“สุวัจน์”เปิดงานแสดงโขนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ
“สุวัจน์”เปิดงานแสดงโขนเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565 ณ ลานโอเปร่า ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรารี
เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2565 เวลา 18.00 น. นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒา อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดการแสดงโขนเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565
โดยมี นายประเสริฐ บุญชัยสุข นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา นายทูลทองใจ ซึ่งรัมย์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยนาฏศิลปนครราชสีมา นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา อดีตรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ผู้อำนวยการศูนย์ตนโคราชรักจริงไม่ทิ้งกัน นายวัชรพล โตมรศักดิ์ส.ส.นครราชสีมา เขต 2 พรรคชาติพัฒนา พร้อมพี่น้องประชาชนชาวโคราชจำนวนมาก
นายสุวัจน์ กล่าวว่า โขนเป็นการแสดงวัฒนธรรมชั้นสูงของไทย ประกอบด้วยศิลปะอันเป็นมรดกสำคัญของชาติ ได้แก่วรรณกรรม วรรณศิลป์ ดุริยางค์ศิลป์ หัตถศิลป์และคีตศิลป์ จึงนับได้ว่าโขน เป็นศิลปะทางการแสดง ที่มีคุณค่าและมีอิทธิพลทางวัฒนธรรมหลายรูปแบบของไทย
แสดงถึงประเทศที่มีอารยธรรมอันสูงส่ง สามารถอนุรักษ์และสืบทอดให้คงอยู่จนถึงปัจจุบัน โดยได้รับการอุปถัมภ์และเชิดชูจากสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งปรากฏอย่างชัดเจนจากการแสดงโขนพระราชทานจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปี ซึ่งแสดงเป็นประจำทุกปี ตั้งแต่ พ.ศ.2552 สืบมา
“ผมต้องขอขอบคุณท่านผู้อำนวยการวิทยาลัยนาฏศิลปนครราชสีมา ซึ่งเป็นศูนย์ประสานงาน ในการแสดงครั้งนี้ โดยได้รับความร่วมมือจาก สำนักการสังคีต และวิทยาลัยนาฏศิลปร้อยเอ็ด ที่ได้ร่วมพลังวิทยาลัยนาฏศิลปนครราชสีมา ในการจัดโขนเฉลิมพระเกียรติในครั้งนี้”
นายสุวัจน์ กล่าวว่า โขนเป็นความภาคภูมิใจของประชาชนชาวไทย เพราะปัจจุบันนี้ โขนเป็นการแสดงขั้นสูงสุด และได้รับการยอมรับจากยูเนสโก ถือว่าเป็นมรดกทางภูมิปัญญาของวัฒนธรรม ของมนุษยชาติ แสดงว่าได้รับการยอมรับจากประชาคมโลก ทุกท่านต้องชื่นชม กับโขน ถือว่าเป็นมรดกอันยิ่งใหญ่ที่พวกเราต้องรักษาและสืบสานการแสดงโขนต่อไป เพื่อเป็นความภูมิใจของพี่น้องประชาชน
“ผมคิดว่าประเทศไทย มีความอุดมสมบูรณ์ ทางด้านวัฒนธรรม จังหวัดนครราชสีมา เราก็มีวิทยาลัยนาฏศิลปเกิดขึ้นซึ่งวัตถุประสงค์และการจัดตั้งเกิดขึ้นในสมัยอดีตท่านพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ท่านได้เร่งเห็นความสำคัญของการอนุรักษ์ทางด้านวัฒนธรรม และได้ริเริ่มการจัดตั้งวิทยาลัยนาฏศิลปจังหวัดนครราชสีมา
เราต้องภาคภูมิใจกับวิทยาลัยนาฏศิลป จังหวัดนครราชสีมา ได้มีส่วนสำคัญในการช่วยทะนุบำรุง รักษาวัฒนธรรมต่างๆ เอาไว้ ซึ่งวัฒนธรรมของเราก็มีมากมาย เช่น ดนตรีวงโยธวาทิต ที่เป็นลูกหลานของเรามาแสดง ตั้งแต่วงโคกกรวด และวงบุญวัฒนา และความภาคภูมิใจวงสุรนารี , วงราชสีมาวิทยาลัย ถือเป็นความยิ่งใหญ่ทางวัฒนธรรมอีกแขนงหนึ่ง”
นายสุวัจน์ กล่าวด้วยว่า เมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา ศิลปินของโคราชที่สืบสานตำนานของเพลงโคราช มาอย่างยาวนาน “กำปั่น บ้านแท่น” ก็ได้รับการประกาศยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติ ถือเป็นการยกย่องและเชิดชูเกียรติ หรือพอพูดถึงกีฬา เราก็สืบสานตำนานศิลปะมวยไทย มวยไทยโคราช อยู่ที่บ้านรังกาใหญ่ อำเภอพิมาย เป็นมวยไทยคาดเชือก ไม่ใส่นวม ใช้ด้ายพันมือ แล้วเอาไปชุบแป้งให้แข็งเพื่อต่อยจะมีน้ำหนัก มือไม่เจ็บ เราชาวโคราชได้รักษาและอนุรักษ์ไว้ จนถึงทุกวันนี้ ถือว่าเป็นพลังทางวัฒนธรรม เป็น Soft Power
ยิ่งวันนี้เรามีวิกฤติเศรษฐกิจ เราก็ต้องฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจไปให้ได้ และต้นทุนหนึ่งที่สำคัญที่จะฝ่าวิกฤตไปได้ก็คือ การใช้ต้นทุนทางวัฒนธรรม ใช้ Soft Power เรื่องการท่องเที่ยวถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ และเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจได้เร็วที่สุด และนักท่องเที่ยวนิยมชมชอบจังหวัดที่มีเอกลักษณ์วัฒนธรรม อย่างโคราช
“ผมว่าเป็นจังหวัดที่มีเอกลักษณ์ ตั้งแต่ผ้าไหมโคราชก็เป็นวัฒนธรรม อาหารของโคราชก็เป็นวัฒนธรรม มวยโคราช ลิเก เพลงโคราช ก็เป็นวัฒนธรรม ดนตรีที่เด็กๆ แสดง ก็เป็นวัฒนธรรม โขนก็เป็นวัฒนธรรม หรือแม้กระทั่งเรามีมรดกโลก ที่เขาใหญ่ มีแหล่งพื้นที่สงวนชีวะมณฑล สแกราช ที่ปักธงชัย ที่ยูเนสโกให้การรับรองและเดือนกันยายนนี้ถ้าเราโชคดีเราอาจจะได้รับการรับรองเป็น “อุทยานธรณีโลก” อันนี้ก็จะสร้างความยิ่งใหญ่ และความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ บวกกับวัฒนธรรมที่พี่น้องชาวโคราช และบรรพบุรุษที่ได้รักษาเอาไว้จะเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ ในการกอบกู้เศรษฐกิจของประเทศ หลังสถานการณ์โควิด
ขอให้พวกเรา มีความภาคภูมิใจ กับวัฒนธรรมของเรา ช่วยกันรักษา และส่งเสริม เพื่อเป็นสิ่งหล่อหลอม ความรัก ความผูกพัน ระหว่างพี่น้องประชาชน และเป็นพลังในการพัฒนาเศรษฐกิจ ในจังหวัดนครราชสีมา ให้มีความเจริญยังยืน สืบไป”นายสุวัจน์ กล่าว