เที่ยวเมือง "พังงา" คราหนึ่ง คิดถึงไปอีกนาน
จากเมืองผ่านกำลังถูกจับตามองในฐานะเมืองที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว วันนี้ "พังงา" ทรงเสน่ห์จนใครหลายคนต้องตกหลุมรัก
แต่ก่อน ใครต่อใครก็มักจะมองว่า พังงา นั้นเสียเปรียบทางการท่องเที่ยว เพราะอยู่ท่ามกลางการขนาบข้างของเมืองภูเก็ตและเมืองกระบี่ แต่เมื่อได้ไปเห็นแล้วจริงๆ ด้วยทำเลที่ตั้งของ ตัวเมืองพังงา กลับได้เปรียบ เพราะเป็นที่บรรจบกันของถนนหนทางที่ไม่ว่าจะมาจากภูเก็ต จะมาจากกระบี่ จะมาจากตะกั่วป่า ก็ล้วนแล้วต้องมาบรรจบกันที่ตัวเมืองพังงา
ก่อนหน้านั้นถนนที่มายัง "ตัวเมืองพังงา" อาจจะเป็นถนนสองเลนรถแล่นสวนกัน แต่เดี๋ยวนี้ เป็นทางสี่เลนหมดยกเว้นที่มาจากทางกะปงทางเดียวที่ยังเป็นสองเลน นอกนั้นขับรถมา "พังงา" ได้สบาย การเดินทางก็สะดวกและที่แวะเที่ยวก็มีมากมาย ไม่ต้องออกไปนอกเมือง เอาแค่ในรัศมีตัวเมืองพังงานี่แหละ เผลอๆ เที่ยวหนึ่งวันอาจจะยังเที่ยวไม่ทั่วด้วยซ้ำไป ถ้ายังไม่เชื่อ ก็ตามมา
ตัวเมืองพังงา
“เขาช้าง” ผมเคยเล่าไปแล้วว่า เป็นจุดเด่นที่เห็นมาแต่ไกล ถ้าเห็นเขาช้าง ก็นั่นละที่ตั้งของตัวเมืองพังงา ลำพังตัวเมืองนั้นเล็กนิดเดียว ถนนสายเดียวที่แล่นผ่านย่านชุมชนในตัวเมืองนั้น เป็นถนนหมายเลข 4 เก่า เป็นสายเล็กๆ ที่ขยายไม่ได้แล้ว เขาเลยต้องตัดถนนเลี่ยงเมืองไปอีกทางฝั่งเขาอีกด้านหนึ่ง พูดมาแค่นี้ท่านผู้อ่านคงพอนึกออกแล้วว่า เมืองพังงานั้นถูกขนาบด้วยภูเขาหินปูน ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง คนที่ชมชอบภูเขา เป็นชอบใจแน่
และที่ผมชื่นชอบมากที่สุดก็คือ สวนสาธารณะสมเด็จพระศรีนครินทร์ ซึ่งอยู่ตรงหัวมุมถนนที่จะไปทางทับปุดนั่นเอง (หมายเลข 4311) สวนสาธารณะนี้มีเนื้อที่ 162 ไร่กว่า สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เสด็จเป็นประธานเปิดสวนเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2532
ความร่มรื่นในสวนสาธารณะสมเด็จพระศรีนครินทร์
ทำไมผมถึงชอบสวนนี้หนักหนา เพราะว่าภายในสวนนั้นร่มรื่น ถูกจัดวางตำแหน่งต่างๆได้น่าประทับใจ มีส่วนที่เป็นน้ำ ทำเป็นบึง มีสะพานเดินข้าม มีส่วนที่ทำเป็นสวนป่า ถนนภายในก็น่าวิ่ง น่ามาออกกำลังกาย แต่ที่ผมชอบใจมากๆ ก็คือภายในสวน มีภูเขาหินปูนอยู่ภายใน และภูเขาหินปูนเหล่านี้ก็มีถ้ำ ทั้งลักษณะที่เป็นถ้ำคล้ายหลุมยุบ มีช่องทางทะลุเข้าไปโถงด้านใน แบบเดียวกับถ้ำมรกตที่ทะเลตรังที่พอเราว่ายน้ำเข้าไปจะเจอถ้ำข้างใน แต่นี่แค่เดินลอดเข้าไป แล้วจะมีทางเดินเล็กๆ เข้าไปดูหินงอกหินย้อยภายในได้ ทุกวันนี้ เขาจะใช้ที่ถ้ำนี้ฝึกปีนผาหินกัน ใกล้กันจะมีประตูถ้ำที่ใหญ่ขนาดรถขับลอดไปมาได้
บริเวณแถวภูเขาหินปูนนี้จะมีลิงค่อนข้างมาก แต่ไม่เกเรกระโดดเกาะคอเรา แบบที่ศาลพระกาฬ ลพบุรี ผมไป "พังงา" ทีไร มักจะแวะมา ต้มกาแฟดื่มทุกที เพราะบรรยากาศในสวนนี้มันดีมาก ร่มรื่น เย็นสบาย ยังนึกเลยว่า ถ้าในสวนเบญจกิติของกรุงเทพ ถ้ามีภูเขาหินปูนแบบนี้อยู่ด้วย น่าจะดียิ่งขึ้น ใครไปแวะตัวเมืองพังงา อย่าลืมไปที่สวนแห่งนี้ครับ เห็นแล้วจะอยากมาวิ่งออกกำลังกายเลยแหละ
เส้นทางเดินชมภายในถ้ำที่สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์
จากสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์นี้ ขับรถย้อนเข้าไปในตัวเมือง จะเห็นเขาช้างอยู่ทางซ้ายมือ และทางเข้าไปถ้ำพุงช้างที่ผมเคยเขียนเล่าไปแล้ว ไปจนใกล้วงเวียนเขาตะปู ที่มีจวนผู้ว่าฯอยู่ใกล้ๆ ทางซ้ายมือ จะเห็นศาลากลางจังหวัดหลังเก่า อาคารหลังนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2473 (สมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7) เพื่อใช้เป็นศาลากลางจังหวัดพังงา ซึ่งที่ตะกั่วป่า จะมีอาคารศาลากลางแบบนี้อีกหลังหนึ่ง ปัจจุบันทางจังหวัดใช้ทำเป็นพิพิธภัณฑ์จังหวัด ยังไม่เคยเข้าไปดูข้างในสักที เลยเล่าให้ฟังไม่ถูก
ศาลากลางหลังเก่าหน้าภูเขาช้าง
ขับรถไปบนถนนสายเก่า ผ่านย่านชุมชนตัวเมือง "พังงา" มุ่งหน้าไปทางทิศเหนือ ออกนอกเมืองไปไม่มากจะเห็นสถานีตำรวจทางหลวง 1 (กองกำกับ 7) เยื้องกันจะเป็นทางเข้าวนอุทยานสระนางมโนราห์ เข้าไปตามทางเรื่อยๆ จนสุดทางที่ด่านตรวจของวนอุทยานพอดี (ซึ่งเขาจะเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมวันที่ 7 มิถุนายน 2565 นี้)
ที่นี่ เป็นรูปแบบของน้ำตกหินปูน ที่มีชั้นน้ำตกหลากหลายไหลตกลดหลั่นกันลงมาเป็นชั้นๆ โดยเฉพาะชั้นบนสุด จะเป็นอ่างขนาดใหญ่ น้ำใสแจ๋ว ที่นี่สามารถลงไปเล่นน้ำตกได้ทุกชั้น บรรยากาศโดยทั่วไปร่มรื่นมาก ยิ่งเป็นช่วงปลายฝนแต่ทางใต้ฝนยังลง อย่างเดือนพฤศจิกายน น้ำจะมีปริมาณมาก น้ำตกยิ่งสวยใหญ่ ถือเป็นน้ำตกที่อยู่ใกล้เมืองพังงาที่สุด
วนอุทยานสระนางมโนราห์
กลับออกไปทางที่จะไปภูเก็ต เลยสามแยกปั้ม ปตท.ไปไม่ไกลจะพบทางเข้าวัดสุวรรณคูหา หรือวัดถ้ำของชาว "พังงา" ในถ้ำนี้จะมีพระนอนองค์ใหญ่ และมีเพิงถ้ำหินปูนแต่ไม่สวยนัก เป็นถ้ำตายเสียส่วนใหญ่ ในช่วงที่เรายังไม่เจอกับโควิด ถ้ำนี้จะคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติจนแน่นไปหมด
จากวัดถ้ำให้เลี้ยวขวาไปตามทางเรื่อยๆ มุ่งหน้าที่วนอุทยานน้ำตกรามัญ เข้าไปเกือบสิบกิโล ทางก็จะไปสุดที่วนอุทยานน้ำตกรามัญ ที่นี่เป็นวนอุทยานเล็กๆ แต่มีป่าที่อุดมสมบูรณ์ มีลำห้วยสายหนึ่งไหลลดหลั่นลงมาจากเขา ตกลงมาเป็นชั้นน้ำตกเล็กๆ สูง 2-3 เมตร แต่ละชั้นห่างกัน แต่เขาจะมีทางเดินเลียบลำห้วยขึ้นไปเรื่อยๆ ไปแล้วเจอน้ำตกชั้นไหนที่อยากลงเล่น ลงแช่ก็ตามสบายเลย ที่นี่บรรยากาศร่มรื่นมาก แต่ก่อนเคยให้กางเต็นท์พักแรมได้ แต่ผมไปอีกทีเมื่อช่วงต้นปี 2565 เจ้าหน้าที่บอกว่าช่วงโควิด เขาเลย ไม่ให้พักแรม จริงเท็จอย่างไรก็สอบถามกันเองครับ
วัดสุวรรณคูหา
วนอุทยานน้ำตกรามัญ
อันที่จริง ยังมีแหล่งท่องเที่ยวรอบ "ตัวเมืองพังงา" อีกหลายที่ ทุกทิศทุกทาง เอาไว้โอกาสหน้าจะทยอยเอามาบอกเล่า มาเมืองพังงาทั้งที อย่าลืมแวะชิม ขนมจีนศาลเจ้า อยู่ในตัวเมืองพังงานั่นเอง ที่นี่มีน้ำยาหลากหลายชนิดตักเอง อยากได้แบบไหน แค่ไหน ตามใจชอบ และมีผักเคียงให้นับสิบอย่าง คนชอบผักไม่น่าพลาด เป็นเจ้าอร่อยของที่นี่เชียวแหละ ไปแล้วต้องแวะชิม ที่พักในตัวเมืองพังงาก็ราคาเบามาก 500-700 บาทนี่อย่างดีเลย
สารพัดผักของร้านขนมจีนศาลเจ้า ในตัวเมืองพังงา
ที่เรามานี้อยู่ในรัศมีในเมืองตัวเมืองพังงาทั้งนั้น ผมถึงบอกว่าไปถึงพังงาแล้วก็อยากให้แวะพักนอนสักคืน แล้วจะรู้ว่า อันนี่จริง "พังงา" ไม่ใช่เมืองผ่าน หากแต่เป็นเมืองที่ต้องแวะต่างหาก
นอน "พังงา" สักคืน แล้วจะติดใจ...