จริงตามประวัติศาสตร์ ศาสนาอิสลามขาดข้อที่ 3 ศาสนทายาท เพราะศาสนาอิสลามไม่มีนักบวชมีแต่ฆราวาสเพียงอย่างเดียว

ในฐานะคนไทยเรามักจะคุ้นเคยกับ 3 ศาสนาหลักที่มีผู้คนนับถือมากที่สุดในโลก ได้แก่ พุทธ คริสต์ และอิสลาม ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นศาสนาที่มีอายุยืนยาวมามากกว่าพันปี แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปก็ทำให้เรื่องราวต่าง ๆ มีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาเช่นเดียวกัน

หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า นอกจาก 3 ศาสนาข้างต้นแล้ว ยังมีศาสนาที่เกิดขึ้นใหม่ทั่วโลก ซึ่งมีการจดทะเบียนยืนยันแล้วว่าเป็น “ศาสนา” จริง ๆ โดยกรุงเทพธุรกิจจะพาไปสำรวจและทำความรู้จักกับศาสนาเหล่านี้

  •  ศาสนาเบคอน (The United Church of Bacon) 

หรือเรียกอีกอย่างว่า ลัทธิเบคอน มีชื่อเต็ม ว่า “The United Church of Bacon” ก่อตั้งเมื่อปี 2553 โดย จอห์น ไวท์ไซด์ ที่เมืองลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยจดทะเบียนเป็นโบสถ์จริง และมีสถานะถูกต้องตามกฎหมาย ปัจจุบันมีสมาชิกมากกว่า 25,000 ทั่วโลก หลักการของศาสนาเบคอนคือ “เชื่อในความไม่เชื่อ”

ประโยคเด็ดของศาสนาเบคอนที่ทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นก็คือ “Bacon is our god because bacon is real.” แปลว่า “เบคอนคือพระเจ้าของเรา เพราะเบคอนมีอยู่จริง” 

โดยยึดมั่นในหลักความรักและความยุติธรรมสำหรับทุกคนบนโลก นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งรวมของคนไม่มีศาสนาอีกด้วย ประโยคเด็ดของศาสนาเบคอนที่ทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นก็คือ “Bacon is our god because bacon is real.” แปลว่า “เบคอนคือพระเจ้าของเรา เพราะเบคอนมีอยู่จริง” เรียกได้ว่าเป็นการเสียดสีศาสนาอื่น ๆ ที่เชื่อในพระเจ้าและเรื่องราวปาฏิหาริย์ที่อาจไม่มีอยู่จริงก็ว่าได้

รวม “ศาสนา” สุดแปลกที่มีอยู่จริงในโลก

สัญลักษณ์ของศาสนาเบคอน จากเว็บไซต์ของศาสนา unitedchurchofbacon.org

ส่วนบทสวดสำหรับสรรเสริญเบคอน ขึ้นต้นด้วย “เบคอนจงเจริญ อุดมไปด้วยไขมัน ไขมันจะอยู่กับตัวเจ้า” นอกจากนี้ บัญญัติ 8 ข้อของ ลัทธิเบคอน ได้แก่

1. รู้จักตั้งคำถาม
2. ศาสนาไม่แทรกแซงการเมือง
3. ศาสนาไม่มีสิทธิพิเศษในสังคม
4. เล่นสนุก เสียดสี และวิพากษ์วิจารณ์กันได้
5. เมตตาปรานีเพื่อนร่วมโลก
6. บริจาคเงินช่วยเหลือสังคม
7. สรรเสริญเบค่อน
8. สถาบันทางศาสนาต้องจ่ายภาษี

  •  ลัทธิไซแอนโทโลจี (Scientology) 

ก่อตั้งเมื่อปี 2495 โดยนายแอล รอน ฮับบาร์ท นักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน ซึ่งมีสำนักอยู่หลายพันแห่งในกว่า 160 ประเทศทั่วโลก โดยมีความเชื่อว่า ร่างกายมนุษย์ทุกคนล้วนมีวิญญาณของมนุษย์ต่างดาวสิงสถิตอยู่ภายใน

ผู้ที่ได้รับการศึกษาแบบไซแอนโทโลจีนั้น จึงสามารถจะปลดแอกร่างวิญญาณนี้ได้ และจะทำให้มนุษย์สามารถดึงศักยภาพที่แท้จริงออกมาใช้ได้ นอกจากนี้สตูดิโอและโบสถ์ใหญ่ของลัทธิในย่าน เวสท์ โคสต์ ของฮอลลีวูด มีเนื้อที่ประมาณ 12,635 ตารางเมตร โดยซื้อต่อมาจากสถานีโทรทัศน์สาธารณะเคเซ็ท ด้วยเงิน 42 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1,480 ล้านบาท

ด้านผู้นำลัทธิไซแอนโทโลจีอย่าง นายเดวิด มิสเควิจ เคยกล่าวว่า สตูดิโอแห่งนี้เปิดกว้างสำหรับผู้ที่นับถือศาสนาอื่นหรือองค์กรการกุศลอื่น ๆ ที่อยู่ในเมืองลอสแองเจลิส ให้สามารถเข้ามาใช้บริการและจัดกิจกรรมต่าง ๆ ได้เช่นกัน

  •  ศาสนาก็อปปิมิซึม (Missionary Church of Kopimism) 

ถือเป็นลัทธิผู้ยึดถือการคัดลอกข้อมูลแล้วส่งต่อหรือการแชร์ไฟล์เป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งนายกุสตาฟ นิเป ผู้นำทางจิตวิญญาณของศาสนา เปิดเผยว่า เขาและสมาชิกต้องยื่นเรื่องขอคำรับรองเป็นศาสนาถึง 3 ครั้ง กว่าจะได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลสวีเดน

โดยศาสนานี้ยกย่องให้ CTRL+C และ CTRL+V เป็นสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ และยืนยันว่าไม่ได้ก่อตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนการส่งต่อข้อมูลผิดกฎหมาย แต่มีขึ้นเพื่อการเผยแพร่ความรู้แก่ทุกคนเป็นวิทยาทาน ช่วยให้ผู้คนเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ได้มากขึ้นสะดวกขึ้น

รวม “ศาสนา” สุดแปลกที่มีอยู่จริงในโลก

สัญลักษณ์ของศาสนาก็อปปิมิซึม ภาพจากเว็บไซต์ torrentfreak

ด้านนายอิซัค เกอร์สัน ผู้ก่อตั้งศาสนาก็อปปิมิซึมขึ้น ก็ตั้งความหวังว่า หลังจากนี้ต่อไปการแชร์ไฟล์ หรือส่งต่อข้อมูลผ่านคอมพิวเตอร์ จะได้รับการปกป้องจากศาสนา พร้อมออกแถลงการณ์ว่า

"สำหรับก็อปปิมิซึมแล้ว ข้อมูลถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์และการคัดลอกข้อมูลก็เป็นสิ่งที่น่าเลื่อมใส เพราะข้อมูลมีคุณค่าในตัวมันเอง และจะยิ่งทรงคุณค่ามากขึ้นผ่านการส่งต่อข้อมูล การก็อปปี้จึงเป็นศูนย์รวมจิตใจของศาสนาและก็อปปี้มิสต์ (ผู้นับถือศาสนา) ทุกคน"

  • ลัทธิวิหารซาตาน

ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2556 ในสหรัฐอเมริกา เป้าหมายหลักเพื่อการรณรงค์ของลัทธิวิหารซาตาน เป็นภารกิจมุ่งสกัดกั้นอิทธิพลทางการเมืองของคริสต์ศาสนาในสหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยกำลังคืบคลานเข้าแทรกแซงก้าวก่ายชีวิตของชาวอเมริกัน

รวม “ศาสนา” สุดแปลกที่มีอยู่จริงในโลก รูปปั้น บาโฟเมต (Baphomet) เทพแห่งลัทธิบูชาซาตาน จากเว็บไซต์ stuttgarter-zeitung

ลูเซียน กรีเวซ หนึ่งในผู้ก่อตั้งและโฆษกของลัทธิวิหารซาตานที่มีสมาชิกกว่า 50,000 คน กล่าวว่า การเมืองการปกครองแบบรัฐศาสนากำลังเข้าครอบงำสหรัฐฯ ซึ่งลัทธิวิหารซาตานนั้น ไม่มีการดื่มเลือด ไม่มีพิธีบูชายัญมนุษย์ แต่มีพิธี "มิสซาดำ" ที่จัดขึ้นในรูปแบบคอนเสิร์ตและงานศิลปะ นอกจากนี้ยังมี ความเชื่อพื้นฐาน 7 ประการ ได้แก่

1. ควรดำเนินชีวิตด้วยความเห็นอกเห็นใจต่อสิ่งมีชีวิตทุกชนิดตามเหตุและผล

2. การต่อสู้ดิ้นรนเพื่อความเป็นธรรมเป็นเรื่องที่ดำเนินอยู่ และจำเป็นจะต้องทำต่อไปแม้กฎหมายและสถาบันทั้งหลายไม่เอื้อ

3. ร่างกายของบุคคลนั้นจะล่วงละเมิดไม่ได้ และขึ้นอยู่กับเจตจำนงของบุคคลนั้นๆ เท่านั้น

4. เสรีภาพของผู้อื่นจะต้องได้รับการเคารพ รวมถึงเสรีภาพในการที่จะดูหมิ่น  การล่วงละเมิดเสรีภาพของคนอื่นอย่างสมัครใจและไม่เป็นธรรม เท่ากับละทิ้งซึ่งเสรีภาพของตนเอง

5. ความเชื่อต่างๆ ควรจะสอดคล้องกับความเข้าใจด้านวิทยาศาสตร์และโลก เราไม่ควรเลยที่จะบิดเบือนข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์เพื่อให้สอดคล้องกับความเชื่อของเรา

6. คนล้มเหลวกันได้ ถ้าเราทำผิดพลาดก็ควรพยายามแก้ไขอย่างถึงที่สุด และเยียวยาความเสียหายที่ได้เกิดขึ้น

7. ความเชื่อข้างต้นเป็นหลักการที่ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้มีเกียรติในความคิดและการกระทำ และแน่นอนว่าลัทธิวิหารซาตานไม่เคยสอนให้ไปทำร้ายใครแม้แต่ทำร้ายตัวเองเหมือนกับเราเคยเห็นในข่าวกันมาก่อนหน้านนี้

  • ศาสนาเจได

หรือ ลัทธิเจได ผู้ที่ศรัทธาแนวคิดเจไดแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก คือ กลุ่มที่มองว่าความเชื่อของพวกเขาคือศาสนาหนึ่ง และกลุ่มที่มองว่าเป็นหลักปรัชญา การใช้ชีวิต และวิธีพัฒนาตัวเองที่ได้ผล

แต่ในความจริงนั้นศาสนาเจไดมีแก่นกลางความเชื่อคือพลัง และไม่เชื่อในพระเจ้า แต่เชื่อในศรัทธาแห่งพลัง และธรรมชาติของทุกสิ่งที่เคลื่อนไหวในจักรวาล นอกจากนี้ยังเชื่อในเรื่องของการมีชีวิตเป็นนิรันดร์ เพราะแม้ร่างกายจะหมดอายุขัยแล้วแต่พลังจะยังคงอยู่ตลอดไป เมื่อปี 2544 ศาสนาเจไดได้ขึ้นไปถึงจุดพีคเมื่อมีผู้นับถือในประเทศอังกฤษถึง 390,000 คน

แม้ว่าศาสนา หรือ ลัทธิ ทั้ง 5 นั้น จะดูค่อนข้างไกลตัวคนไทยก็ตาม แต่ก่อนหน้านี้ไม่นานก็ยังมีบางคนที่ถ่ายภาพบัตรประชาชนลงโซเชียลมีเดีย โดยส่วนของศาสนานั้น มีการระบุว่า ศาสนาเจได ศาสนาเบคอน ลัทธิหมวกฟาง เป็นต้น หรือแม้แต่การสมัครเรียนในมหาวิทยาลัยของรัฐอันดับต้น ๆ นั้น ในช่องของศาสนานั้นก็มีตัวเลือก ไม่นับถือศาสนา ด้วยเช่นกัน

นั่นหมายความว่าสังคมไทยในปัจจุบันมีการเปิดกว้างด้านการนับถือศาสนามากยิ่งขึ้น แต่แน่นอนว่ากลุ่มอนุรักษ์นิยมอาจจะไม่ถูกใจสิ่งนี้เท่าไรนักและมองว่าเป็นเรื่องตลก ซึ่งสุดท้ายแล้วไม่ว่าเราจะนับถือศาสนาอะไรหรือเลือกที่จะไม่นับถือศาสนาเลยก็ตามการประพฤติตนให้เป็นคนดีนั้นย่อมขึ้นอยู่กับจิตใจ ความรับผิดชอบ ของแต่แต่ละบุคคลมากกว่า

อ้างอิง :

Theguardianกรุงเทพธุรกิจ