ส่อง 6 กิจวัตรเบื้องหลังความ "รวย" ที่ "มหาเศรษฐีระดับโลก" ชอบทำเหมือนๆ กัน
สงสัยกันไหมว่า "มหาเศรษฐีระดับโลก" วันๆ เขาทำอะไรกันบ้าง ? ชวนส่อง 6 กิจวัตรเบื้องหลังความ "รวย" ที่มหาเศรษฐีชอบทำเหมือนๆ กัน อย่างมีนัยสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น อีลอน มัสก์, เจฟฟ์ เบโซส์, บิล เกตส์, วอร์เรน บัฟเฟตต์, ทิม คุก และ มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก
พอพูดถึงคนที่ "ประสบความสำเร็จ" ในหน้าที่การงาน และมีอิสรภาพทางการเงินจนขึ้นแท่นระดับ "เศรษฐี" สิ่งหนึ่งที่เป็นเบื้องหลังความสำเร็จที่คนมักจะพูดถึงคือความสามารถใน "การบริหารเวลา" ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
พูดแบบนี้แล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่า "คนรวย" หรือ "มหาเศรษฐีระดับโลก" วันๆ เขาทำอะไรกันบ้าง แล้วคนรวยเหล่านี้ใช้ชีวิตต่างกับคนทั่วไปหรือไม่
สิ่งที่น่าสนใจคือในซ่อนอยู่ในบทสัมภาษณ์ต่างๆ ของเศรษฐีระดับโลกคือพบว่าพวกเขามีพฤติกรรมบางอย่างที่คล้ายๆ กันอย่างมีนัยสำคัญ
"กรุงเทพธุรกิจออนไลน์" ชวนไปดูกิจกรรมหลักๆ ในชีวิตที่เศรษฐีระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น "อีลอน มัสก์" เจ้าของ Tesla และธุรกิจยานอวกาศ SpaceX เจ้าของแชมป์รวยที่สุดโลกปี 2022, "เจฟฟ์ เบโซส์" ก่อตั้ง Amazon อี-คอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ ครองตำแหน่งมหาเศรษฐีอันดับ 2 ของโลก (2022), "บิล เกตส์" ผู้ก่อตั้ง Microsoft มหาเศรษฐีอันดับ 4 ของโลก (2022), "วอร์เรน บัฟเฟตต์" คุณปู่นักลงทุนสาย VI ที่ประสบความสำเร็จระดับโลก ติดโผมหาเศรษฐีโลกอันดับที่ 5 (2022), "ทิม คุก" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนปัจจุบันของบริษัทแอปเปิล, "มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก" ผู้ก่อตั้ง Meta (ชื่อบริษัทใหม่ของ Facebook) กับเรื่องที่พวกเขาเหล่านี้ทำเป็นประจำ
- อ่านหนังสือเยอะ
ไม่ว่าจะอ่านบทสัมภาษณ์ของมหาเศรษฐีจากสื่อไหน "การอ่านหนังสือ" ก็มักจะถูกพูดถึงจากคนกลุ่มนี้เสมอ เช่น บัฟเฟตต์ ที่บอกว่าเขามักจะอ่านหนังสือให้ได้วันละ 500 หน้า เช่นเดียวกับ บิล เกตส์ ที่อ่านหนังสืออย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 เล่ม หรือราวเดือนละ 4 เล่ม
สิ่งที่ทำให้กลุ่มคนเหล่านี้ใช้เวลาไปกับการอ่านหนังสือ เพราะการอ่านหนังสือคือการลงทุนในตัวเองที่คุ้มค่า ซึ่งนอกจากจะช่วยให้มีความรู้ใหม่ๆ มากขึ้นแล้ว บางครั้งการอ่านหนังสือที่ไม่จริงจังหรือไม่เกี่ยวกับงานที่ทำอยู่ เช่น นิยาย หนังสืออ่านเล่นสนุกๆ ก็ยังช่วยแต่งแต้มจินตนาการ การสะสมความรู้ที่หลากหลายจะเป็นคลังสมองสำคัญที่สามารถนำมาต่อยอดได้ทันทีเมื่อจำเป็น
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
เมื่อพูดถึง "การออกกำลังกาย" หลายคนก็รู้สึกทันทีว่า "ไม่มีเวลา" แต่ในทางกลับกัน CEO มหาเศรษฐีทั้งหลายต่างให้เวลากับการดูแลสุขภาพ ออกกำลังกายอย่างจริงจังและสม่ำเสมอจนกลายเป็นกิจวัตรประจำวัน เพราะพวกเขามองว่า "ร่างกาย" เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด และไม่สามารถหาอะไรมาทดแทนได้
ที่เห็นได้ชัดเจนคือ CEO Meta อย่างมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก หาเวลาไปวิ่งออกกำลังกายสม่ำเสมอ โดยมีเป้าหมายของเขาคือการวิ่งให้ได้ 365 ไมล์ ในหนึ่งปีหรือวิ่งให้ได้วันละ 1 ไมล์ ขณะที่ อีลอน มัสก์ เลือกที่จะออกกำลังกาย 30 นาที หลังทำกิจวัตรยามเช้าเพื่อเตรียมตัวเองให้พร้อมกับการทำงานในทุกเช้า
แม้แต่ บิล เกตส์ ก็ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ ในทุกๆ เช้าเขาจะใช้เวลาอยู่บนลู่วิ่งประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนรับประทานอาหารเช้า โดยระหว่างที่ออกกำลังกายก็จะใช้เวลาเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จากวิดีโอต่างๆ ไปด้วย
- ตื่นเช้า และนอนให้เพียงพอ
อีกหนึ่งสิ่งที่มหาเศรษฐีทุกคนทำเป็นเรื่องปกติ คือ "พักผ่อนเต็มที่" และ "ตื่นเช้า" เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับทุกภารกิจ เช่น ทิม คุก จะตื่นตั้งแต่ตี 4 และจะเข้านอนตอน 4 ทุ่มตรงของทุกวัน ไม่ให้งานมาเบียดเบียนเวลาพักผ่อน
ส่วน บัฟเฟตต์ ก็เคยให้สัมภาษณ์ในรายการทีวี PBS News Hour ว่าเขา "รักการนอนหลับ" โดยจะตื่นนอนช่วง 6.45 น. และเข้านอน 22.45 น. ทุกวันเพื่อพักผ่อนให้ครบ 8 ชั่วโมง
ด้าน เจฟฟ์ เบโซส์ เองก็บอกว่าเขาต้องนอนหลับให้ได้ถึง 8 ชั่วโมงทุกคืน แถมยังมีเรื่องเม้าท์ว่า เขาเอาถุงนอนเข้าไปไว้ในออฟฟิศ เพื่อใช้ในการงีบขณะที่ทำงานเหนื่อยในบางวันอีกด้วย เพราะเบโซส์ เชื่อว่าการนอนหลับเป็นวิธีการที่ดีในการใช้รับมือกับความเครียดและการทำงานหนักได้อย่างดี
- ลิสต์สิ่งที่ควรและไม่ควรทำ
ทุกคนมีเวลาที่จำกัด คนที่บริหารเวลาได้ดีจึงมีโอกาสสำเร็จมากกว่า และนี่แหละคือเคล็ด(ไม่)ลับของมหาเศรษฐี พวกเขาเลือกใช้เวลาไปกับสิ่งที่สำคัญที่สุดก่อนเสมอ และมีการจัดลำดับความสำคัญของงานที่ค่อนข้างชัดเจน เพื่อให้มีเวลาในการทำงานได้อย่างเต็มที่ และมีประสิทธิภาพมากที่สุด
นอกจากสิ่งที่ควรทำแล้ว มหาเศรษฐีเหล่านี้ยังมองไปถึงในสิ่งที่ไม่ควรทำหรือไม่จำเป็นในชีวิตอีกด้วย เช่น มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก, ทิม คุก พวกเขาเลือกที่จะแต่งตัวด้วยชุดคล้ายๆ เดิมทุกวัน เพื่อไม่ต้องเสียเวลาไปกับการเลือกชุด ที่สามารถใช้เวลาตรงนี้ไปทำอย่างอื่นได้
- ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ
แม้มหาเศรษฐีเหล่านี้จะรำ่รวยจากการทุ่มเทกายใจให้กับการทำงาน ทำธุรกิจ และพัฒนาตัวเอง แต่ก็ไม่ได้เคร่งเครียดอยู่ตลอดเวลา พวกเขา "ให้เวลาตัวเอง" "พักผ่อน" และหาเวลา "ทำสิ่งที่ชอบ" เสมอ เพื่อทำให้มีความสุขอยู่ตลอดเวลา เพราะพวกเขามองว่าสุขภาพจิตมีความสำคัญไม่แพ้สุขภาพกาย และสุขภาพที่ดีนี้เองจะเป็นต้นทุนที่ดีในการสร้างเงิน เช่น คุณปู่บัพเฟตต์ ที่มักจะหาเวลามาผ่อนคลายด้วยการเล่นเครื่องดนตรีชิ้นโปรดอย่างอูคูเลเล่ หรือ อีลอน มัสก์เองก็หาเวลาว่างจากการทำงานมาผ่อนคลายด้วยการเล่นทวิตเตอร์ จิบไวน์ ฟังเพลงจากแผ่นเสียง
แม้ความรวยจะไม่มีสูตรสำเร็จ แต่พฤติกรรมเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าคนรวยให้ความสำคัญกับอะไรในชีวิตบ้าง และนี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับเศรษฐีหน้าใหม่ก็ได้