เปิดพจนานุกรม ‘ภาษาดอกไม้' ยุควิกตอเรีย เมื่อดอกไม้ใช้แทนคำด่าได้ด้วย
ปัจจุบันเรามักมอบดอกไม้ให้กันเพื่อแสดงความรักหรือแสดงความยินดี แต่รู้หรือไม่? ย้อนกลับไปในยุควิกตอเรียมี “ภาษาดอกไม้” ที่เป็นการมอบดอกไม้ให้ผู้อื่นเพื่อสื่อสารในเชิงนัยยะ ไม่ว่าจะเป็นการปฏิเสธ หรือการตำหนิอีกฝ่ายได้ด้วย
Key Points:
- การมอบดอกไม้แทนความรู้สึกของเราให้อีกฝ่ายมีมาช้านานตั้งแต่ยุควิกตอเรีย เรียกว่า “ภาษาดอกไม้”
- ภาษาดอกไม้ในยุควิกตอเรียไม่ได้มีแค่แง่ดีอย่างเดียว แต่ยังแสดงความเกลียดชังต่อผู้รับได้อีกด้วย
- ไม่ใช่แค่ชนิดดอกไม้ที่ใช้สื่อความหมาย แต่วิธีการจัดดอกไม้ก็มีความหมายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นคู่สีของดอกไม้หรือริบบิ้น
การมอบดอกไม้หรือช่อดอกไม้ให้อีกฝ่าย ในปัจจุบันมักจะแสดงออกถึงความยินดี ความรัก ความห่วงใย ซึ่งดอกไม้ที่นำมาจัดเป็นช่อถือเป็นตัวกลางในการสื่อสารข้อความระหว่างผู้ให้และผู้รับ โดยมักจะมีความหมายไปในทางที่ดี และแน่นอนว่าวัฒนธรรมการมอบดอกไม้นั้นไม่ได้เพิ่งมีในยุคนี้ แต่มีมาตั้งแต่ยุควิตอเรียหรือช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17
ในอดีตผู้คนมีความเชื่อว่า “ดอกไม้” ถือเป็นอีกหนึ่งภาษาที่ใช้ในการสื่อสารกันของคนในสังคม จนถึงขั้นมีการทำพจนานุกรมรวบรวมความหมายต่างๆ ของดอกไม้ขึ้นมาเรียกว่า Floriography หรือ Language of Flowers
หลายคนอาจจะเข้าใจว่าดอกไม้จะต้องมีแต่ความหมายเชิงบวก แต่ความจริงแล้วดอกไม้สามารถใช้สื่อสารอารมณ์และความในใจได้มากกว่านั้น เรียกได้ว่าสามารถส่งดอกไม้ให้กับศัตรูหรือคนที่ไม่ชอบหน้าเพื่อการตำหนิ หรือว่าร้ายอีกฝ่ายได้เลยทีเดียว
- ทำความเข้าใจ “ภาษาดอกไม้” ของชาววิกตอเรียน
พจนานุกรมดอกไม้ หรือ Floriography เริ่มได้รับความนิยมในช่วงยุควิกตอเรียเริ่มต้นจากการเก็บรายละเอียดและความหมายต่างๆ ของดอกไม้แต่ละชนิดเช่นเดียวกับภาษาอื่นๆ แต่ไม่ได้มีการสอนกันเป็นกิจจะลักษณะ เป็นเพียงการส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นเท่านั้น
เนื่องจากยุควิกตอเรียเป็นศูนย์กลางแห่งศิลปะและวัฒนธรรมยุโรป เรียกได้ว่าเป็นยุคแห่งพิธีการต่างๆ ของชนชั้นสูง ซึ่งเต็มไปด้วยกฎเกณฑ์ ขนบธรรมเนียมประเพณี และข้อห้ามมากมาย โดยเฉพาะธรรมเนียมเคร่งครัดในการเกี้ยวพาราสีระหว่างหญิงและชายที่จะพูดกันตรงๆ ไม่ได้ ทำให้เหล่าชนชั้นสูงหันมาสื่อสารกันทางอ้อมผ่านการมอบดอกไม้กันมากขึ้น
โดยเฉพาะเรื่องความรู้สึกส่วนตัวที่ไม่สามารถพูดออกมาตรงๆ ได้ ทำให้การมอบดอกไม้ให้กันกลายเป็นรูปแบบการสื่อสารที่เหมาะสมและนิยมใช้มากกว่า ต่อมามีการนิยามการสื่อสารในลักษณะนี้ว่า “ภาษาดอกไม้” ดังนั้น การเลือกชนิดของดอกไม้ในการนำไปมอบให้ใครสักคน จำเป็นต้องพิจารณาอย่างละเอียด เพื่อป้องกันไม่ให้มีการสื่อสารที่ผิดพลาดกับผู้ที่ได้รับ
- การแบ่งประเภทความหมายของดอกไม้เบื้องต้น
เนื่องจากดอกไม้บนโลกนี้มีมากมายหลากหลายชนิด การจะเลือกดอกไม้ให้ตรงตามความหมายที่ต้องการสื่อสารไปยังอีกฝ่ายให้เหมาะสม จึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยความหมายของดอกไม้ต่างๆ มักจะแบ่งตามสี เนื่องจากแม้จะเป็นดอกไม้สายพันธุ์เดียวกันแต่ย่อมมีสีต่างกัน สามารถแบ่งได้คร่าวๆ เช่น ดอกไม้สีแดง เกี่ยวข้องกับความรักความหลงใหล ดอกไม้สีชมพู หมายถึงความสง่างามและความสุข ดอกไม้สีเหลือง สื่อถึงความสนุกและมิตรภาพ เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถแบ่งตามความหมายของดอกไม้ได้อีกด้วย เช่น
การส่งดอกไม้เพื่อสื่อถึงมิตรภาพ มักมอบให้กับเพื่อนเพื่อเป็นของขวัญในการเฉลิมฉลอง มักใช้ “ดอกกุหลาบสีเหลือง” ที่เป็นสัญลักษณ์ของความสุข และนอกจากมิตรภาพแล้ว ยังเป็นสัญลักษณ์ของความไว้วางใจและการไตร่ตรอง การมอบดอกอินคาที่สื่อถึงการสนับสนุนซึ่งกันและกัน
แต่ถ้าต้องการส่งดอกไม้เพื่อแสดงความขอบคุณ “กุหลาบสีชมพู” ถือเป็นตัวเลือกต้นๆ ในการแสดงความขอบคุณ มักมอบให้กับผู้ที่อยู่เคียงข้างร่วมทุกข์ร่วมสุขกันในช่วงเวลายากลำบาก ขณะที่ “ดอกไฮเดรนเยียสีชมพู” ใช้แทนความรู้สึกจริงใจ และเข้าอกเข้าใจอีกฝ่าย
- ส่งดอกไม้ผิดชีวิตเปลี่ยน เมื่อความหมายดอกไม้เป็นไปในแง่ลบ
ไม่ใช่แค่เพียงการแสดงความรัก คำขอบคุณ หรือแสดงความยินดีเท่านั้น แต่ในยุควิกตอเรียผู้คนยังส่งดอกไม้ให้กับศัตรูและคนที่ไม่ชอบหน้ากันอีกด้วย เนื่องจากยังมีดอกไม้บางประเภทที่มีความหมายในแง่ลบสุดๆ เรียกได้ว่าถ้าได้รับมาแล้วอาจหัวร้อนปุดๆ ได้เลยทีเดียว ตัวอย่างเช่น
- ดอกเดลฟีเนียม หมายถึง คุณมันยโส
- ดอกโอเลอันเดอร์ หมายถึง คุณต้องระวังตัวไว้ดีๆ
- ดอกคาร์ดาไมน์ หมายถึง คนอย่างคุณไม่เหมาะจะเป็นพ่อคน
- ดอกคาร์เนชันมีลาย หมายถึง การปฏิเสธ
- ดอกคาร์เนชันสีเหลือง หมายถึง ฉันเกลียดเธอมากที่สุด
- ดอกดาวเรือง หมายถึง ฉันอิจฉาคุณ
- ดอกทานตะวัน หมายถึง ความยโส มาจากขนาดดอกที่ใหญ่โต (ยิ่งใหญ่มากเท่าไร ก็หมายถึงผู้รับมีความยโสมากเท่านั้น)
- ดอกไม้ตระกูลถั่ว (Birdsfoot Trefoil) หมายถึง ฉันจะแก้แค้น
นอกจากความหมายของดอกไม้แต่ละชนิดที่น่าสนใจแล้ว ยุควิกตอเรียยังมีคู่สีต้องห้ามของดอกไม้ด้วย ซึ่งห้ามนำมาจัดรวมในช่อเดียวกันเด็ดขาด นั่นคือ “สีขาว และ สีแดง” เนื่องจากสื่อถึง “ความตาย” นอกจากนี้ “ริบบิ้น” ที่ใช้ผูกช่อดอกไม้ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน โดยหากผูกไปทางซ้ายแปลว่าดอกไม้นี้หมายถึงคนให้ แต่ถ้าผูกไปทางขวาหมายถึงคนรับ และถ้าหากใครได้รับ “ดอกไม้กลับหัว” ความหมายจะเป็นไปในทางตรงกันข้ามทันที เช่น กุหลาบสีแดงกลับหัวสื่อว่าจากที่เคยรักก็กลายเป็นเกลียดนั่นเอง
แม้ว่า “ภาษาดอกไม้” หรือการส่งดอกไม้ให้กันในอดีตบางครั้งอาจจะดูรุนแรงไปบ้าง แต่ก็เป็นที่นิยมเฉพาะในหมู่ชนชั้นสูงเท่านั้น และเมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไปการมอบดอกไม้เพื่อว่าร้ายอีกฝ่ายก็เริ่มเลือนหายไป จะเหลือไว้ก็แค่การมอบดอกไม้เพื่อเป็นของขวัญและแสดงความรู้สึกที่ดีต่อกันเหมือนในปัจจุบันเสียมากกว่า
อ้างอิงข้อมูล : Planterra events, Almanac, BBC และ Jardineriaon