รู้จักเส้นทาง "รถไฟลาว-จีน" พร้อมวิธีจองตั๋ว "เที่ยวลาว" 2565
เส้นทาง "รถไฟลาว-จีน" หลังเปิดบริการไม่นานแต่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม นักท่องเที่ยวชาวไทยสนใจเดินทางด้วยรถไฟสายนี้ไป "เที่ยวลาว" มากขึ้น ชวนรู้ที่มาและความสำคัญ "รถไฟลาว-จีน" พร้อมส่องวิธีจองตั๋วรถไฟใหม่สายนี้
ฮอตฮิตติดลมบนไปแล้วสำหรับเส้นทางรถไฟลาว-จีน ที่ขาเที่ยวชาวไทยกำลังให้ความสนใจอย่างมากในช่วงนี้ แม้เป้าหมายหลักของเส้นทางรถไฟสายนี้มีขึ้นเพื่อเชื่อมโยงการค้าระหว่างจีนและลาว แต่ขณะเดียวกันก็ได้รับผลพลอยด้านการท่องเที่ยวลาวไปด้วยในตัว
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ชวนขาเที่ยวที่อยากลองนั่งรถไฟสายเวียงจันทน์ - บ่อเต็น ของ สปป.ลาว มารู้จักที่มาและความสำคัญของรถไฟสายนี้ให้มากขึ้น อีกทั้งการท่องเที่ยวด้วยรถไฟใหม่สายนี้ นอกจากจะได้ชมวิวทิวเขาสุดอลังการแล้ว ยังเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางได้รวดเร็วเพียงไม่กี่ชั่วโมง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
"รถไฟลาว-จีน" ที่มาภาพ : Laos - China Railway Company Limited
- รู้จัก รถไฟลาว-จีน เชื่อมโยงเศรษฐกิจการค้า
สำหรับเส้นทางรถไฟลาว-จีน เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการไปแล้วตั้งแต่เดือนธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา ใช้งบในการก่อสร้าง 5,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.99 แสนล้านบาท) เป็นส่วนหนึ่งของระเบียงเศรษฐกิจจีน-อินโดจีน ภายใต้โครงการ "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" (Belt and Road Initiative : BRI) ที่รัฐบาลจีนมุ่งเชื่อมโยงกับกว่า 70 ประเทศทั่วทั้งเอเชีย แอฟริกา และยุโรป
"รถไฟลาว-จีน" ที่มาภาพ : Laos - China Railway Company Limited
ขณะเดียวกันก็ผนวกกับยุทธศาสตร์ของ "ลาว" ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงตนเองจากประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล ให้กลายเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อทางบก เชื่อมต่อระหว่างกรุงเวียงจันทน์ ประเทศลาว กับ "นครคุนหมิง" เมืองเอกของมณฑลยูนนาน ประเทศจีน
แม้ว่าในช่วงแรกเส้นทางรถไฟสายนี้จะถูกใช้เพื่อขนส่งสินค้าเป็นหลัก แต่ต่อมาเมื่อสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย มีการเปิดให้เดินทางข้ามประเทศได้ ทำให้เส้นทางรถไฟสายนี้นอกจากจะใช้เชื่อมความร่วมมือทางเศรษฐกิจของลาว-จีน แล้ว ยังสามารถเชื่อมการท่องเที่ยวระหว่างจีน ลาว และประเทศต่างๆ ในกลุ่มอาเซียนเพิ่มมากขึ้นด้วย
- เส้นทางรถไฟใน "ลาว" มีกี่สถานี? อะไรบ้าง?
เส้นทางรถไฟลาว-จีน มีทั้งหมด 32 สถานี แต่ในปัจจุบันนี้ เปิดให้บริการด้านท่องเที่ยวแล้วทั้งหมด 6 สถานี ในฝั่งลาว นั่นคือ เฉพาะเส้นทาง "นครหลวงเวียงจันทน์ - บ่อเต็น" โดยใช้เวลาเดินทางเพียง 4 ชั่วโมง 20 นาทีเท่านั้น เทียบกับเมื่อก่อนถ้าต้องเดินทางจากเวียงจันทน์ไปบ่อเต็น (600 กม.) จะต้องเดินทางโดยรถยนต์และใช้เวลานานถึง 13 ชั่วโมงเลยทีเดียว
"รถไฟลาว-จีน" ที่มาภาพ : Laos - China Railway Company Limited
สำหรับสถานีรถไฟสายนี้ เฉพาะในฝั่งลาวมีด้วยกัน 6 สถานี ได้แก่
- สถานีเวียงจันทน์ Vientiane
- สถานีโพนโฮง Phon Hong
- สถานีวังเวียง Vang Vieng
- สถานีหลวงพระบาง Luang Prabang
- สถานีเมืองไซ Meuang Xay
- สถานีบ่อเต็น Bo Ten
ส่วน ระยะเวลาเดินทางจากนครหลวงเวียงจันทน์ ไปยังสถานีปลายทางหลักๆ ยอดนิยม ใช้ระยะเวลาเดินทาง ดังนี้
- เวียงจันทน์ - วังเวียง ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 5 นาที ราคาประมาณ 500 บาท (ตั๋วชั้น1)
- เวียงจันทน์ - หลวงพระบาง ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 50 นาที ราคาประมาณ 957 บาท (ตั๋วชั้น1)
- เวียงจันทน์ - บ่อเต็น ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง 20 นาที ราคาประมาณ 1,618 บาท (ตั๋วชั้น1)
ล่าสุด.. มีข้อมูลจากเพจ "Laos - China Railway Company Limited" ได้อัปเดตตารางเดินรถไฟลาว-จีน วันที่ 1-3 ก.ค. 2565 มีการแจ้งเพิ่มบริการเที่ยวเดินทาง ระบุว่า
"ถึงผู้โดยสารทุกคน : บริษัทรถไฟลาว-จีนได้คำนึงถึงความต้องการของผู้โดยสาร เพื่อให้มีรถไฟเพียงพอสำหรับขนส่งผู้โดยสารภายในประเทศและนักท่องเที่ยวไปยังประเทศลาว เราจึงได้เปิดตัวบริการรถไฟโดยสาร EMU C92 / 1 ซึ่งจะวิ่งจากสถานี "นครหลวงเวียงจันทน์" ไปยังสถานี "หลวงพระบาง" ดังนี้
รถไฟ C92 : ออกจากสถานี "นครหลวงเวียงจันทน์" เวลา 08:30 น. และมาถึงสถานี "หลวงพระบาง" เวลา 10:20 น.
รถไฟ C91 : ออกจากสถานี "หลวงพระบาง" เวลา 10:50 น. ถึงสถานี "เวียงจันทน์" เวลา 13:05 น."
- วิธีจองตั๋วรถไฟลาว-จีน (เฉพาะสถานีฝั่งลาว) ทำอย่างไร?
สำหรับวิธี "จองตั๋วรถไฟลาว-จีน" เส้นทางใหม่ล่าสุดนั้น มีการแชร์ข้อมูลจากเจ้าของกระทู้ที่ใช้ชื่อว่า "Lady Oscar" ผ่านเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ซึ่งระบุเอาไว้ดังนี้ (อัปเดต ณ เมษายน 2565)
สถานีนครเวียงจันทน์ เป็นสถานีต้นทางของเส้นทางรถไฟลาว-จีน ที่อยู่ใกล้ประเทศไทยมากที่สุด โดยอยู่ห่างจาก "ด่านท่านาแล้ง" (สถานีรถไฟสายหนองคาย-เวียงจันทน์) ประมาณ 22 กิโลเมตร วิธีการซื้อตั๋วและข้อควรรู้ ได้แก่
"รถไฟลาว-จีน" ที่มาภาพ : Laos - China Railway Company Limited
- ต้องซื้อตั๋วรถไฟแบบ Walk in หน้าเคาน์เตอร์เท่านั้น ไม่มีการขายตั๋วออนไลน์ โดยเข้าไปซื้อในสถานีได้เลย เคาน์เตอร์ขายตั๋วอยู่ด้านขวามือ
(หมายเหตุ : ทีมข่าวสำรวจพบว่า นักท่องเที่ยวสามารถซื้อผ่าน Agency ขายตั๋วออนไลน์เจ้าต่างๆ ได้อีกทางหนึ่ง)
- เคาน์เตอร์ขายตั๋ว เปิดขายตั๋วเวลา 6:50-10:00 น., 14:30-16:30 น. และ 20.00-22:00 น. ควรไปถึงเคาน์เตอร์ก่อนเวลา
- ซื้อตั๋วล่วงหน้าได้แค่ 3 วันก่อนเดินทางเท่านั้น เช่น จะไปหลวงพระบางวันที่ 13 ซื้อตั๋วได้ตั้งแต่วันที่ 11 ถ้าจะกลับวันที่ 15 ซื้อตั๋วขากลับได้ตั้งแต่วันที่ 13 เป็นต้น
- 1 คน สามารถซื้อตั๋วได้สูงสุด 3 ใบเท่านั้น หากต้องการเดินทาง 4 คน จะต้องมีคนไปซื้อตั๋ว 2 คน เป็นต้น
- การซื้อตั๋วใช้เงินสดที่เป็น "สกุลเงินกีบ" เท่านั้น ไม่รับบัตรเครดิตและสกุลเงินอื่นทั้งสิ้น
- เตรียมเอกสารของผู้เดินทางทั้งหมดไปด้วย คือ พาสปอร์ตและหลักฐานการฉีดวัคซีนของผู้โดยสารทุกคน ตอนซื้อตั๋วสามารถใช้รูปภาพได้ แต่เวลาขึ้นรถไฟจริงๆ ให้ใช้เอกสารตัวจริงเท่านั้น
- ควรไปก่อนเวลาที่รถไฟจะออกอย่างน้อย 1 ชั่วโมง ประตูขึ้นรถไฟปิดก่อนเวลาเดินทาง 7 นาที
- เมื่อขึ้นรถไฟแล้วเก็บตั๋วให้ดี เพราะมีการตรวจตั๋วก่อนออกจากสถานีด้วย
- รถไฟประเภท EMU จะมีที่นั่ง 3 รูปแบบให้เลือก คือ ชั้นธุรกิจ (ราคาแพงที่สุด), ชั้น 1 (ราคารองลงมา), ชั้น 2 (ราคาถูก) อยู่ในขบวนเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีรถไฟประเภทธรรมดา (ราคาถูกที่สุด) บริการด้วย
- ขบวน EMU ทุกที่นั่งมีปลั๊กเสียบ ชาร์ทโทรศัพท์ได้ อยู่ใต้ที่นั่ง
- ขณะนี้ประเทศจีนยังไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้า สถานีสุดท้ายคือ "สถานีบ่อเต็น"
----------------------------------------
อ้างอิง : ฝ่ายนโยบายโครงสร้างเศรษฐกิจ ธนาคารแห่งประเทศไทย, travel.trueid, bbc/thai, Laos - China Railway Company Limited, wonderfulpackage