อัปเดต! มิ.ย.65 คนไทย "เที่ยวต่างประเทศ" โซนเอเชีย ที่ไหนได้แล้วบ้าง?
ทั่วโลกเริ่มทยอย "เปิดประเทศ" หลังโควิด-19 มีทิศทางดีขึ้น โดยเฉพาะจุดหมายยอดนิยมของคนไทยโซนเอเชีย ใครอยาก "เที่ยวต่างประเทศ" ชวนเช็กลิสต์ประเทศ/ดินแดน ที่เปิดรับนักท่องเที่ยวไทยแล้ว พร้อมอัปเดตมาตรการ
ไม่นานมานี้ ทางการ "ญี่ปุ่น" ได้ประกาศ "เปิดประเทศ" ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้ว เรียกเสียงฮือฮาจากขาเที่ยวชาวไทยได้อย่างล้นหลาม อีกทั้งมีหลายๆ ประเทศในโซนเอเชีย ก็เริ่มทยอยเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติและนักท่องเที่ยวไทยแล้วเช่นกัน ใครอยาก "เที่ยวต่างประเทศ" ช่วงกลางปี 2565 นี้ เตรียมมองหาวันว่างไว้ได้เลย
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ชวนอัปเดตการเดินทาง "เที่ยวต่างประเทศ" (พ.ค. - มิ.ย. 65) พร้อม "มาตรการป้องกันโควิด" ในประเทศปลายทางยอดนิยมสำหรับคนไทยทั้ง 7 ประเทศเหล่านี้กันหน่อย
1. ญี่ปุ่น
ช่วงปลายเดือน พ.ค. 2565 สำนักงานการท่องเที่ยวญี่ปุ่น (JTA) ออกประกาศระบุว่า ทางการญี่ปุ่นจะเริ่มอนุญาตให้ "กรุ๊ปทัวร์ขนาดเล็ก" เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศได้ ตามแผนทดสอบการท่องเที่ยว ภายใต้แคมเปญ "Test Tourism" เพื่อที่จะรวบรวมข้อมูลก่อนกลับมาเปิดการท่องเที่ยวอีกครั้งอย่างเต็มรูปแบบ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
- "ญี่ปุ่น" เทสต์เปิดประเทศ รับคนไทย "แต่ไม่ใช่ทุกคน" เช็กเงื่อนไขก่อนจอง
- “บาหลี” เปิดเกาะรับนักท่องเที่ยวในรอบเกือบ 2 ปี
- เวียดนามเลิก "ตรวจโควิด" นักเดินทางต่างชาติ เริ่ม 15 พ.ค.นี้
- "ฮ่องกง" ฟื้นท่องเที่ยว จ่อเปิดพิพิธภัณฑ์ศิลปะ จัดอีเวนท์ใหญ่ตลอดปี
- เช็คเงื่อนไข คนไทยเที่ยว 6 ประเทศ “เกาหลีใต้ เวียดนาม สิงคโปร์” ไม่ต้องกักตัว
โดยเงื่อนไขหลักๆ คือ ต้องเป็นนักท่องเที่ยวที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 3 เข็ม และเดินทางจาก 4 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐ ออสเตรเลีย สิงคโปร์ ไทย จะได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมกรุ๊ปทัวร์นี้ โดย JTA จะดำเนินการตามแผนอย่างรัดกุมร่วมกับหน่วยงานด้านการท่องเที่ยว และภายใต้ความร่วมมือของบริษัททัวร์ในญี่ปุ่น
อัปเดตล่าสุด! (26 พ.ค. 2565) มีรายงานข่าวจากเว็บไซต์ nhk.or.jp ระบุว่า ญี่ปุ่นจะเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในรูปแบบ "กรุ๊ปทัวร์ที่มีไกด์" ได้แล้วตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย. 2565 เป็นต้นไป
โดยรัฐบาลญี่ปุ่น ประกาศปรับกฎการตรวจคนเข้าเมืองใหม่ โดยกลับมารับนักท่องเที่ยวจาก 98 ประเทศ ที่มาเที่ยวโดยการซื้อแพ็กเกจทัวร์ อีกทั้งปรับการรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจากเดิม 10,000 คน เพิ่มเป็น 20,000 คนต่อวัน ตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2565
มีเงื่อนไขสำคัญ คือ ประเทศที่มีอัตราการติดเชื้อต่ำ (จัดอยู่ในกลุ่มสีฟ้าหรือสีน้ำเงิน ; ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มนี้) สามารถเดินทางเข้าญี่ปุ่นโดยไม่ต้องตรวจโควิด
- ต้องเดินทางในรูปแบบกรุ๊ปทัวร์ที่มีไกด์เท่านั้น
- ไม่ต้องกักตัว
- ไม่ต้องตรวจ RT-PCR ที่สนามบินญี่ปุ่น
- ไม่ต้องแสดงเอกสาร Vaccine Certificate
- ต้องทำประกันโควิด (ไม่ระบุวงเงิน)
- เที่ยวได้เฉพาะจังหวัดที่อนุญาตให้เข้า และไม่ได้ประกาศภาวะฉุกเฉิน
- ต้องได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 มาแล้ว 3 เข็ม คือ Pfizer 3 เข็ม, Moderna 3 เข็ม, Novavax 3 เข็ม, AZ 2 เข็มแรก (เข็มที่ 3 ต้องเป็น Pfizer, Moderna, Novavax), Covaxin 2 เข็มแรก (เข็มที่ 3 ต้องเป็น Pfizer, Moderna, Novavax), Johnson & Johnson 1 เข็ม
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ mofa.go.jp
2. เกาหลีใต้
เปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา โดยอนุญาตให้นักท่องเที่ยวจาก 46 ประเทศ รวมประเทศไทย สามารถเดินทางเข้าประเทศเกาหลีใต้ได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า และไม่ต้องกักตัว
อัปเดตล่าสุด! 3 มิ.ย. 65 เกาหลีใต้ ยกเลิกคำสั่งกักตัว 7 วัน สำหรับนักเดินทางที่ยังไม่ได้รับวัคซีน โดย นายฮัน ด๊อก-ซู นายกรัฐมนตรีของเกาหลีใต้ เผยว่า จะยกเลิกคำสั่งกักตัวสำหรับชาวต่างชาติที่ยังไม่ได้รับวัคซีน ตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป
ก่อนหน้านี้เกาหลีใต้มีข้อกำหนดในการกักตัวสำหรับนักเดินทางที่ยังไม่ได้รับวัคซีน จำนวน 7 วัน แต่ถึงข้อกำหนดการกักตัวจะถูกยกเลิกแล้ว แต่นักเดินทางที่ยังไม่ได้รับวัคซีน ยังคงต้องแสดงผลตรวจโควิด ด้วยวิธี RT-PCR ที่เป็นลบ ก่อนเดินทาง และต้องตรวจโควิด ด้วยวิธี RT-PCR อีกครั้งภายใน 72 ชั่วโมง หลังจากเดินทางมาถึงเกาหลีใต้เช่นเดิม (อ้างอิง : reuters)
อัปเดต 30 พ.ค. 2565 มีเงื่อนไขการเดินทางที่ต้องรู้ สำหรับผู้ที่จะเดินทางตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป ดังนี้
- ต้องลงทะเบียนผ่านระบบ K-ETA (Korea Electronic Travel Authorization) ล่วงหน้าภายใน 72 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง มีค่าธรรมเนียม 10,000 วอน หรือประมาณ 300 บาท
- ลงทะเบียนรับ Q-CODE หรือกรอกข้อมูลการฉีดวัคซีน ล่วงหน้าก่อนเดินทาง
- ต้องแสดงเอกสาร International covid-19 vaccination certificate (สามารถขอได้ที่แอปฯ หมอพร้อม)
- ไม่จำเป็นต้องกักตัว 7 วัน ภายใต้เงื่อนไขคือ ต้องได้รับวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน 1 เข็ม หรือได้รับวัคซีนโควิดครบ 2 เข็ม ตามชนิดวัคซีนที่ได้รับการรับรองจาก WHO ภายใน 14-180 วัน
- ผู้ที่ได้รับวัคซีนครบโดสตามข้างต้น *ไม่ต้องทำประกันโควิด*
- ผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน หรือได้วัคซีนไม่ครบ ต้องทำประกันโควิดและต้องกักตัว 7 วัน
- ผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน หรือผู้ที่เดินทางจากประเทศปากีสถาน อุซเบกิสถาน เมียนมาร์ และยูเครน ยังต้อง "กักตัว" 7 วัน แม้ว่าจะได้รับวัคซีนหรือไม่ก็ตาม
- ต้องแสดงผลตรวจ RT-PCR เป็นลบ ภายใน 48 ชั่วโมงก่อนเดินทาง หรือผลตรวจ ATK เป็นลบ ภายใน 24 ชั่วโมงก่อนเดินทาง และต้องมีใบรับรองจากสถานพยาบาล โดยเอกสารนี้ต้องเป็นภาษาเกาหลีหรือภาษาอังกฤษ
- ต้องผ่านการตรวจเชื้อ RT-PCR ขาเข้าอีกครั้ง เมื่อเดินทางถึงเกาหลี ดูเพิ่มเติมได้ที่ มาตรการเดินทางเข้าเกาหลีใต้
3. ฮ่องกง
มีรายงานจากเว็บไซต์ info.gov.hk ระบุว่า ฮ่องกงเปิดเมืองต้อนรับชาวต่างชาติแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2565 เป็นต้นมา โดยสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติและนักท่องเที่ยวไทยที่อยากไปเที่ยวฮ่องกง สามารถไปได้ แต่ยังต้องมีการ "กักตัว" อย่างน้อย 7 วัน มีเงื่อนไขการเดินทางและมาตรการที่ต้องรู้ ดังนี้
- ลงทะเบียนรายงานสุขภาพก่อนเดินทางเข้าฮ่องกง ผ่านเว็บไซต์ chp.gov.hk/hdf/
- ต้องแสดงใบรับรองการฉีดวัคซีน vaccine passport หรือ National Certificate of COVID-19 Vaccination ฉีดครบโดสตามที่ฮ่องกงรับรอง เช็กรายชื่อวัคซีนเพิ่มเติมได้ที่ coronavirus.gov.hk (โหลดใบรับรองได้จากแอปฯ หมอพร้อม)
- ต้องแสดงผลตรวจโควิด PCR, RT-PCR เป็นลบ ไม่เกิน 48 ชั่วโมงก่อนเดินทาง
- ใบจองโรงแรมเพื่อกักตัวตามที่รัฐกำหนด 7 คืน
- การทำประกันโควิดก่อนเดินทาง ไม่มีข้อมูลระบุ
- เมื่อเดินทางถึงประเทศฮ่องกง ต้องตรวจ ATK อีกครั้งหนึ่ง
- นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและชาวฮ่องกงที่กลับประเทศจะต้องกักตัวในโรงแรมที่รัฐกำหนดอย่างน้อย 7 วัน
รายละเอียดการกักตัวและการท่องเที่ยวในฮ่องกง มีดังนี้
- กักตัวตามหลักการเป็นจำนวนทั้งสิ้น 14 วัน โดยแบ่งเป็นกักตัว 7 วัน ในโรงแรมที่รัฐกำหนด และทำการตรวจ RAT (Rapid Antigen Test) ทุกวัน และในวันที่ 5 ต้องตรวจ RT-PCR ซ้ำอีก
- หากวันที่ 7 ไม่พบผลติดเชื้อและฉีดวัคซีนครบแล้ว สามารถออกจากโรงแรมได้ เพื่อเดินทางท่องเที่ยว แต่ต้องเฝ้าระวังตนเองต่ออีก 7 วัน พร้อมตรวจ RT-PCR ในวันที่ 12 (หากไม่สะดวกเฝ้าระวังตัวเอง สามารถกักตัวในโรงแรมต่อได้ถึง 14 วัน)
4. สิงคโปร์
ก่อนหน้านี้ประเทศสิงคโปร์เริ่ม "เปิดประเทศ" ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วตั้งแต่ช่วงเดือน มี.ค. 2565 ที่ผ่านมา ในช่วงแรกกำหนดให้นักท่องเที่ยวต้องลงทะเบียนล่วงหน้า และเดินทางภายใต้โครงการพิเศษ VLT (Vaccinated Travel Lane) ต่อมาวันที่ 1 เม.ย. 2565 สิงคโปร์ได้ยกเลิกการเดินทางผ่าน VLT แล้ว
อัปเดตล่าสุดเมื่อ 26 เม.ย. 2565 มีรายงานจาก VisitSingapore ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 26 เม.ย. ที่ผ่านมา นักเดินทางที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว ไม่จำเป็นต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 เมื่อเดินทางไปสิงคโปร์ พร้อมเที่ยวได้ "ไม่ต้องกักตัว" มีเงื่อนไขและมาตรการการเดินทาง ดังนี้
- ต้องได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว อย่างน้อย 2 สัปดาห์ ก่อนวันเดินทาง โดยเป็นชนิดที่ได้รับการรับรองโดย WHO ดูข้อมูลวัคซีนที่กำหนดได้ที่ safetravel.ica.gov.sg
- ต้องลงทะเบียน/กรอกข้อมูล SG Arrival Card และ Health Declaration ทางออนไลน์ กับกองตรวจคนเข้าเมืองให้ครบถ้วนภายใน 3 วัน ก่อนการเดินทาง หรือคลิกที่ eservices.ica.gov.sg
- ดาวน์โหลดแอปฯ TraceTogether และลงทะเบียนก่อนเดินทาง
- ต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีน Vaccine Passport
- ไม่ต้องตรวจเชื้อโควิด เมื่อเดินทางถึงสิงคโปร์
- ผู้ที่ได้รับวัคซีนครบโดสตามกำหนด *ไม่ต้องมีประกันโควิด
- ผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน หรือได้วัคซีนไม่ครบ ต้องมีประกันโควิด วงเงินคุ้มครอง 30,000 SGD ดูรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ go.gov.sg/mtf-22apr
5. เวียดนาม
ก่อนหน้านี้ เวียดนามได้เริ่มเดินตามแผน "เปิดประเทศ" ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เริ่มจากวันที่ 16 มี.ค. 2565 ที่ผ่านมา เวียดนามได้ประกาศ "ยกเลิกข้อกำหนดแสดงใบรับรองการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19" และนักท่องเที่ยว "ไม่ต้องกักตัว"
ถัดมาในวันที่ 27 เม.ย. 2565 ก็มีการผ่อนคลายมาตรการเพิ่มเติม คือ ยกเลิกข้อกำหนดการคัดกรองสุขภาพในกลุ่มนักเดินทางระหว่างประเทศขาเข้า แปลว่า ไม่มีการตรวจเชื้อโควิดกับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาถึงเวียดนาม
อัปเดตล่าสุด 15 พ.ค. 2565 มีรายงานข่าวจากสำนักข่าวซินหัว ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. 2565 เป็นต้นไป เวียดนามยกเลิกข้อกำหนดการตรวจโรคโควิด-19 ก่อนเดินทางมาเวียดนาม คือ ไม่ต้องยื่นเอกสารผลตรวจโควิดใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนเงื่อนไขและมาตรการอื่นๆ ในการเดินทางเข้าเวียดนาม ได้แก่
- เดินทางเที่ยวในเวียดนามได้โดยไม่ต้องลงทะเบียนเข้าประเทศ
- ไม่ต้องแสดงผลตรวจโควิด RT-PCR ภายใน 48 ชั่วโมงก่อนเดินทาง
- ไม่ต้องตรวจหาเชื้อโควิด RT-PCR เมื่อมาถึงเวียดนาม
- ต้องแสดงใบรับรองการฉีดวัคซีน Vaccine Passport หรือ National Certificate Vaccination
- ต้องทำประกันโควิด วงเงินคุ้มครอง 50,000 USD
6. อินโดนีเซีย (บาหลี)
เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย "เปิดประเทศ" รับนักท่องเที่ยวต่างชาติตั้งแต่ช่วงเดือน มี.ค. 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวไทยที่จะไปเที่ยวบาหลียังต้องทำ Visa on Arrival มีค่าใช้จ่าย IDR 500.000 ต่อคน หรือประมาณ 1,200 บาท
ต่อมาวันที่ 6 เม.ย. 2565 ทางการบาหลีประกาศ "ยกเว้นวีซ่า" เพื่อวัตถุประสงค์ด้านการท่องเที่ยวให้แก่ 9 ประเทศอาเซียน รวมประเทศไทยด้วย
อัปเดตล่าสุด 19 พ.ค. 2565 ทางการบาหลีมีการปรับเงื่อนไขและผ่อนคลายมาตรการการเดินทางท่องเที่ยวให้แก่ชาวต่างชาติมากขึ้น ให้สามารถมาเที่ยวได้โดย "ไม่ต้องกักตัว" โดยมีข้อกำหนด ดังนี้
- ต้องโหลดแอปฯ Peduli Lindungi และลงทะเบียนรับรองการฉีดวัคซีนก่อนเดินทางเข้าบาหลี หรือคลิก peduli-lindungi
- ผู้ที่ได้รับวัคซีนครบโดส *ไม่ต้องแสดงผลตรวจโควิด PCR เป็นลบ ก่อนเดินทาง 48 ชั่วโมง
- ต้องแสดงใบรับรองการฉีดวัคซีน Vaccine Passport
- กรอกข้อมูลด้านศุลกากรผ่านระบบออนไลน์ ที่ e-CD
- ต้องได้รับวัคซีนครบโดส 2 โดสหรือ 3 โดส (บูสเตอร์) ตามชนิดที่ WHO กำหนด หากได้รับเข็ม 3 ต้องฉีดมาแล้วอย่างน้อย 14 วันก่อนเดินทาง
- ต้องทำประกันภัยการเดินทางแบบครอบคลุม COVID19 ในชื่อ Jaga Wisata ของอินโดนีเซีย และต้องซื้อก่อนเดินทาง ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ welcomebacktobali.com
7. มาเลเซีย
มีรายงานจาก สถานเอกอัครราชทูตฯ มาเลเซีย ระบุว่า รัฐบาลมาเลเซียได้ประกาศผ่อนคลายมาตรการการป้องโรคโควิด-19 และ SOP ต่างๆ ในประเทศ มีผลตั้งวันที่ 1 พ.ค. 2565 เป็นต้นไป รวมถึงมีการอัปเดตมาตรการล่าสุด 1 พ.ค. 2565 เกี่ยวกับการเดินทางเข้าประเทศมาเลเซีย สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ให้เที่ยวได้โดย "ไม่ต้องกักตัว" มีเงื่อนไขที่ต้องรู้ ดังนี้
- ผู้ที่ฉีดวัคซีนฯ ครบโดส ตามที่รัฐบาลมาเลเซียรับรอง และเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 12 ลงมา *ไม่ต้องแสดงผลตรวจโควิด RT-PCR และ RTK ก่อนเดินทางเข้าประเทศอีกต่อไป ดูรายละเอียดชนิดวัคซีนที่กำหนด ได้ที่ vaccine/status
- ยังคงต้องลงทะเบียนและกรอกข้อมูล (pre-departure form) ผ่านแอปฯ MySejahtera ก่อนเดินทางเข้ามาเลเซีย เพื่อรับรองการฉีดวัคซีนครบโดส mysafetravel.gov.my/application
- ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศมาเลเซีย *ไม่ต้องซื้อประกันการเดินทางและประกันโควิด อีกต่อไป
- แนะนำให้สวมใส่หน้ากากอนามัยในสถานที่ปิด แต่สำหรับสถานที่เปิดหรือกลางแจ้ง ไม่จำเป็นต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย
หมายเหตุ : ผู้ที่ไม่ได้ฉีด/ฉีดวัคซีนฯ ไม่ครบ จะต้องตรวจหาเชื้อฯ แบบ RT-PCR 48 ชั่วโมงก่อนเดินทางเข้าประเทศ และยังต้องตรวจหาเชื้อฯ แบบ RTK โดยสถานพยาบาลในมาเลเซียอีกครั้ง เมื่อเดินทางมาถึงมาเลเซียภายใน 24 ชั่วโมง หากไม่ดำเนินการภายในระยะเวลากำหนด สถานะในแอปฯ MySejahtera จะเปลี่ยนเป็นผู้ที่ต้องกักตัวในที่พักทันทีเป็นเวลา 5 วัน
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ malaysia.travel และ ThaiEmbassyKL