'ยูเนสโก' ประกาศขึ้นทะเบียน 'เมืองโบราณศรีเทพ' เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม
"ยูเนสโก" ประกาศขึ้นทะเบียน "เมืองโบราณศรีเทพ" เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ นับเป็นมรดกโลกแห่งที่ 7 ของประเทศไทย
เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2566 ที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลก (World Heritage Committee) สมัยสามัญ ครั้งที่ 45 ณ กรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย มีมติให้ขึ้นทะเบียนแหล่ง "เมืองโบราณศรีเทพ" เป็นมรดกโลก ภายในอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ ค.ศ. 1972 (Convention Concerning the Protection of the World Cultural and Natural Heritage หรืออนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก) ขององค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ "ยูเนสโก" (UNESCO)
โดยแหล่งเมืองโบราณศรีเทพ เป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก ลำดับที่ 7 ของไทย ก่อนหน้านี้ ไทยมีมรดกโลกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนแล้ว 6 แหล่ง ได้แก่
- เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร
- นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาและเมืองบริวาร
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร - ห้วยขาแข้ง
- แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง
- ผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่
- กลุ่มป่าแก่งกระจาน
"เมืองโบราณศรีเทพ" ตั้งอยู่ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ประกอบด้วยแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม 3 แหล่งที่สัมพันธ์และเกี่ยวข้องกัน คือ เมืองโบราณศรีเทพ โบราณสถานเขาคลังนอก และโบราณสถานถ้ำเขาถมอรัตน์ มีอายุมากกว่า 1,500 ปี และด้วยสภาพภูมิประเทศที่มีความเหมาะสม จึงมีการอยู่อาศัยของมนุษย์มาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
อีกทั้งเป็นเมืองโบราณในวัฒนธรรมทวารวดีที่มีลักษณะโดดเด่นเฉพาะตัว มีผังเมืองที่มีอัตลักษณ์แตกต่างไปจากผังเมืองสมัยทวารวดีทั่วไป และยังมีรูปแบบศิลปกรรมที่โดดเด่น และแตกต่างจากเมืองสมัยทวารวดีในที่อื่น ๆ จนได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปกรรมในสกุลช่างศรีเทพ
การขึ้นทะเบียนมรดกโลก ครั้งนี้เป็นความภาคภูมิใจของไทย และถือเป็นการสร้างความตระหนักรู้ในระดับสากลต่อคุณค่าและความสำคัญของแหล่งเมืองโบราณศรีเทพในฐานะมรดกโลกทางวัฒนธรรม รวมถึงเป็นจุดเริ่มต้นของการผสานความร่วมมือในการดำเนินงานร่วมกันของภาคส่วนต่าง ๆ ในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู คุ้มครอง และป้องกัน "เมืองโบราณศรีเทพ" ให้เป็นแหล่งเรียนรู้และสมบัติของคนรุ่นใหม่และคนทั้งโลกต่อไป
อนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ค.ศ.1972 ได้รับการรับรองในที่ประชุมสมัยสามัญของยูเนสโกเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2515 โดยมีแรงบันดาลใจจากการที่นานาประเทศได้ร่วมกันบริจาคเงินกว่า 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ผ่านยูเนสโกให้แก่อียิปต์และซูดาน เพื่อเคลื่อนย้ายและบูรณะวิหาร Abu Simbel ซึ่งเสี่ยงต่อการถูกน้ำท่วมภายหลังการก่อสร้างเขื่อนอัสวาน ปัจจุบัน มีรัฐภาคี 195 ประเทศ การเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกแสดงถึงความมุ่งมั่นของรัฐภาคีที่จะสงวนรักษาความโดดเด่นทางธรรมชาติและวัฒนธรรมไว้สำหรับคนรุ่นหลัง รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้แก่สาธารณชน