เปิดเส้นทางความปังของ “GOT7” ต้อนรับซิงเกิ้ลล่าสุด “NANANA”

เปิดเส้นทางความปังของ “GOT7” ต้อนรับซิงเกิ้ลล่าสุด “NANANA”

เปิดเส้นทางความสำเร็จและความโด่งดังของ “GOT7” คัมแบ็กครั้งแรกหลังหมดสัญญากับค่ายเดิม กับซิงเกิ้ล “NANANA” และอัลบั้มชุดใหม่

สร้างความฮือฮาและเซอร์ไพรส์ให้แก่เหล่าอากาเซ (ชื่อแฟนคลับ) ทั่วโลก หลังจากที่ “GOT7” บอยแบนด์ชื่อดังของเกาหลีใต้ ได้เปิดบัญชีโซเชียลมีเดียใหม่อย่างเป็นทางการ พร้อมกับเปิดตัวสัญลักษณ์ใหม่ของวง เมื่อวันที่ 6 พ.ค. ผ่านมา ส่งผลให้  #IGOT7 และ #GOT7COMEBACK ติดเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1 ทั่วโลกภายในเวลาไม่นาน 

จากนั้น GOT7 ประกาศคัมแบ็คในวันที่ 23 พ.ค. กับอัลบั้มใหม่ที่ใช้ชื่อเดียวกับวง โดยมีซิงเกิ้ลหลักชื่อว่า “NANANA” ที่พึ่งปล่อยออกมาเมื่อเวลา 16.00 น. ที่ผ่านมา (ตามเวลาประเทศไทย) สามารถติดสามารถติดเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1 ทันที (ซึ่ง #วันนี้GOT7คัมแบ็ค ติดเทรนด์มาตั้งแต่เช้า)

คัมแบ็กทั้งทีก็ไม่ทำให้เหล่าอากาเซผิดหวัง ยังคอนเสิร์ตแบบออนไลน์ในชื่อ “GOT7 'HOMECOMING' 2022 FANCON” พร้อมทั้งงานแฟนไซน์ ให้สมกับการรอคอยมาตลอดหนึ่งปีกว่า ๆ หลังจากที่ทั้ง 7 คนประกาศไม่ต่อสัญญากับค่ายเดิม 

 

GOT7 เป็นวงบอยแบนด์จากเกาหลีใต้ประกอบด้วยสมาชิกทั้งสิ้น 7 คน ได้แก่ มาร์ค (Mark) เจบี (Jay B) แจ็กสัน (Jackson) จินยอง (Jinyoung) ยองแจ (Youngjae) แบมแบม (BamBam) และ ยูกยอม (Yugyeom)

เปิดเส้นทางความปังของ “GOT7” ต้อนรับซิงเกิ้ลล่าสุด “NANANA”

สมาชิกในวงนั้นมีด้วยกันหลากหลายสัญชาติ ทั้งเกาหลี (เจบี, จินยอง ยองแจ และ ยูกยอม)  อเมริกัน (มาร์ค) ฮ่องกง (แจ็กสัน) และ ไทย (แบมแบม)

สำหรับความหมายของชื่อวง “GOT7” นั้น แปลว่า “7 ผู้โชคดีที่มารวมตัวกัน” (seven lucky people come together) โดยเป็นวงแนวฮิปฮอป ซึ่งผสมผสานท่าศิลปะการต่อสู้เข้ากับการเต้นสไตล์บีบอยในท่าเต้นและการแสดงของพวกเขา

 

ศิลปินหน้าใหม่ที่น่าจับตามอง

GOT7 เดบิวต์ครั้งแรกในปี 2557 ภายใต้สังกัด “เจวายพี เอ็นเตอร์เทนเมนต์” (JYP Entertainment) เปิดตัวด้วยอัลบั้ม “Got It ?” ซึ่งสามารถขึ้นอันดับ 2 บน “Gaon Album Chart” หนึ่งในชาร์ตเพลงที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ และครองอันดับที่ 1 บนชาร์ต “Billboard World Albums” ได้สำเร็จ 

นอกจากนี้ GOT7 ยังได้รับรางวัล “ศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม” (Best New Artist) จากเวที Golden Disc Awards 2015 และ Seoul Music Awards 2015 ซึ่งเป็น 2 งานประกาศรางวัลใหญ่ของวงการ K-Pop ทำให้ GOT7 กลายเป็นศิลปินที่น่าจับตามอง และสั่งสมแฟนคลับมาเรื่อย ๆ 

 

ขึ้นแท่นศิลปินแถวหน้าของวงการ

Just Right” (2558) จากมินิอัลบั้มชื่อเดียวกัน สามารถขึ้นอันดับ 3 บนชาร์ต World Digital Song ของ Billboard ได้ติดต่อกันถึง 2 สัปดาห์ สามารถทำยอดขายได้มากกว่า 100,000 ชุด มียอดเข้าชมมิวสิควิดีโอผ่านทาง YouTube มากกว่า 400 ล้านครั้ง ซึ่งเป็นเพลงที่มียอดวิวสูงสุด และเป็นหนึ่งในเพลงที่คนรู้จักที่สุดของวง 

 

 

ก่อนที่จะทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดกับอัลบั้มไตรภาค “Flight Log” ที่เริ่มต้นด้วย “Flight Log: Departure” (2559) ที่สามารถเดบิวต์บนอันดับ 2 ของชาร์ต Billboard Heatseekers Album และ Billboard World Albums Chart ทำยอดขายกว่า 200,000 ชุดทั่วโลก รวมถึงเป็นบอยแบนด์จากเกาหลีใต้กลุ่มแรกที่สามารถเข้าชาร์ต Billboard Artist 100 โดยอยู่ในอันดับ 45 

ตามมาด้วย “Flight Log: Turbulence” อัลบั้มชุดที่ 2 ในอัลบั้มไตรภาค ที่มี “Hard Carry” เป็นซิงเกิ้ลหลัก ด้วยท่าเต้นที่แข็งแรง จังหวะเพลงอันหนักหน่วง และเนื้อเพลงที่ติดหูทำให้เพลงนี้กลายเป็นหนึ่งในเพลงที่ดังที่สุดในปี 2559 และยังมีศิลปินวงอื่นนำเพลงนี้มาคัฟเวอร์อยู่เรื่อยมา โดยอัลบั้มนี้ทำยอดขายได้มากกว่า 220,000 ชุดทั่วโลก และทำให้ GOT7 ได้รับรางวัล “อัลบั้มแห่งปี” (Disc Bonsang) จากเวที Golden Disc Awards 2017 และกลายเป็นศิลปินแถวหน้าของวงการอย่างเต็มภาคภูมิ

ส่วน “Flight Log: Arrival” (2560) ก็ปิดท้ายไตรภาคนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยการทำยอดขายทะลุ 340,000 ชุดทั่วโลก พร้อมขึ้นชาร์ตอันดับ 1 ทั้ง Gaon และ Hanteo ชาร์ตนับยอดขายอัลบั้มของเกาหลีใต้ รวมถึง Billboard's World Album Chart อีกด้วย

ขณะที่ “Never Ever” ซิงเกิ้ลหลักของอัลบั้มสามารถขึ้นอับดับ 1 บน iTunes ถึง 6 ประเทศหรือดินแดน ไม่ว่าจะเป็น ไทย ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม

ในปี 2561 GOT7 กลับมาพร้อมกับ อีพีอัลบั้มชุดที่ 8 “Eyes On You” ซึ่งเป็นอัลบั้มที่สมาชิกทุกคนเข้าไปมีส่วนร่วมในแต่งเพลง โดยมีซิงเกิ้ลหลักคือ “Look” ที่ได้กลายเป็นเพลงที่ประสบความสำเร็จบนชาร์ตเพลงในเกาหลีใต้มากที่สุดของวงตั้งแต่เดบิวต์มา โดยอัลบั้มนี้สามารถขึ้นอันดับ 1 บน iTunes ในกว่า 20 ประเทศทั่วโลก ทำยอดขายมากกว่า 300,000 ชุดทั่วโลก

ดังไกลไปทั่วโลก

GOT7 ได้จัดทัวร์คอนเสิร์ตไปทั่วโลก ทั้งในเมืองใหญ่ในเอเชีย ยุโรป อเมริกาเหนือ และอเมริกาใต้ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากอากาเซทั่วโลก

อีพีอัลบั้มชุดที่ 9 “Spinning Top: Between Security & Insecurity” ที่ออกในปี 2562 ทำให้ GOT7 กลายเป็นศิลปินจาก เจวายพี กลุ่มแรกที่สามารถทำยอดขายรวมได้เกิน 2 ล้านชุดตั้งแต่เดบิวต์ และยังเป็นศิลปิน K-POP วงแรกที่ได้แสดงสดในรายการโทรทัศน์ของสหรัฐ นั่นคือรายการ “Today Show” รายการข่าวเช้าทางช่อง NBC 

 

ในปีเดียวกัน “Call My Name” อีพีอัลบั้มชุดที่ 9 ได้ทำสถิติใหม่ให้ GOT7 กลายเป็นศิลปินกลุ่มแรกของเจวายพีที่ทำยอดขายอัลบั้มวันเดียวได้มากกว่า 100,000 ชุด และในช่วงปลายปี GOT7 ยังได้รับรางวัลแดซัง ในสาขาการแสดงแห่งปีจากเวที Asia Artist Awards พร้อมทั้งติดอันดับ 4 ของชาร์ต Social 50 Artists ซึ่งเป็นชาร์ตจัดอันดับศิลปินที่ถูกพูดถึงบนโซเชียลมีเดียมากที่สุด โดยนิตยสาร Billboard

ต่อมา GOT7 ได้จัดคอนเสิร์ตเวิลด์ทัวร์อีกครั้งในชื่อ Keep Spinning World Tour โดยได้มาจัดที่ประเทศไทยด้วย ณ ราชมังคลากีฬาสถาน ในวันที่ 9 พ.ค. 2563 ขายหมดภายในระยะเวลาเพียง 2 ชั่วโมง แม้ว่าจะมีที่นั่งกว่า 49,722 ที่นั่งก็ตาม ทำให้ต้องประกาศเพิ่มรอบในวันที่ 10 พ.ค. ซึ่งก็ขายหมดในเวลาไม่นานเช่นกัน แต่เป็นที่น่าเสียดาย เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ต้องยกเลิกคอนเสิร์ตทั้งสองรอบ

ขณะที่ “Dye” (2563) อีพีอัลบั้มชุดที่ 11 สร้างปรากฏการณ์เป็นอัลบั้มที่ทำยอดขายสูงถึง 450,000 ชุด กลายเป็นอัลบั้มที่มียอดขายสูงที่สุดของวง ก่อนที่จะทิ้งท้ายด้วยอัลบั้มเต็มชุดที่ 4 ในชื่อ “Breath of Love: Last Piece” อัลบั้มชุดสุดท้ายของ GOT7 ภายใต้สังกัดเจวายพี

การเดินทางครั้งใหม่ของ GOT7

11 ม.ค. 2564 เจวายพี เอ็นเตอร์เทนเมนต์ได้ออกแถลงการณ์ระบุว่าสมาชิก GOT7 ทั้ง 7 คนตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับค่าย โดยสัญญาจะหมดลงในวันที่ 19 ม.ค. 2564 แม้ว่าสัญญากับค่ายเก่าจะหมดลง แต่ทั้ง 7 คนยังคงยืนยันที่เป็น “GOT7” ดังเดิมแม้ว่าแต่ละคนจะแยกย้ายกันไปอยู่ค่ายใหม่ก็ตาม ดังข้อความที่ทั้ง 7 คนได้ให้สัญญาไว้กับอากาเซทั่วโลก

 

“​​พวกเราทุกคนต้องการที่จะทำเพลงให้กับอากาเซต่อไป แชร์มันไปด้วยกันและใช้เวลาร่วมกันต่อไปในอนาคต!”

 

หลังจากนั้น GOT7 ก็ได้ออกซิงเกิ้ลพิเศษ “Encore” เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2564 เพื่อตอบแทนความรักที่อากาเซมีให้แก่พวกเขา โดยเพลงนี้สามารถครองอันดับ 1 บน iTunes ใน 35 ประเทศทั่วโลก และยังขึ้นเป็นอันดับ 1 ของเทรนด์ทวิตเตอร์ทั่วโลกอีกด้วย

ปัจจุบันทั้ง 7 คนต่างอยู่ภายใต้สังกัดใหม่และมีผลงานเดี่ยวออกมามากมายในปีที่ผ่านมาโดยแต่ละคนมีสังกัดดังนี้

  • เจบี อยู่ภายใต้สังกัด H1GHR MUSIC  
  • มาร์ค อยู่ภายใต้สังกัด Creative Artists Agency (CAA)
  • แจ็กสัน อยู่ภายใต้สังกัด TEAM WANG และเซ็นสัญญาร่วมงานกับ Sublime Artist Agency
  • จินยอง อยู่ภายใต้สังกัด BH Entertainment
  • ยองแจ อยู่ภายใต้สังกัด Sublime Artist Agency
  • แบมแบม อยู่ภายใต้สังกัด Abyss Company
  • ยูกยอม อยู่ภายใต้สังกัด AOMG

 

อย่างไรก็ตาม การคัมแบ็กในครั้งนี้ อยู่ภายใต้การดูแลของ วอร์เนอร์ มิวสิค เกาหลีใต้ นอกจากนี้ ลิขสิทธิ์เครื่องหมายการค้าทั้งหมดของ GOT7 ไม่ว่าจะเป็น ดนตรี เพลง การผลิตและจัดจำหน่ายเพลงและแผ่นเสียง การแสดง ฯลฯ ได้ถูกโอนให้แก่สมาชิกทั้ง 7 คนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

การคัมแบ็กในรอบนี้ได้พิสูจน์คำสัญญาที่พวกเขาทั้ง 7 คนให้ไว้ที่อากาเซทั่วโลก ว่าจะยังคงเป็น GOT7 ที่พวกเรารักเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นครั้งใหม่ของ GOT7 ที่จะมี อากาเซเดินเคียงข้างและมอบความรักให้กันแบบนี้ตลอดไป