ปังไม่หยุด! เปิดที่มาเพลง “เลือดกรุ๊ปบี” ทำไมกระแสแรงชั่วข้ามคืน ?
ประชากรชาว “เลือดกรุ๊ปบี” มีเยอะขนาดไหน? แล้วทำไมเพลงเลือดกรุ๊ปบีถึงได้ทัชใจคนโสดมากมายขนาดนี้ ชวนทำความรู้จักนิยามของชาวเลือดกรุ๊ปบีในบริบทใหม่ ที่อาจทำให้คุณเจอแนวร่วมความโสดที่ทำให้ความเหงาไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป
“..หรือเป็นเพราะเลือดกรุ๊ปบีหรือเปล่า ต้องเปลี่ยนเบอร์โทรสักทีรึเปล่า ขอแค่ให้ฉันมีคนมารักหน่อยได้ไหม ไม่โสดอีกแล้วได้เปล่า..” นี่คือเนื้อร้องบางส่วนของเพลง “เลือดกรุ๊ปบี” ที่กำลังติดหูใครหลายคนในตอนนี้โดยเพลงดังกล่าวเป็นผลงานของ “เอิ๊ก ชาลิสา” หรือ “เอิ๊ก อีส มารูอ้วย” ยูทูปเบอร์ชื่อดังที่ชาวเน็ตรู้จักกันดี
อีกทั้งยังเป็นต้นตำรับเจ้าของ วลีสุดฮิตอย่าง “เลือดกรุ๊ปบี” ที่ถูกนำมาใช้ในบริบทใหม่ในทำนองที่ว่า หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นแบบไม่ Make sense ก็จะโบ้ยไปว่า นั่นเป็นเพราะเรามีเลือดกรุ๊ปบี โดยที่ผู้พูดไม่จำเป็นต้องมีเลือดกรุ๊ปบีจริงๆ ก็ได้ หรือในอีกแง่หนึ่งคือ เอาไว้ใช้พูดตัดรำคาญระหว่างการสนทนาที่เราไม่เห็นด้วย หรือต้องการปฏิเสธฝ่ายตรงข้าม เช่น
A: นี่พวกเรา ไปกินข้าวร้านนี้กันเถอะ
B: เราไม่ไปนะ คือเราเลือดกรุ๊ปบีน่ะ (ทั้งๆ ที่ความจริงแค่ไม่อยากไปร้านนี้)
A: นี่เธอ ช่วงนี้เราติดขัดมากเลย ขอยืมเงินหน่อยได้ไหม?
B: คงไม่ได้ คือเราเลือดกรุ๊ปบีน่ะ (ทั้งๆ ที่ความจริงแค่ไม่อยากให้ยืม)
หลังจากวลีนี้โด่งดังขึ้นมาบนโลกโซเชียลได้เพียงไม่นาน “เอิ๊ก ชาลิสา” ก็ขยายวลีดังกล่าวปังมากขึ้นไปอีก ด้วยการนำมาแต่งเป็นเพลงเลือดกรุ๊ปบี ซึ่งเนื้อหาในเพลงเชื่อมโยงไปถึงสาเหตุของ “ความโสด” ที่เจ้าตัวมองว่าอาจเป็นเพราะเลือดกรุ๊ปบีก็เป็นได้
ในทางกลับกัน หากมองในด้านวิทยาศาสตร์รู้หรือไม่ว่า “กรุ๊ปเลือด” มีความสำคัญมากกว่านั้น โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องช่วยชีวิตด้วยการให้เลือด ก็จะต้องพิจารณากรุ๊ปเลือดของทั้งผู้บริจาคเลือดและผู้รับเลือดว่ามีความเข้ากันได้หรือไม่ ดังนั้นการรู้จักกรุ๊ปเลือดของตนเองจึงเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญ
ที่มาภาพ : MV เพลง “เลือดกรุ๊ปบี”
ที่มาภาพ : MV เพลง “เลือดกรุ๊ปบี”
- รู้จัก “กรุ๊ปเลือด” มีกี่ชนิด? และสำคัญอย่างไร?
สาเหตุที่เราทุกคนควรรู้จักกรุ๊ปเลือดของตนเอง เนื่องจากในกรณีเจ็บป่วย และต้องเข้ารับการรักษาด้วยการถ่ายเลือด เช่น ผ่าตัด , ปลูกถ่ายอวัยวะ หากแจ้งกรุ๊ปเลือดผิด หรือไม่รู้กรุ๊ปเลือดของตนเอง อาจส่งผลให้เกิดอันตรายมากกว่าที่คิด เพราะอาจรักษาไม่ทันจนขาดเลือดและเสียชีวิตได้ในที่สุด นอกจากนี้กรุ๊ปเลือดยังมีความสำคัญในทางนิติวิทยาศาตร์ โดยสามารถถูกนำมาช่วยในการระบุตัวตนคนร้ายได้อีกด้วย
สำหรับกรุ๊ปเลือดของคนเราสามารถแบ่งได้เป็น 8 ชนิด ได้แก่
1. กรุ๊ปเลือด A+ สามารถบริจาคเลือดให้กรุ๊ป A+ และ AB+ เท่านั้น และสามารถรับเลือดได้จากกรุ๊ป A+, A-, O+ และ O- เท่านั้น
2.กรุ๊ปเลือด A- สามารถบริจาคเลือดให้กรุ๊ป A+, A-, AB+ และ AB- เท่านั้น และสามารถรับเลือดจากกรุ๊ป A- และ O- เท่านั้น
3. กรุ๊ปเลือด B+ สามารถบริจาคเลือดให้กรุ๊ป B+ และ AB+เท่านั้น และสามารถรับเลือดจากกรุ๊ป B+, B-, O+ และ O- เท่านั้น
4. กรุ๊ปเลือด B- สามารถบริจาคเลือดให้กรุ๊ป B+, B-, AB+, และ AB- เท่านั้น และสามารถรับเลือดจากกรุ๊ป B- and O- เท่านั้น
5. กรุ๊ปเลือด AB+ สามารถบริจาคเลือดให้กรุ๊ป AB+ เพียงกรุ๊ปเดียวเท่านั้น แต่สามารถรับเลือดจากทุกกรุ๊ปเลือด
6. กรุ๊ปเลือด AB- สามารถบริจาคเลือดให้กรุ๊ป AB+ และ AB- เท่านั้น และสามารถรับเลือดได้จากกรุ๊ป A-, B-, AB- และ O- เท่านั้น
7. กรุ๊ปเลือด O+ สามารถบริจาคเลือดให้กรุ๊ป A+, B+, AB+ และ O+ เท่านั้น และสามารถรับเลือดได้จากกรุ๊ป O+ และ O- เท่านั้น
8. กรุ๊ปเลือด O- สามารถบริจาคเลือดให้ได้ทุกกรุ๊ป แต่สามารถรับเลือดได้จากกรุ๊ป O- เพียงกรุ๊ปเดียวเท่านั้น
- “กรุ๊ปเลือด” กับการให้นิยามนิสัยบุคคลตามความเชื่อ
นอกจากกรุ๊ปเลือดในบริบททางวิทยาศาสตร์แล้ว คนบางกลุ่มยังมีความเชื่อว่ากรุ๊ปเลือดยังสามารถบ่งบอกลักษณะนิสัยหรือพฤติกรรมของแต่ละคนได้ด้วย ว่ากันว่าคนไทยได้รับอิทธิพลนี้มาจากการทายนิสัยด้วยกรุ๊ปเลือดของชาวญี่ปุ่นและเกาหลี ซึ่งหากอ้างอิงทฤษฎีบุคลิกภาพตามกรุ๊ปเลือดจะพบว่า แต่ละกรุ๊ปมีนิสัยที่แตกต่างกัน ดังนี้
1. คนเลือดกรุ๊ป A : มีความรับผิดชอบและความเชื่อมั่นในตนเองสูง ช่างเห็นใจ ไม่ชอบโต้เถียงและทำให้คนอื่นรู้สึกลำบากใจ
2. คนเลือดกรุ๊ป B : มีความคิดสร้างสรรค์สูง เมื่อมีปัญหาเฉพาะหน้าสามารถตัดสินใจได้เร็ว แต่รับคำสั่งจากบุคคลอื่นได้ไม่ดีนัก พวกเขามักจะทุ่มสุดตัวให้กับสิ่งที่ปรารถนา ถึงแม้จะต้องละเลยงานที่สำคัญไปก็ตาม ชาวเลือดกรุ๊ปบีมีจังหวะเป็นของตนเอง จึงเลือกจังหวะที่เหมาะสมให้กับตนอยู่เสมอ เมื่อต้องการจะตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง
3. คนเลือดกรุ๊ป AB : เป็นประเภทที่เข้าใจพวกเขาได้ยาก และมีนิสัยซับซ้อน แต่เป็นคนมีเมตตาและชอบช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ
4. คนเลือดกรุ๊ป O : มีความสุขุม รอบคอบ ไม่ชอบความเพ้อฝัน เละ และมักเอาเหตุผลเป็นที่ตั้ง เต็มไปด้วยความจริงใจ
- เพลง “เลือดกรุ๊ปบี” เมื่อผูกโยงกับ “ความโสด” จึงฮิตติดหูแบบสุดปัง!
อย่างที่บอกไปแล้วว่ากระแสเพลง “เลือดกรุ๊ปบี” กำลังฮอตฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมือง และยิ่งเนื้อเพลงที่ผูกเข้ากับประเด็น “คนโสด” จึงชวนให้หลายคนเกิดความสงสัยว่า คนโสดที่มีเลือดกรุ๊ปบีนั้น มีจำนวนมหาศาลขนาดนี้เชียวหรือ?
เรื่องนี้มีคำตอบจาก "สถิติข้อมูลกรุ๊ปเลือดของประชากรทั่วโลก" พบว่าประเทศไทยมีจำนวนประชากรเลือดกรุ๊ปบีเป็นลำดับที่ 2 รองจากประเทศอินเดีย ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 36.8 จากจำนวนประชากรคนไทยทั้งหมดในปี พ.ศ 2566 เห็นได้ชัดเลยว่า ประชากรชาวเลือดกรุ๊ปบีในประเทศของเรานั้นมีมากโข ไม่ใช่แค่เรื่องมโนเท่านั้น
ที่มาภาพ : MV เพลง “เลือดกรุ๊ปบี”
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าคนโสดทุกคนจะต้องมีเลือดกรุ๊ปบี ถ้าเป็นเช่นนั้นเผ่าพันธุ์มนุษย์คงแปลกน่าดู แต่เพราะความน่าสนใจของเนื้อร้องที่แต่งออกมาได้ถูกอกถูกใจประชากรคนโสดเป็นอย่างมาก ทั้งออกแนวน่ารัก ขี้อ้อนเบาๆ แต่ไม่เศร้าเกินไป ปะปนไปด้วยความเหงานิดๆ ชนิดที่สามารถเปิดฟังซ้ำได้เรื่อยๆ แบบไม่มีเบื่อ โดยเฉพาะท่อนที่ร้องว่า..
“ก็แค่ต้องการให้ใคร มาคอยช่วยดูแลความเหงา หรือเป็นเพราะเราเกิดมาในเดือนประจำคนโสดอยู่ใช่ไหม หรือเป็นเพราะเลือดกรุ๊ปบีหรือเปล่า ต้องเปลี่ยนเบอร์โทรสักทีรึเปล่า ขอแค่ให้ฉันมีคนมารักหน่อยได้ไหม ไม่โสดอีกแล้วได้เปล่า”
ต้องลองฟังดูแล้วจะพบเหตุผลว่าทำไมเพลงนี้ถึงกลายเป็นไวรัลในโลกโซเชียล เชื่อว่าหนึ่งในเหตุผลสำคัญคงมาจากจำนวนประชากรชาวเลือดกรุ๊ปบีที่มีค่อนข้างเยอะกว่ากรุ๊ปอื่น และหลายคนในนั้นก็เป็นคนโสดด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ความโสดก็ไม่ใช่เรื่องแย่ เพราะอย่างน้อยก็มีเพื่อนชาวเลือดกรุ๊ปบีมากมายที่พร้อมอยู่ข้างๆ เผชิญความโสดไปด้วยกันถึงแม้จะเหงาไปหน่อยก็ตาม
------------------------------------------
อ้างอิง : WorldPopulationReview, BetterHelp, BloodbankTU