ถอดความคิด “StoneHill” สนามกอล์ฟของ “สารัชถ์ รัตนาวะดี” แห่งอาณาจักร GULF
วิธีคิด 3 ข้อ สู่รายละเอียดกว่าจะเป็น “StoneHill” สุดยอดสนามกอล์ฟชั้นนำของไทยและภูมิภาค ที่มาจากความหลงใหลของ “สารัชถ์ รัตนาวะดี” เจ้าของอาณาจักรกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี (GULF) มหาเศรษฐีแถวหน้าเมืองไทย
หลายปีที่ผ่านมา ชื่อของ “สารัชถ์ รัตนาวะดี” คุ้นหูคนไทยอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะเขาคือประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) กลุ่มพลังงานที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศและภูมิภาค ทั้งติดอันดับบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศไทย จากการจัดอันดับแบบเรียลไทม์ The World’s Real-time Billionaires โดยนิตยสาร Forbes ด้วยตัวเลขความมั่งคั่งกว่า 420,000 ล้านบาท ทั้งยังเป็นแชมป์ เศรษฐีหุ้นไทยเมื่อปี 2564 จากราคาหุ้นของ GULF ที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อปี 2560
สารัชถ์เกิดปี 2508 จบการศึกษาที่โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย ก่อนจะเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สารัชถ์นั้น มีบุคลิกสันโดษ หลีกเลี่ยงงานสังคม เห็นได้จากการแทบไม่มีภาพถ่ายปรากฏในสื่อสังคม และไม่ค่อยให้สัมภาษณ์เรื่องส่วนตัว แต่สิ่งหนึ่งที่คนใกล้ชิดรู้เสมอคือเขาเป็นคนที่หลงใหลการเล่นกอล์ฟ และความชอบที่ว่านี้ นำมาสู่การสร้างสนามกอล์ฟ StoneHill ย่าน จ.ปทุมธานี ที่สารัชถ์ ในฐานะประธาน บริษัท สโตนฮิลล์ เอสเตท จำกัด อยากให้เป็นมากกว่าการเล่นกอล์ฟ แต่คือแลนด์มาร์คใหม่ด้านกีฬาและการท่องเที่ยวและเป็นเหมือนศูนย์รวมและจุดมุ่งหมายของผู้คน
สารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ GULF ในวันเปิดตัว StoneHill Golf Club
- หลักการ 3 ข้อ สู่สนามกอล์ฟที่ดีที่สุด
สนามกอล์ฟ Stone Hill club จ.ปทุมธานี เป็นสนามกอล์ฟมาตรฐาน 18 หลุม โดยสารัชถ์ เล่าที่มาของการสร้างสนามแห่งนี้ว่า มาจากความตั้งใจของตัวเองที่อยากทำสนามกอล์ฟดีๆมานาน นั่นเพราะสนามกอล์ฟระดับโลก ที่เป็นระดับ Championship ในเมืองไทยมีไม่มาก ไม่เหมือนในต่างประเทศที่มีจำนวนมาก และจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง ที่จะเป็นที่เชิดหน้าชูตาของประเทศ
“หลักการ 3 ข้อที่ผมให้โจทย์กับทีมงานในการจัดหาสถานที่ เพื่อสร้างสนามแห่งนี้ คือ 1. ต้องไม่ไกลจากกรุงเทพฯ 2.เมื่อมาจากกรุงเทพฯแล้วต้องไม่เจอไฟแดง และ 3.ต้องอยู่ใกล้แหล่งน้ำ”
“ย้อนไปเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว เราและทีมงานจึงได้ทำการสำรวจหาพื้นที่ โดยจะต้องเป็นพื้นที่ไม่ไกลจากกรุงเทพ เรามองหาทั้งที่ถนนบางนา-ตราด มีสนามกอล์ฟเยอะ และเป็นพื้นที่อุตสาหกรรม ทำให้การตีกอล์ฟไม่ได้ธรรมชาติเท่าไหร่ ประกอบกับไม่มีน้ำใช้ เพราะแม่น้ำบางปะกองเป็นน้ำกร่อย และจะเกิดปัญหาเรื่องน้ำเค็มเมื่อน้ำทะเลหนุนสูง จึงไม่ได้เลือก นอกจากนี้ได้ไปดูพื้นที่แถวคลองหก ปทุมธานี ที่มีสนามกอล์ฟเยอะเช่นกัน แต่ก็พบว่ามีปัญหาเรื่องการจรจาจร รถติดมาก จึงไม่เหมาะ”
“เมื่อพิจารณาจากหลักการทั้งหมด เราเลือกที่ตำบลเชียงรากน้อย อำเภอเชียงราก จังหวัดปทุมธานี เนื่องจากไม่ไกลจาก กรุงเทพฯ ลงทางด่วนแล้วถึงเลย ถือว่าเดินทางสะดวก อีกทั้งยังใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งสามารถนำน้ำคุณภาพดีมาใช้ภายในสนามได้ และโดยรวมเหมาะสำหรับการจัดการแข่งขันกอล์ฟทัวร์นาเมนต์ใหญ่ระดับโลกได้” สารัชถ์ อธิบายการเลือกที่ตั้ง Stone Hill club
- กว่าจะเป็น StoneHill
Stonehill ได้รับการออกแบบโดยนักออกแบบสนามกอล์ฟอย่าง Kyle Phillips (ไคล์ ฟิลลิปส์) ร่วมด้วยสถาปนิกชื่อดังจากบริษัท Hart Howerton ชาวอเมริกันอย่าง Timothy Slattery (ทิโมตี้ สแลทเทอรี่) โดยในการออกแบบนี้ทั้งสองคนต่างมองถึงจุดเดียวกันว่าต้องการจะสร้างสถานที่แห่งนี้ให้เป็นจุดหมายระดับโลก และเป็นสถานที่ที่สะท้อนถึงอุดมคติและรสนิยมของผู้ที่มาเยือน
ขณะเดียวกันการออกแบบ Stonehill นั้นจะต้องเสริมสร้างความท้าทายให้กับผู้เล่น และจะต้องช่วยให้ผู้เล่นแต่ละคนได้สัมผัสถึงความยิ่งใหญ่ของผืนดินได้อย่างเต็มที่
“เรามองหาดีไซน์เนอร์ ทั้งชาวไทย และต่างชาติหลายคน จนกระทั่งได้ ไคล์ ฟิลลิปส์ ซึ่งเคยออกแบบสนามกอล์ฟที่แคลิฟอร์เนีย ซึ่งมีสภาพอากาศคล้ายเมืองไทย ร่วมกับสถาปนิกชื่อดังชาวอเมริกัน ทิโมตี้ สแลทเทอรี่ สนามแห่งนี้ได้รับการออกแบบให้มีบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ ในการก่อสร้างมีการเคลื่อนย้ายดินกว่า 3 ล้านคิว ที่มาปั้น slove แฟร์เวย์และกรีนให้ได้ธรรมชาติมากที่สุด”
“ ชื่อ StoneHill มาจาก เราย้ายดินจำนวนมากถึง 3 ล้านคิว สูง 14 เมตร และในส่วน Club House เอง ก็ใช้หิน limestone มาก่อสร้างทั้งหมด”
นอกจากนี้สนามยังทำเนินสูงกว่า 14 เมตร สามารถป้องกันน้ำท่วมได้ 40-50 ปี เราใช้เวลาในการก่อสร้าง 4-5 ปี ทั้งๆที่จริงๆ ควรใช้เวลาปีกว่าก็ควรเสร็จ แต่เพราะมีพื้นที่เยอะ และต้องการให้ดีไซเนอร์ ออกแบบเต็มที่ บนพื้นที่กว่า 950 ไร่ มีระยะตีไกลสุด 7,800 หลา ถือว่าท้าทายมากสำหรับนักกอล์ฟ
- ความหลงใหลของเศรษฐีผู้รักกอล์ฟ
พื้นที่กว่า 950 ไร่ของ Stonehill ทำให้สามารถแบ่งพื้นที่เพื่อสร้างสรรค์ Community ในการรองรับผู้มาใช้บริการได้อย่างหลากหลาย อาทิ มีร้านอาหารมีทั้งหมด 2 ร้าน คือ Ubuntu และ Rock Creek รวมทั้งบาร์อย่าง Firefly ซึ่งแต่ละร้านจะมีลักษณะและเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเฉพาะตัว โดยได้รับแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมที่แตกต่างกันของผู้คนในแต่ละพื้นที่ นอกจากนี้ยังมี The Pavilion สถานที่สำหรับการเฉลิมฉลองทุกรูปแบบ ในห้องจัดเลี้ยงที่มีขนาดกว้างขวาง
ความใส่ใจของสารัชถ์ ไม่ได้จำกัดเฉพาะการก่อสร้างและพื้นที่ใช้สอยเท่านั้น แต่ยังลงรายละเอียดไปถึงพื้นหญ้าสนามที่เป็นอีกหัวใจของสนามกอล์ฟ โดยได้นำหญ้านวลน้อยหลากหลายสายพันธุ์มาใช้ เพื่อให้เหมาะกับสภาพอากาศ คลุมทั้งบริเวณทีออฟ, แฟร์เวย์ และกรีน ทำให้กลายเป็นสนาม “โมเดิร์น กอล์ฟ คอร์ส” ตามยุคสมัย ตามความสามารถ และความแข็งแกร่งของนักกอล์ฟระดับโลก
“สนามกอล์ฟที่ดีสามารถสร้างได้ครั้งเดียว และสนาม Stonehill แห่งนี้ ใช้เงินลงทุนมากพอสมควร เราจึงได้ออกแบบมาให้มีความสมบูรณ์แบบที่สุด มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน จุดเด่นของสนามอยู่ที่หลุมที่ 17 พาร์ 5 ที่เป็น signature Hole เป็นการตีลงเนิน และมีสะพานข้าม เป็นสัญลักษณ์ของสนาม ที่มีความสวยงาม และมีความยาก ถือเป็นเสน่ห์ของสนาม และเชื่อว่าเป็นสนามที่ดีที่สุดในประเทศไทย รวมทั้งมีโอกาสเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย”
สำหรับสนาม Stonehill แห่งนี้จะถูกใช้เป็นสนามประลองดวลสวิงของ 48 โปรกอล์ฟชั้นนำระดับโลก ในรายการ Liv Golf Invitational Bangkok ซึ่งถือเป็นทัวร์นาเมนต์ใหญ่มากรายการหนึ่ง ระหว่างวันที่ 7-9 ต.ค.2565 โดยมีเงินรางวัลให้ชิงชัยกันกว่า 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 900 ล้านบาท
“ถึงตรงนี้ผมคิดว่าสนามมีความพร้อมทุกด้าน พร้อมที่จะจัดการแข่งขันในระดับนานาชาติ อย่าง liv golf แล้ว ส่วนปีต่อๆ ไป คงต้องพิจารณาจากหลายอย่างเนื่องจากวงการกอล์ฟมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งมีโอกาสที่เราจะจัดการแข่งขันเอง หรือนำทัวร์นาเมนต์อื่นๆ เข้ามาจัดการแข่งขันก็ได้”
“อยากให้มีคนมาชมการแข่งขันมากๆ เพราะรายการนี้มีนักกอล์ฟระดับโลกเข้ามาร่วมการแข่งขันจำนวนมาก ซึ่งนี่คือโอกาส คงมีโอกาสที่จะช่วยกระตุ้นทั้งด้านการท่องเที่ยวและเศรฐกิจของประเทศ”
ให้ Stonehill เป็นสนามและความภาคภูมิใจของคนรักกอล์ฟทั่วประเทศ โดยที่ หนึ่งในจำนวนนั้นมี “สารัชถ์ รัตนาวะดี” เศรษฐีเบอร์ต้นๆ ของไทย