คุยชีวิตกับ “เจ๊เกียว” ในวันที่ “เชิดชัยทัวร์” ต้องหยุดจอด เพราะไปต่อไม่ไหว
ฟัง "เจ๊เกียว" สุจินดา เชิดชัย เจ้าของ "เชิดชัยทัวร์" เล่าเรื่องธุรกิจ ในวันที่บริษัทเดินรถต้องส่อแววหยุดกิจการ อะไรคือความรู้สึกในใจของนักธุรกิจหญิงในวัย 85 ปี ที่ผ่านร้อนหนาวมาหลายวิกฤติ
“ก่อนที่คุณจะโทรมา วันนี้ มีโทรศัพท์เข้ามาเป็นสิบๆสาย ฉันรับบ้างไม่รับบ้าง พอเป็นข่าวว่าจะขายธุรกิจเดินรถ คนโทรมากันใหญ่ จริงๆมันก็เป็นเรื่องธรรมดานะ” “เจ๊เกียว” หรือ นางสุจินดา เชิดชัย บอกกับ “กรุงเทพธุรกิจออนไลน์” เมื่อบ่ายวันที่ 9 พฤษภาคม
โควิด-19, น้ำมันแพง, ปัจจัยจากเศรษฐกิจโลก และอีกสารพัดเหตุผล ไม่แปลกเลยถ้าจะมีผู้ประกอบการสักรายจำต้องตัดขายบางธุรกิจเพื่อพยุงกิจการในภาพใหญ่ แต่ที่เป็นความสนใจก็น่าจะเป็นเพราะคนๆนั้น คือ เจ๊เกียว-สุจินดา ไอคอนของผู้ประกอบการกิจการรถทัวร์ ที่มักออกมาเปิดหน้า เจรจากับภาครัฐเพื่อขอปรับค่าโดยสารอยู่บ่อยครั้ง ในยามที่ต้นทุนหลักของภาคขนส่งอย่าง น้ำมัน ปรับตัวสูงขึ้น
“ราคาน้ำมันไม่ใช่เหตุผลเดียวหรอก เพราะก่อนหน้านี้มีวิกฤติน้ำมันเป็นช่วงๆ อย่างเมื่อสิบกว่าปีราคาก็สูง แต่ธุรกิจยังไปได้ ยังมีทาง เพราะมันยังมีลูกค้า”
“แต่สถานการณ์ในวันนี้ มันมีหลายเหตุผลมารวมกัน ตั้งแต่ไลฟ์สไตล์ของคนที่เดินทางด้วยสายการบินโลว์คอสต์แอร์ไลน์ แย่งผู้โดยสารเส้นทางระยะไกล หรือในระยะใกล้มาหน่อย คนก็หันมาใช้รถยนต์ส่วนตัวกันเยอะ สัญญาณแบบนี้ฉันเห็นมาตั้งแต่ช่วง 10 ปีที่ผ่านมาแล้ว พยายามแก้ปัญหามาตลอด พอวันนี้มาเจอกับโควิด-19 จำนวนคนที่ใช้บริการรถโดยสารสาธารณะลดน้อยลงไปใหญ่ เจออันนี้เหมือนกับคลื่นลูกใหญ่และทำให้เราตัดสินใจ ไม่ไปต่อ”
- เจ๊งแต่ไม่เสียใจ เพราะชีวิตต้องไปต่อ
ปัจจุบันนี้ เจ๊เกียว-สุจินดา มีอายุ 85 ปี เธอบอกว่า ภาพรวมสุขภาพยังพอทำงานได้ แต่ก็ต้องไป-กลับ โรงพยาบาลเพื่อฟอกไตเดือนละ 2 ครั้ง และต้องดูแลสุขภาพให้รัดกุมขึ้น ทั้งอาหารการกิน การพักผ่อน
“เพิ่งมาฟอกไตเมื่อ 2 ปีก่อนนี่เอง ตอนนี้ย้ายเคสคุณหมอจากกรุงเทพฯ มารักษาที่โคราชถาวร วันไหนเหนื่อยก็พัก วันไหนทำงานได้ก็ทำ ฉันเป็นคนชอบทำงาน รักในธุรกิจของตัวเอง ทำงานตั้งแต่อายุ 19-20 ปี วันนี้กี่ปีมาแล้วละ 60 กว่าปีเลยใช่ไหม ฉันเป็นนักธุรกิจ ป.4 ไม่ได้จบปริญญาจากที่ไหน ไม่ได้เรียนบริหาร แต่ก็อาศัยความขยัน มุ่งมั่น ทำงานทุกวัน ตื่นนอนตั้งแต่ 7 โมงเช้า ทำงานถึงดึก บางวันถึงตี 3 ทุกวันนี้มีธุรกิจของตัวเอง เป็นเจ้าของ 100% ไม่มีใครหุ้นด้วย วันนี้อายุ 85 ปีแล้ว ก็ถือว่าพอใจ มีความสุข อะไรพอได้ก็พอ อะไรยังไหวก็จะทำ”
ที่เป็นข่าวครึกโครมเพราะสายลมของวิกฤติทำให้ธุรกิจระดับใหญ่ยังไปต่อไม่ไหว? เจ๊เกียว มองว่า เรื่องขายกิจการเป็นธรรมดาของธุรกิจ และอย่างที่ทราบกันดีว่า ธุรกิจเดินรถขาดทุนจากสารพัดจากปัญหา ทำให้ปัจจุบันรถโดยสารจากทุกเจ้าวิ่งอยู่จริงๆ แค่ประมาณ 30% จากทั้งหมด และสำหรับเชิดชัยทัวร์ที่มีอยู่กว่า 200 คัน วิ่งทั้งสายภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคเหนือ เหลือรถวิ่งจริงอยู่แค่ 20-30% เท่านั้น ขณะที่เหลือ ต้องหยุดจอดทิ้งไว้มานานกว่า 2 ปีแล้ว เพราะวิ่งไปก็ไม่คุ้ม และมากกว่านั้นก็อยากจะขายต่อกิจการเดินรถ เพราะเหนื่อยที่จะบริหารต่อ และลูกทั้ง 4 คน ไม่มีใครอยากจะสืบทอดกิจการ
“ประกาศขายอย่างเป็นทางการเพราะให้สัมภาษณ์นักข่าวไป คนเลยรู้ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ตกลงว่าจะขายใคร ยังไม่มีใครมาขอซื้อเป็นเรื่องเป็นราว ก่อนหน้านี้เคยมีคนมาติดต่อทาบทามบ้าง แต่ก็ยังตกลงกันไม่ได้ ก็ยังคิดจะขายอยู่ และในวันนี้ก็ต้องบอกว่ามันยังเป็นของฉันนะ ในวันนี้เมื่อมันยังเป็นของฉัน ฉันก็ต้องดิ้นรน หาหนทางที่จะดูแลต่อไป ทำให้ลูกน้องที่เหลืออยู่ให้ได้”
“ถ้าถามว่าเสียใจไหม ก็ไม่หรอก มันเป็นธรรมดาของธุรกิจ ทำธุรกิจก็ต้องมีทั้งกำไรขาดทุน แต่ฉันคิดว่าธุรกิจรถทัวร์นี่ฉันเหนื่อยมาพอแล้ว และลูกทั้ง 4 คนก็ไม่มีใครอยากทำต่อ ขายเลยดีกว่า”
“คุณเองก็รู้นิ อ่านข่าวก็จะรู้ว่า สำหรับธุรกิจรถทัวร์หลายปีมานี้รายได้ไม่เหลือเลย หากจะเอารถวิ่งออกทุกคันขาดทุนมากกว่านี้แน่ ต้องมีต้นทุนน้ำมันเดือนละ 4 ล้าน วันนี้วิ่งไม่ครบยังขาดทุน สถานการณ์ตอนนี้จะเรียกว่าเจ๊งก็ได้ แต่ฉันยังมีธุรกิจอื่น มีที่ดิน มีสมบัติ ก็โชคดีที่สะสมไว้เยอะ ถึงตรงนี้ก็คงเอาสมบัติที่มีมาขายก็ใช้หนี้ ไอ้ที่เจ๊งแล้วก็เจ๊งไป ยังมีธุรกิจอื่นที่ต้องทำ”
- หญิงแกร่งในธุรกิจรถทัวร์
ทรงผม เครื่องประดับ และฐานะทางสังคม อธิบายว่า เจ๊เกียว-สุจินดา คือเศรษฐีนีที่ประสบความสำเร็จจากการทำธุรกิจโดยไม่ต้องสงสัย แต่ถ้าย้อนกลับไป เธอก็คือคนธรรมดาคนหนึ่งที่มาจากครอบครัวชาวไทยเชื้อสายจีนมีฐานะไม่ค่อยดีนัก และก็ทำให้เธอต้องถูกบังคับให้ออกจากโรงเรียนเพื่อทำงานหาเลี้ยงครอบครัว
“ขายของ ขายน้ำ ขนม ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ เคยขายมาหมด จากนั้นก็ได้เริ่มเปิดร้านตัดเสื้อผ้าพร้อมกับเปิดโรงเรียนสอนตัดเสื้อผ้า"
"ตอนเล็กๆ ฉันกลัวความยากจน ต้องหาเงิน ประหยัด หลักชีวิตเรื่องการเงินของฉันคือขยัน ประหยัด และต้องมีศีล ฉันสอนให้กับลูกหลานของฉันแบบนี้”
เธอ เริ่มเข้าสู่ธุรกิจรถทัวร์เมื่ออายุ 19 ปี หลังแต่งงานกับสามี (กิมไซ-วิชิต เชิดชัย) และเริ่มสนใจในการผลิตตัวถังรถบัสโดยสารรวมถึงกิจการขนส่งทางบก ซึ่งในขณะนั้นมีบริษัทผู้ประกอบการจำนวนไม่มากนัก ก่อนที่กิจการของทั้งคู่จะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจนมาเป็นบริษัทขนส่งชั้นนำในประเทศไทย
เจ๊เกียวก็เป็นไอคอนของผู้ทำธุรกิจรถทัวร์ ที่มีทั้งลูกบู๊ บุ๋น ลูกเจรจาประสานผลประโยชน์ของหลายฝ่าย และทุกวันนี้ นอกจากธุรกิจรถทัวร์แล้ว ยังมีธุรกิจอื่นๆ อีก เช่น ธุรกิจต่อตัวถังรถโดยสาร รับจ้างเดินรถรับส่งพนักงานบริษัทเอกชน และรัฐวิสาหกิจ ธุรกิจให้เช่าที่ดินประมาณ 1,000 ไร่ ซึ่งเธอว่า ซื้อไว้นานแล้ว ปัจจุบันแบ่งให้เช่า และก็มีบ้างที่นำมาขาย ลดการเสียภาษีและหมุนเวียนเงินสดในธุรกิจ
“ใครจะมองฉันยังไงก็แล้ว แต่ที่ทำทั้งหมดคือฉันดิ้นรน เพื่อให้ธุรกิจอยู่รอด ให้ลูกน้องอยู่ได้”
“ทุกวันนี้ฉันภูมิใจ ภูมิใจที่ธุรกิจประสบความสำเร็จ มีสมบัติให้ตัวเอง ให้ลูกหลาน ได้ไปทำบุญ หลักชีวิตของฉันมีแค่นี้ ขยัน ประหยัด ไม่เที่ยว อยู่ในศีล ไม่ซื้อของแพงที่ไม่จำเป็น เรื่องที่ฉันภูมิใจนอกจากธุรกิจแล้วก็ยังมีเรื่องลูก ที่ทั้ง 4 คนเป็นคนดี คนโตอายุ 65ปี รองมา 63 ปี 61 ปี และ 55 ปี ทุกคนมีการศึกษาสูง จบเมืองนอก การงานดีและอยู่ในศีล ไม่มีใครนอกลู่นอกทาง สิ่งนี้คือความสุขของฉัน”
“วันนี้มีคนโทรมาหาฉันเยอะมาก ฉันก็บอกไปว่าฉันจะขายแล้ว ไม่ทำแล้ว ก็เปิดโอกาสให้คนที่มีความสามารถ มีแนวคิดที่ดีกว่ามาหาทางบริหารต่อ ส่วนฉันก็ไปดูธุรกิจอื่น ไปใช้ชีวิตของฉัน ไปหาความสุข สิ่งที่เกิดขึ้นมันก็เป็นเรื่องธรรมดาของธุรกิจนะ เรื่องรถทัวร์เดี๋ยวฉันก็คงขายสมบัติที่มีใช้หนี้ไป” เจ๊เกียว-สุจินดา พูดถึงสถานะและอนาคตของธุรกิจ เชิดชัยทัวร์
“ขอให้คุณโชคดี ทำดีนะ ตอนนี้ฉันขอพักก่อน นึกอะไรได้ค่อยว่ากันใหม่”