AWC ฉลอง 10 ปี "เอเชียทีค" เปิดประสบการณ์ใหม่เที่ยวได้ทั้งวัน ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
AWC ฉลองครบรอบ 10 ปี "เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น" เดินหน้าลงทุนครั้งใหญ่ ด้วยงบกว่า 800 ล้านบาท ชูโมเดล Retail-tainment สร้างเดสติเนชันเที่ยวได้ "ทั้งวัน" ภายใต้แนวคิด "ALL DAY EVERYDAY HAPPINESS" ตอบโจทย์ยุคใหม่กับแลนด์มาร์กการท่องเที่ยวไลฟ์สไตล์ริมแม่น้ำที่ใหญ่สุดในไทย
ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา "เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น" (Asiatique The Riverfront Destination) ได้สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์ ทั้งการเป็น Living Museum ที่มีประวัติศาสตร์น่าค้นหา และเป็นจุดหมายแห่งการเฉลิมฉลองเทศกาลต่างๆ ผสมผสานกับกิจกรรมไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายในบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยา
ในโอกาสครบรอบ 10 ปี "เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น" บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ในฐานะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทยที่มุ่งเน้นตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจร เดินหน้าลงทุนครั้งใหญ่ ด้วยงบกว่า 800 ล้านบาท มุ่งยกระดับให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวด้านไลฟ์สไตล์และศูนย์รวมความบันเทิงครบวงจรด้วยโมเดล Retail-tainment (Retail + Entertainment) ภายใต้แนวคิด "ALL DAY EVERYDAY HAPPINESS" เติมเต็ม 3 พื้นที่ไฮไลต์ ต้อนรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวยุคใหม่ ควบคู่กับการพัฒนาอย่างยั่งยืนเพื่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน
นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC กล่าวว่า AWC พร้อมเดินหน้าพัฒนาให้ "เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น" เป็นจุดหมายการท่องเที่ยวริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่เต็มไปด้วยความสุขในทุกๆ วัน สำหรับทุกคน ด้วยประสบการณ์ "ALL DAY EVERYDAY HAPPINESS" โดยจะลงทุนมากกว่า 800 ล้านบาท เพื่อยกระดับสู่แหล่งท่องเที่ยวด้านไลฟ์สไตล์และศูนย์รวมความบันเทิงครบวงจร พร้อมขยายเวลาเปิด-ปิด ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ในทุกวันทุกเวลาอย่างไม่มีวันหลับใหล อีกทั้งยังเป็น Retail-tainment ที่ผสมผสาน Living Museum & Art Festival แหล่งเรียนรู้ทางศิลปะวัฒนธรรมในรูปแบบสร้างสรรค์ พร้อมเรื่องราวประวัติศาสตร์พื้นที่ตั้งของ "เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น" ซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องราวอันทรงคุณค่าให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ และทุกคนในครอบครัว ผ่านการเติมเต็ม 3 พื้นที่ไฮไลต์ด้วยประสบการณ์ใหม่ๆ ดังนี้
- FESTIVAL VILLAGE : ไฮไลต์แลนด์มาร์กและงานแสดงระดับสากล อาทิ Asiatique Sky ชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ด้วยความสูง 60 เมตร Merry-Go-Round ม้าหมุนแสนสนุก Mystery Mansion บ้านลึกลับ และการแสดงที่มีชื่อเสียงอย่างคาลิปโซ่ที่สร้างความสุขให้กับทุกคนมาแล้ว ล่าสุดยังเปิดตัว DISNEY100 VILLAGE AT ASIATIQUE ชวนสัมผัสประสบการณ์งานแสดงพิเศษ (Special Pop-Up Event) เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี ของ ดิสนีย์ ตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคมถึง 31 กรกฏาคม 2566 นี้ โดยจะมีโซนงานแสดงหลากหลายธีมให้ทุกคนได้สัมผัสกับเรื่องราวเหนือกาลเวลากว่า 100 ปี และตัวละครอันโด่งดังจากทั้ง Disney, Pixar, Marvel และ Star Wars สามารถซื้อบัตรผ่าน thaiticketmajor หรือติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ โดย คลิกที่นี่
- LARGEST FOOD AND BEVERAGE SELECTION : สร้างแหล่งรวมร้านอาหารอร่อยทั่วกรุงเทพฯ รวมถึงสตรีทฟู้ดจากทั่วทุกภาคมารวมกันที่โกดัง 1 และ 2 และยังมี Big C ห้างค้าปลีกที่ครบครันด้วยสินค้ามากมายมาร่วมสร้างสีสันในพื้นที่ โดยจะรวบรวมขนมและของฝากยอดฮิตสำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวมาไว้ที่นี่ นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารระดับพรีเมียมมาตรฐานโรงแรมชั้นนำ เช่น เรือสิริมหรรณพ และห้องอาหารเดอะ คริสตัลล์ กริลล์ เฮาส์ เพื่อนำเสนอทางเลือกที่หลากหลายให้นักชิมได้เลือกสรร ชูจุดเด่นของร้านอาหารและเครื่องดื่มที่เรียงรายตามแนวริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาบนพื้นที่แนวยาวกว่า 300 เมตร
- LIFESTYLE MARKET : แหล่งไลฟ์สไตล์สำหรับทุกคนในครอบครัวที่พร้อมต้อนรับทุกการพบปะสังสรรค์ ด้วยการจัด "Lifestyle Market" ที่จะเป็น Community ของกลุ่มคนรักสัตว์เลี้ยง กลุ่มที่ชอบตกแต่งบ้านและสวน และกลุ่มที่ชอบของวินเทจ โดยกิจกรรมสุดสร้างสรรค์จะผันเปลี่ยนไปตามเทศกาลและฤดูกาลต่างๆ ทั้งงานดนตรี ช้อปปิ้ง ศิลปะ สินค้าวินเทจ รวมถึงสุขภาพ และอาหารตลอดปี เพื่อให้เข้ากับทุกไลฟ์สไตล์ของทุกเจนเนอเรชันในที่เดียว
นางวัลลภา กล่าวต่อไปอีกว่า โครงการ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ยังได้ริเริ่มกิจกรรมที่มุ่งส่งเสริมความยั่งยืน เพื่อสร้างคุณค่าให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกภาคส่วน โดยที่ผ่านมาได้ร่วมมือกับบริษัท Miniwiz เตรียมติดตั้งเครื่อง Trashpresso ที่ช่วยรีไซเคิลขยะพลาสติกให้เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ เพิ่มมูลค่าและใช้ประโยชน์ได้ โดยลูกค้าสามารถมาสนุกและได้ความรู้เรื่องรีไซเคิลไปพร้อมๆ กัน รวมถึงการจัดสรรพื้นที่ Heritage Lounge ในเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น เพื่อให้ชุมชนสามารถเข้ามาใช้พื้นที่ทำกิจกรรมการสร้างทักษะการเรียนรู้เรื่องศิลปะวัฒนธรรม รวมทั้งภูมิปัญญาของชุมชนต่างๆ ที่หมุนเวียนสับเปลี่ยนกันไป
"การสร้างประสบการณ์ All Day Everyday Happiness ของโครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ในครั้งนี้ ยังรวมถึงการออกแบบพื้นที่ให้ได้รับอากาศที่ปลอดโปร่งจากแม่น้ำควบคู่กับความร่มรื่นในโครงการเสมือนเดินเล่นอยู่ท่ามกลางสวนอันเขียวชอุ่ม รายล้อมด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาชนิด (RETAIL-TAINMENT IN THE PARK) เพื่อให้ความสุขของทุกคนในครอบครัวหลอมรวมกันในที่เดียว ภายใต้บรรยากาศที่ร่มรื่นริมแม่น้ำเจ้าพระยา และทำให้เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางด้านไลฟ์สไตล์ระดับโลก" นางวัลลภา กล่าว
สุดท้ายนี้ นางวัลลภา เชื่อมั่นว่า การปรับโฉม "เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น" ด้วยการมอบประสบการณ์แบบ "ALL DAY EVERYDAY HAPPINESS" นอกจากจะช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยวของกรุงเทพฯ ให้กลับมาครึกครื้นอีกครั้ง ยังส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศ ซึ่งสอดรับกับแผนการดำเนินงานของ AWC ภายใต้ปรัชญา "สร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่า" อีกด้วย