ภาวะผู้นำของ 'ลูฟี่' แห่ง ‘วันพีซ’ อารมณ์ร้อน เชื่อคนง่าย ทำไมใครๆ อยากร่วมทีม
ส่อง “ภาวะผู้นำ” ผ่านตัวละคร “ลูฟี่” ผู้มีความฝันอยากจะเป็น “ราชาโจรสลัด” จาก “One Piece” การ์ตูนสุดฮิตที่มียอดขายสูงสุดในโลก และล่าสุดกลายเป็นซีรีส์ทาง “Netflix”
แฟน ๆ การ์ตูนต่างถูกอกถูกใจกับซีรีส์ “วันพีซ” (One Piece) เวอร์ชันคนแสดงที่พึ่งเข้าฉายทาง “Netflix” ไปเมื่อ 31 ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งนอกจากจะคัดเลือกนักแสดงมาได้ตรงตามเวอร์ชันมังงะแล้ว ยังดัดแปลงออกมาได้สมบูรณ์ เคารพต้นฉบับ ไม่เสียแก่นของเรื่อง ทำให้ผู้ชมตั้งหน้าตั้งตารอชมการผจญภัยของโจรสลัดหมวกฟางและผองเพื่อนในซีซัน 2 อย่างใจจดใจจ่อ
แม้ว่าคุณจะไม่ใช่แฟนการ์ตูนญี่ปุ่น แต่คุณคงต้องเคยได้ยินชื่อวันพีซกันมาบ้าง ในฐานะมังงะที่มียอดขายสูงสุดตลอดกาล มากกว่า 500 ล้านเล่ม ด้วยเนื้อเรื่องการผจญภัยแฟนตาซีสุดสนุก เหนือจินตนาการ ลายเส้นอันเป็นเอกลักษณ์ มีมุกที่คนทั่วโลกเข้าใจได้ มีตัวละครสุดเท่และมิตรภาพระหว่างเพื่อน จึงไม่ใช่เรื่องยากที่วันพีซจะครองใจผู้อ่าน และดึงดูดคนรุ่นใหม่ให้กลายเป็นแฟนการ์ตูนเรื่องนี้
ภายใต้เนื้อเรื่องที่ “ย่อยง่าย” กลับสอดแทรกปรัชญาและข้อคิดเอาไว้อย่างแยบคาย ทั้งตัวละครยังมีนิสัยเหมือนกับมนุษย์ สำหรับตัวละครหลักของเรื่อง คือ “ลูฟี่” (Luffy) เป็นกัปตันกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง ใฝ่ฝันอยากเป็นราชาแห่งโจรสลัด มีนิสัยรักการผจญภัยจนหลายครั้งประมาท ไม่ระวังเรื่องความปลอดภัย ชอบกินเนื้อสัตว์ โกหกไม่เก่ง ที่สำคัญรักและไว้ใจพวกพ้องเป็นที่สุด แต่ก็เชื่อคนง่าย และอารมณ์ร้อนไม่ฟังคนอื่น เมื่ออยากจะช่วยใครก็จะช่วยให้ถึงที่สุด แถมบ้าดีเดือดแต่ไม่ทำร้ายคนอื่นโดยไม่มีเหตุผล
ฟังดูแล้วอาจจะแปลกใจที่ตัวละครเก่ง ๆ อย่างโซโล โรบิน และซันจิ ต่างยอมเดินทางไปกับลูฟี กัปตันที่มีความเป็นเด็ก ดื้อรั้น และไร้เดียงสาแบบนี้ แต่ที่จริงแล้วลูฟี่มี “ภาวะผู้นำ” ในแบบฉบับของเขาเอง ที่ทำให้ทุกคนไว้ใจ และพร้อมลงเรือลำเดียวกันกับเขา
1. มีเป้าหมายที่ชัดเจน
"ฉันนี่แหละจะเป็นเจ้าแห่งโจรสลัด"
ลูฟี่พูดเสมอในทุกครั้งที่มีโอกาสว่าเป้าหมายของเขาคือต้องการเป็นราชาโจรสลัดให้ได้ เขาจึงยอมทำทุกอย่างและฝึกฝนอย่างหนักเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น แม้ว่าจะผ่านมาแล้วกว่า 26 ปี มีมังงะมาแล้ว 105 เล่ม ทำเป็นอนิเมะมากกว่า 1,000 ตอน ลูฟี่ยังคงอยากเป็นราชาโจรสลัดอยู่
แม้ตอนนี้ยังไม่ก้าวเข้าใกล้การบรรลุเป้าหมายของพวกเขาก็ตาม เป็นเพราะคอยช่วยลูกเรือและเพื่อนตลอดการเดินทาง
อันที่จริงหากเป็นคนทั่วไปใช้เวลานานขนาดนี้ อาจจะท้อแท้ หมดกำลังใจและล้มเลิกความพยายามไปแล้ว แต่ลูฟี่ยังคงยึดมั่น ไม่ยอมแพ้ และผองเพื่อนของเขาก็ยังคงเชื่อมั่นในตัวลูฟี่และทางเลือกของเขา
2. กล้า “เชื่อใจ” คนรอบข้าง
"ฉันใช้ดาบเป็นที่ไหนล่ะเจ้าโง่ เทคนิคเดินเรือก็ไม่มี ทำอาหารก็ไม่เป็น โกหกก็ไม่เคย ฉันมั่นใจเลยว่าถ้าไม่มีคนช่วย ฉันไปไม่รอดแน่"
เช่นเดียวกับทุกคน ลูฟี่ไม่สามารถทำอะไรทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง ลูฟี่ทำอาหารไม่เป็น (กินเป็นอย่างเดียว) ซ่อมเรือไม่เป็น เดินเรือไม่เป็น แต่สามารถปกป้องทุกคนได้ เขาจึงมอบหมายภารกิจในสิ่งที่เขาไม่ถนัดให้ลูกเรือของเขา โดยเฉพาะนามิและโรบินในการหาเส้นทาง ดูแผนที่ ฯลฯ
ดังนั้นลูฟี่จึงสอนให้เราต้องกล้าไว้ใจคนรอบข้าง ให้เขาได้รับผิดชอบหน้าที่ต่าง ๆ ด้วยตัวเอง เรือจึงแล่นไปได้ด้วยดี
3. ให้ความสำคัญกับทีม ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
“ฉันจะไม่ยอมเสียเพื่อนแม้แต่คนเดียว และจะแข็งแกร่งขึ้นเพื่อปกป้องคนสำคัญ”
อย่างที่ทราบกันดีว่าเนื้อเรื่องส่วนใหญ่ในวันพีซเป็นการช่วยเหลือพี่น้องเพื่อนฝูง และต่อสู้กับโจรสลัดกลุ่มอื่น ๆ ซึ่งที่จริงแล้วลูฟี่เลือกจะไม่ช่วยเหลือคนเหล่านั้นก็ได้ แต่เขายังเลือกจะยืนเคียงข้างพรรคพวก และพร้อมเสมอที่จะเข้าไปช่วยเหลือในสถานการณ์เลวร้าย ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นคนที่รู้จักกันมานาน หรือพึ่งเจอเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วก็ตาม
ลูฟี่เป็นคนที่เห็นอกเห็นใจและดีต่อคนแปลกหน้าเสมอ เช่นเดียวกับที่เขาทำกับเพื่อน ๆ ของเขา และเขาไม่ได้ทำไปเพื่อให้เป็น “ฮีโร่” หรือเพื่อให้ตัวเองดูดี ให้ได้รับคำชื่นชม สรรเสริญ ยกย่อง เยินยอใด ๆ ลูฟี่ไม่ได้สนใจในเกียรติยศ แต่เขาทำเพราะเขาคิดว่าเป็นเรื่องที่สมควรทำ และความรักพวกพ้องจริงใจที่เป็นคุณสมบัติหลักของเขา
ที่จริงลูฟี่ไม่อยากเป็นฮีโร่ด้วยซ้ำ เพราะเขาคิดว่าการเป็นฮีโร่จะต้องแบ่งปันเนื้อสัตว์และอาหารให้กับคนอื่น ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่อยากทำ
4. มีความซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา
"นามิแบ่งสมบัติให้คนอื่น พายุเข้าแน่ ๆ"
เนื่องด้วยลูฟี่โกหกไม่เป็น แถมเขาไม่เคยพยายามจะโกหกเลยด้วยซ้ำ เขาซื่อสัตย์และตรงไปตรงมากับทุกคนเสมอ แม้แต่ศัตรูของเขา นี่จึงเป็นข้อดีที่สามารถ “ซื้อใจ” ฝ่ายตรงข้าม หันมาเป็นพรรคพวกเดียวกับลูฟี่ในท้ายที่สุด ด้วยนิสัยโกหกไม่เป็น แสร้งทำเป็นไม่รู้ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่เต็มอก ลูฟี่จึงยกภาระนี้ให้กับลูกเรือคนอื่นแทน
5. ภาวะผู้นำด้านอื่น ๆ
ลูฟี่จะโดนคนอื่นในเรือดุบ่อย ๆ ถึงความประมาทและซื่อบื้อของเขาไปบ้าง แต่เขาก็ไม่เคยเก็บมาใส่ใจ หรือถือโทษโกรธพวกเขา เป็นเพราะลูฟี่ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์กับคนในทีมมากกว่าการวางอำนาจ
นอกจากนี้ ลูฟี่ยังเป็นคนที่ลงมือทำทันที ทำให้เห็นคนในเรือได้เห็นเป็นตัวอย่าง ไม่รอให้เสียโอกาส (แม้บางทีก็ไม่คิดหน้าคิดหลัง จนเป็นอันตรายไปบ้าง) รวมไปถึงฝึกฝนตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น ไม่หยุดพัฒนาตนเอง เปิดใจรับสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญที่ผู้นำที่ดีจำเป็นต้องมี
ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้จึงทำให้ “ลูฟี่” กลายเป็น “หัวหน้า” ที่ทุกคนให้การยอมรับและเชื่อใจ พร้อมร่วมหัวจมท้ายไปกับเขา
ที่มา: Anime Motivation, Mission to the Moon, Walden University