‘น้ำส้มสายชู’ สารมหัศจรรย์แห่งยุค เพิ่มความสะอาดบ้าน-ของใช้ ให้เหมือนใหม่
“น้ำส้มสายชู” เครื่องปรุงรสอาหารใกล้ตัวที่นอกจากเพิ่มรสชาติแล้ว ยังทำให้การทำความสะอาดบ้านเป็นเรื่องง่ายขึ้น ด้วยคุณสมบัติกรดที่ช่วยชะล้างพื้นให้เงางาม เปลี่ยนโฉมผ้าให้ดูเหมือนใหม่และขจัดเชื้อโรค
Key Points:
- น้ำส้มสายชูกลั่น มาจากการนำแอลกอฮอล์ที่กลั่นเจือจางแล้ว มาหมักกับเชื้อน้ำส้มสายชู หรืออีกวิธีหนึ่งคือ นำน้ำส้มสายชูที่หมักตามธรรมชาติแล้วมากลั่นต่อ
- ด้วยคุณสมบัติน้ำส้มสายชูที่เป็นกรด จึงช่วยชะล้างคราบสกปรกและฆ่าเชื้อโรคได้ดี
- ไม่ควรใช้น้ำส้มสายชูกับหน้าจอมือถือ หน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือสิ่งของที่เคลือบแว็กซ์ เพราะอาจทำให้ฟิล์มและสารเคลือบหลุดลอกได้
สำหรับหลายคนที่ทำความสะอาดบ้านเป็นประจำ ปัญหาที่น่าจะกวนใจที่สุดหนีไม่พ้นคราบสกปรกตามพื้นบ้าน ผนังห้องที่เหนียวหนึบ และยากจะขจัดออก โดยเฉพาะบางคราบฝังลึก จนการใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ
อย่างไรก็ตาม โลกกลับมี “สารมหัศจรรย์” ที่จะช่วยขจัดคราบเหล่านี้ให้ง่ายขึ้น และสิ่งนั้นหาได้ง่ายด้วย ราคาไม่แพง นั่นคือ “น้ำส้มสายชู” เครื่องปรุงรสที่ใช้เพิ่มรสเปรี้ยวในอาหารอย่างก๋วยเตี๋ยว น้ำจิ้มซีฟู้ด น้ำสลัดอันแสนอร่อย จึงน่าสนใจว่า น้ำส้มสายชูมีกี่ประเภท และนอกจากใช้ปรุงอาหารแล้ว สามารถนำมาทำความสะอาดบ้านในรูปแบบใดได้บ้าง
- น้ำส้มสายชู (เครดิต: Freepik) -
- ประเภทของน้ำส้มสายชู
น้ำส้มสายชูมีฤทธิ์เป็นกรด อันเกิดจากการหมักของพืชธรรมชาติ หรือจากการสังเคราะห์ทางเคมีเป็นกรดน้ำส้มขึ้นมา โดยสามารถแบ่งเป็น 3 ประเภทดังนี้
1. น้ำส้มสายชูหมัก เป็นน้ำส้มสายชูที่ได้มาจากการหมักธัญพืช เช่น ข้าว ข้าวโพด หรือหมักผลไม้อย่างแอปเปิล สับปะรด องุ่น หรือได้มาจากการหมักน้ำตาล กากน้ำตาล และเนื่องจากเป็นการหมักของวัตถุดิบธรรมชาติ จึงทำให้น้ำส้มสายชูประเภทนี้มีตะกอนตามธรรมชาติเล็กน้อย สีจะเป็นไปตามวัตถุดิบที่หมัก มีความเป็นดั้งเดิมและมีคุณค่าทางโภชนาการ
2. น้ำส้มสายชูกลั่น มาจากการนำแอลกอฮอล์ที่กลั่นเจือจางแล้ว มาหมักกับเชื้อน้ำส้มสายชู หรืออีกวิธีหนึ่งคือ นำน้ำส้มสายชูที่หมักตามธรรมชาติแล้วมากลั่นต่อ น้ำส้มสายชูที่ได้จะใส ไม่มีตะกอน เปรียบคล้ายกับน้ำตาลทรายขาวและข้าวขาว ที่ผ่านกระบวนการขัดเกลาให้มีความบริสุทธิ์มากขึ้น
3. น้ำส้มสายชูเทียม เป็นน้ำส้มสายชูที่ไม่ใช่มาจากธรรมชาติ แต่ได้มาจากการสังเคราะห์ทางเคมีขึ้นเป็น “กรดน้ำส้ม” อันเป็นกรดอ่อนที่ถูกเจือจางมากจนปลอดภัยแล้ว ใช้ปรุงอาหารได้ มีความใส ไม่มีตะกอน โดยจุดเด่นคือ มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าน้ำส้มสายชูจากธรรมชาติ
อย่างไรก็ตาม น้ำส้มสายชูเทียมที่ร้านอาหารตามท้องถิ่นใช้เป็นเครื่องปรุงอาหาร บางร้านอาจไม่ได้ใช้น้ำส้มสายชูเทียมที่ปลอดภัย ได้รับการรับรองจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แต่หันมาใช้น้ำส้มสายชูจาก “หัวน้ำส้ม” แทน เพื่อลดต้นทุนลงอีก หรืออาจเพราะใช้ผิดประเภท
หัวน้ำส้มนี้เป็นกรดรุนแรง เจือปนด้วยโลหะหนัก และใช้ในอุตสาหกรรมสิ่งทอ สิ่งพิมพ์และฟอกหนัง ดังนั้น หากใครเผลอรับประทานเข้าไปอาจเกิดอาการท้องร่วงรุนแรงได้
นอกจากหัวน้ำส้มแล้ว ยังมี “กรดกำมะถันหรือกรดซัลฟิวริก” ที่ใช้ทำน้ำส้มสายชูด้วย มีความเข้มข้นไม่แพ้กัน มีฤทธิ์กัดกร่อนระบบทางเดินอาหารอย่างรุนแรงจนอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
- 9 ความพิเศษน้ำส้มสายชูในการขจัดคราบ
เนื่องด้วยคุณสมบัติน้ำส้มสายชูที่เป็นกรด จึงช่วยชะล้างคราบสกปรกและฆ่าเชื้อโรคได้อีกด้วย โดยมีคุณประโยชน์ 9 ข้อที่โดดเด่น ดังนี้
- การทำความสะอาดบ้าน (เครดิต: Freepik) -
1. ใช้ถูบ้านให้พื้นสะอาดเอี่ยมด้วยการผสมน้ำ 2 ลิตร กับน้ำยาล้างจาน 5 มิลลิลิตร และน้ำส้มสายชู 10-15 มิลลิลิตรในการเช็ดพื้น
2. กำจัดคราบตะกรันในภาชนะต่าง ๆ ถ้ากาต้มน้ำเป็นตะกรัน ก็ใส่น้ำส้มสายชูผสมน้ำ ต้มในหม้อจนตะกรันหลุด ถ้าฝักบัวเป็นตะกรัน ให้นำฝักบัวแช่กับน้ำส้มสายชูไว้ค้างคืน และสำหรับกระติกน้ำร้อนที่มักเกิดตะกรันหลังการต้มน้ำ ก็ใช้ได้เช่นกัน
3. ซักผ้าให้มีสีสันสดใส ด้วยการเติมน้ำส้มสายชู ¼ ถึง ½ ถ้วย ลงในน้ำสุดท้ายของการซักผ้า ช่วยล้างคราบสบู่และเปลี่ยนผ้าให้สีสดใสมากขึ้น แต่มีข้อระวังคือ ไม่ควรผสมน้ำส้มสายชูกับน้ำยาซักผ้าขาว เพราะอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาเป็นก๊าซคลอรีนที่เป็นพิษได้
4. เพิ่มพลังขจัดคราบบนกระจก เคาน์เตอร์ และห้องครัว ด้วยการผสมน้ำส้มสายชู ¼ ถ้วย กับน้ำ 2 ½ ถ้วย และอาจเพิ่มน้ำยาล้างจานอีก ½ ช้อนชาลงไป ผสมให้เข้ากัน เพื่อเช็ดทำความสะอาดห้องครัวให้กลับมาเหมือนใหม่
5. ล้างท่อตัน ซึ่งเป็นปัญหาประจำบ้าน โดยเฉพาะสำหรับบ้านที่มีสมาชิกหลายคน การล้างท่อเพียงเทน้ำร้อน 4 ถ้วยลงในท่อก่อน จากนั้นก็ผสมเบกกิ้งโซดาแห้ง 1 ถ้วยกับน้ำส้มสายชู 1 ถ้วยเทลงไปและรอ จะช่วยให้สิ่งอุดตันข้างล่างนิ่มขึ้น จากนั้นเทน้ำร้อนซ้ำเพื่อไล่คราบอุดตันออกไป
6. ขจัดคราบสบู่ในห้องน้ำ สามารถผสมน้ำ น้ำส้มสายชู และน้ำยาล้างจานลงในขวดสเปรย์ และฉีดตามผนังที่มีคราบ ทิ้งไว้อย่างน้อย 1 นาที จากนั้นก็ใช้ผ้าเช็ดออกอีกครั้ง
7. ช่วยทำให้คราบในเตาไมโครเวฟขจัดออกได้ง่ายขึ้น ด้วยการผสมน้ำส้มสายชู ½ ถ้วยกับน้ำ ½ ถ้วยในถ้วยแก้ว จากนั้นนำถ้วยแก้วนี้อุ่นร้อนในเตาประมาณ 3 นาทีหรือจนกระทั่งน้ำเดือด ก็สามารถเช็ดคราบข้างในเตาออกง่ายขึ้นแล้ว
8. ทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ไม้ เพียงผสมน้ำส้มสายชู ¼ ถ้วยกับน้ำมันมะกอก 1 ถ้วยเช็ดทำความสะอาด
9. เสกแก้วน้ำให้ใสวิ้ง จากเดิมล้างแก้วด้วยน้ำ เปลี่ยนเป็นล้างแก้วด้วยน้ำกับน้ำส้มสายชูผสมอย่างละครึ่งแทน ช่วยให้แก้วใสวิ้ง เห็นเป็นประกายเงางาม
- ข้อระวังการใช้น้ำส้มสายชู
แม้ว่าน้ำส้มสายชูจะมีประโยชน์ทำความสะอาดหลายประการ แต่มีข้อระวังคือ ไม่ควรใช้น้ำส้มสายชูทำความสะอาดหน้าจอมือถือ หน้าจอคอมพิวเตอร์ และหน้าจอโทรทัศน์ เพราะอาจทำให้ฟิล์มและสารเคลือบหน้าจอหลุดลอกได้ จากความเป็นกรดของน้ำส้มสายชู
นอกจากนี้ โต๊ะไม้หรือสิ่งของใด ๆ ที่มีการเคลือบแว็กซ์ ไม่ควรใช้น้ำส้มสายชูทำความสะอาดเช่นกัน เพราะจะทำลายสารเคลือบได้
อ้างอิง: realsimple, bhg, wikihow, multimedia, twitter