เงินเก็บไม่มี หนี้ท่วมหัว “เจน Z” ชอบช้อปของไร้สาระ ซื้อเก่ง ซื้อแต่ไม่ใช้

จากการศึกษาล่าสุดจาก Bread Financial ผู้ให้บริการทางการเงิน เปิดเผยว่า 28% ของเจน Z ชาวอเมริกันหมดเงินไปกับสินค้าสุรุ่ยสุร่าย เช่น เอาเงินไปซื้อหัวใจเพิ่มในเกม Candy Crush แต่พอซื้อไปแล้วไม่อยากให้ใครรู้ ว่าเอาเงินมาเติมเกม

เช่นเดียวกับอีก 22% รู้สึกอายที่จะบอกใคร ๆ ว่าพวกเขาซื้อสินค้าตามเทรนด์ของ TikTok เช่น กางเกงเลกกิ้งยกกระชับสัดส่วนยอดฮิต รวมถึงซอสสีชมพูที่กำลังไวรัลสุด ๆ และไฟวงแหวนสำหรับไลฟ์สด

แต่เรื่องที่น่าตกใจที่สุด คือ เด็กรุ่นใหม่ดูเหมือนจะมีปัญหาในการใช้จ่าย ประมาณ 1 ใน 3 ของกลุ่มตัวอย่างชาวเจน Z ใช้เงินมากกว่าเงินที่หาได้ ส่วนอีก 33% ไม่มีเงินเก็บเลย สวนทางกับคนยุคเบบี้บูมเมอร์ที่มีเงินเก็บมากที่สุด และแทบไม่ตกเป็นเหยื่อของเทรนด์สินค้าจากโลกออนไลน์เลย

นิค อันโตเนลลี รองประธานอาวุโสและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของ Bread Financial ชี้ว่า คนหนุ่มสาวชาวอเมริกันจะต้องไตร่ตรองและคิดให้รอบคอบมากยิ่งขึ้นในการใช้จ่ายทุกครั้ง เพราะส่วนมากชาวเจน Z จะซื้อผ่านทางออนไลน์ในราคาที่ไม่สูง แต่เน้นซื้อบ่อย จนมารู้ตัวอีกทีก็เมื่อมีของมาส่งเต็มบ้าน หรือไม่เหลือเงินติดบัญชีแล้ว

สำหรับชาวเจน Z แล้ว โซเชียลมีเดียไม่ได้ทำหน้าที่เป็นแค่แหล่งซื้อสินค้าเท่านั้น แต่จากผลวิจัยข้างต้น  33% คนรุ่นใหม่ยังใช้สื่อออนไลน์ค้นหาข้อมูลทางการเงินอีกด้วย

นอกจากนี้ อันโตเนลลี ยังแนะนำให้คนรุ่นใหม่วางแผนการใช้เงิน โดยการจำกัดงบประมาณสำหรับการซื้อของที่ต้องการและทำบัญชีรายรับรายจ่ายทุกครั้ง เพื่อดูว่าจะสามารถลดค่าใช้จ่ายใดลงได้บ้าง และซื้อของสิ้นเปลืองไปเท่าไหร่

• เงินเก็บไม่มี .. แถมหนี้ท่วมหัว

จากวิจัยข้างต้นชี้ให้เห็นว่าคนเจน Z มักจะซื้อสินค้าจุกจิกที่ราคาไม่แพงตามกระแสโซเชียล ซึ่งสอดคล้องกับผลการศึกษาของ Credit Karma บริษัทที่ปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคลที่เผยแพร่เมื่อเดือนมี.ค. ที่ผ่านมา โดยวิเคราะห์ข้อมูลการใช้บัตรเครดิตของคนแต่ละเจเนอเรชันในช่วงเดือนพ.ค.-ธ.ค. 2565 พบว่า ชาวเจน Z เริ่มเป็นหนี้เร็วขึ้น โดยในช่วงไตรมาสที่สี่ของปี 2565 ชาวเจน Z อเมริกัน มีหนี้บัตรเครดิตเฉลี่ยอยู่ที่ 2,781 ดอลลาร์ แม้จะถือว่าต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับคนเจนอื่น ๆ แต่ก็เติบโตเร็วที่สุดที่ประมาณ 6% 

ที่ต้องจับตา คือ พบว่าชาวเจน Z มียอดหนี้เฉลี่ยทั้งหมด 16,283 ดอลลาร์ ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2565 ซึ่งเพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับเดือนมี.ค.-พ.ค. ในปีเดียวกัน อีกทั้งยังมีหนี้เกินกำหนดชำระมากกว่า 30 วัน ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต การจำนอง สินเชื่อเพื่อการศึกษา ค่ารักษาพยาบาล รวมไปถึงการเช่ารถยนต์ และบัญชีสินเชื่อรถยนต์ มากกว่าคนรุ่นอื่น ๆ

ทั้งนี้ ไม่ว่าจะอายุเท่าใดก็ตาม การจัดการกับหนี้บัตรเครดิตถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะเมื่อคุณชำระหนี้ทั้งหมดแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องพะวงกับดอกเบี้ยสูงที่จะตามหลอกหลอนคุณอีกต่อไป และยังมีวงเงินเพียงพอสำหรับการใช้จ่ายในสิ่งที่คุณต้องการ นอกจากนี้การมีหนี้สินที่ต่ำกว่ารายได้ ยังช่วยเพิ่มเครดิตของคุณในฐานะ “ลูกหนี้ชั้นดี” ซึ่งจะทำให้คุณดูน่าเชื่อถือมากขึ้นสำหรับธนาคาร เมื่อคุณจำเป็นต้องยื่นกู้ ขอสินเชื่อ หรือทำธุรกรรมต่าง ๆ อีกด้วย

ที่มา: Bread Financial, Insider, Yahoo