พักสบายเหมือนอยู่บ้าน 'Somerset Pattaya' โรงแรมรักษ์โลกแถมยัง Pet Friendly
‘Somerset Pattaya’ โรงแรมสไตล์โมเดิร์นใจกลางพัทยาที่ไม่ใช่แค่พักสบายเท่านั้น แต่ยังใส่ใจสิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์ Family Friendly, Pet Friendly และกลุ่มนักเดินทาง “วัยทำงาน” ที่มีไลฟ์สไตล์ Work From Anywhere อีกด้วย
KEY
POINTS
- ‘Somerset Pattaya’ โรงแรมสไตล์โมเดิร์นใจกลางพัทยา ที่ไม่ได้โดดเด่นแค่การบริการดีเลิศ และห้องพักสะดวกสบายเท่านั้น แต่ยังใส่ใจสิ่งแวดล้อมด้วยการลดใช้รองเท้าสลิปเปอร์แบบใช้แล้วทิ้ง
- ตอบโจทย์ Family Friendly, Pet Friendly และกลุ่มนักเดินทาง “วัยทำงาน” ที่มีไลฟ์สไตล์ Work From Anywhere ด้วยห้องพักแบบ Hybrid กึ่ง Service Residence
- โซนห้องพักแบบ Pet Friendly ได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักท่องเที่ยวที่นิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเป็นเหมือนลูก พบว่ามีการจองห้องพักโซนนี้เข้ามาเรื่อยๆ ไม่ขาดสาย
เมื่อไลฟ์สไตล์ของนักท่องเที่ยวในยุคหลังโควิดเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมาก จึงไม่แปลกที่จะเห็น ธุรกิจโรงแรม-ที่พัก หลายๆ แห่งเริ่มมีการปรับตัวให้เท่าทันเทรนด์ใหม่ๆ และไลฟ์สไตล์ของผู้คนที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัยด้วย โดยเฉพาะไลฟ์สไตล์ของ “วัยทำงาน” ในยุคนี้ ที่ต้องสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ เทรนด์การดูแลสิ่งแวดล้อมที่เข้มข้นมากขึ้น รวมไปถึงเทรนด์การเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเป็นลูกหรือสมาชิกในครอบครัว (Pet Parent) ที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
หนึ่งในโรงแรมที่เข้าใจไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ และสามารถตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของนักเดินทางสมัยนี้ได้ค่อนข้างครบทุกมิติ ก็คือ ‘Somerset Pattaya’ ในเครือ The Ascott limited ที่ตั้งอยู่ใจกลางพัทยา เมืองท่องเที่ยวชื่อดังของประเทศไทย ที่นี่ไม่เพียงแต่นำเสนอห้องพักกว้างขวางที่พักผ่อนได้แสนสบายเท่านั้น แต่ยังเป็นโรงแรมที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และตอบโจทย์นักเดินทางกลุ่มวัยทำงานและกลุ่มครอบครัวที่รักสัตว์เลี้ยง
Somerset Pattaya มอบประสบการณ์การพักโรงแรมที่สะดวกสบายเหมือนอยู่บ้าน
คณิต แสงมุกดา ผู้จัดการทั่วไปของ The Ascott limited ประจำประเทศไทยและลาว กล่าวว่า เนื่องจาก The Ascott limited เป็นผู้บุกเบิกธุรกิจด้าน Service Residence มาตั้งแต่ปี 1984 และเป็นเจ้าแรกที่เป็นผู้นำด้านนี้ในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก โดยมีบริษัทแม่อยู่ที่สิงคโปร์ บริษัทได้พัฒนาธุรกิจมาเรื่อยๆ จนในปัจจุบันมี Property ในเครือรวมทั้งหมดอยู่ที่ 950 แห่งทั่วโลก ส่วนในประเทศไทยมีอยู่ประมาณ 27 แห่ง ซึ่งก็มีอยู่หลากหลายแบรนด์ โดย Somerset ก็เป็นแบรนด์หนึ่งในเครือแอสคอทท์ด้วย
สำหรับ Somerset Pattaya เป็นโรงแรมที่ต้องการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการเข้าพักให้แก่นักเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มครอบครัว กลุ่มคนรักสัตว์เลี้ยง หรือนักท่องเที่ยวทั่วไปที่มาเข้าพักที่นี่ โดยเฉพาะการบริการอย่างดีเลิศจากบุคลากรของโรงแรมที่มีคุณภาพ สามารถมอบประสบการณ์การเข้าพักที่ยูนีค โดดเด่น แตกต่างจากโรงแรม-ที่พักแห่งอื่นๆ ในพัทยา เพื่อสร้างการจดจำที่น่าประทับใจให้แก่ผู้เข้าพัก ในขณะเดียวกันทางโรงแรมก็ไม่ลืมให้ความสำคัญด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการดูแลและเชื่อมต่อกับชุมชนรอบข้าง เพื่อให้โรงแรมและชุมชนคนท้องถิ่นเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน
“ตั้งแต่ช่วงหลังโควิดเป็นต้นมา พบว่าพฤติกรรมของนักเดินทางก็เปลี่ยนไป ประกอบกับเทคโนโลยีที่พัฒนาไปไกลกว่าที่เคย ทำให้รูปแบบการทำงานของผู้คนยุคนี้เปลี่ยนไป เกิดเป็นเทรนด์การทำงานจากที่ไหนก็ได้ (Work From Anywhere) จึงทำให้การเดินทางของผู้คนในยุคนี้ไม่ได้หมายถึงแค่การเดินทางท่องเที่ยว แต่เป็นไลฟ์สไตล์แบบเที่ยวไปด้วยทำงานไปด้วย จะเห็นว่านักเดินทางต้องการประสบการณ์การเข้าพักในโรงแรมที่ต่างไปจากยุคอดีตที่ผ่านมา
ดังนั้น เราจึงมุ่งเน้นพัฒนาห้องพักของเราให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้คนยุคนี้ให้มากที่สุด ด้วยการนำเสนอเป็นห้องพักสไตล์ Hybrid ซึ่งมาจากการผสมผสานกันระหว่าง Service Residence และ ห้องพักแบบโรงแรม จนออกมาเป็นห้องพักที่มีพื้นที่กว้างขวางกว่าห้องโรงแรมทั่วไป อีกทั้งยังมีโซนห้องครัว มีเครื่องซักผ้า มีโซนนั่งเล่นแบบครบครัน เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้แก่นักเดินทางยุคใหม่ได้มากขึ้น ทำให้ผู้เข้าพักสามารถใช้ชีวิตเหมือนอยู่บ้านได้เลย” คณิต อธิบาย
สำหรับทิศทางการขยายธุรกิจในอนาคต คณิต คาดการณ์ว่าจะมีการขยายโรงแรมสไตล์ Hybrid ในลักษณะนี้ไปยังหัวเมืองหลักอื่นๆ ของประเทศไทย โดยอาจจะมีเพิ่มเติมในพื้นที่พัทยาโซนอื่นๆ รวมถึงกำลังหาพาร์ทเนอร์ในพื้นที่ของเชียงใหม่และภูเก็ตด้วย
Somerset Pattaya ใส่ใจสิ่งแวดล้อม พร้อมเชื่อมต่อชุมชนให้โตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ ณัฐดล ปัทมดิลก ผู้จัดการอาวุโสโรงแรมซัมเมอร์เซ็ท พัทยา อธิบายถึงจุดเด่นของโรงแรม Somerset เพิ่มเติมว่า เน้นตอบโจทย์ผู้เข้าพักในแง่ของการเป็น Family Friendly, Pet Friendly และ Sustainability ซึ่งมีการผสมผสานคุณค่าทั้งสามด้านนี้ให้สอดคล้องกันได้อย่างลงตัว
โดยเฉพาะในด้าน Sustainability ณัฐดล บอกกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ทางโรงแรมก็ให้ความสำคัญมาก โดยโปรดักส์ต่างๆ ที่เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องพักนั้น ทางโรงแรมได้ลดการใช้กระดาษ และลดใช้พลาสติกลงให้มากที่สุด เน้นใช้วัสดุที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ หรืออย่างขวดน้ำดื่มในห้องพักก็เลือกใช้เป็นขวดแก้วแทนขวดพลาสติก เพื่อสามารถนำไป Re-use กลับมาใช้ซ้ำได้ รวมถึงกำลังเริ่มทำ Mobile-Key ทดแทนการใช้คีย์การ์ดเข้าห้องแบบดั้งเดิม เพื่อลดการใช้พลาสติกลงด้วยเช่นกัน
อีกทั้งยังมีการปรับเปลี่ยนไม่ใช้รองเท้าสลิปเปอร์แบบผ้า (ใช้แล้วทิ้ง) เพราะถือเป็นไอเท็มที่สร้างขยะเยอะมาก แต่เปลี่ยนมาใช้เป็นรองเท้าแตะพื้นยาง (flip flops) ทดแทน เพราะมีความทนทานสามารถใช้ซ้ำได้ จากเดิมที่ต้องสั่งรองเท้าสลิปเปอร์แบบผ้าเข้ามาเป็นพันๆ คู่ แต่เมื่อเริ่มทำการลดขยะตรงนี้ จากการติดตามผลเป็นรายไตรมาสก็พบว่า สามารถลดขยะที่เป็นรองเท้าสลิปเปอร์ลงไปได้เยอะมาก
ส่วนรองเท้าสลิปเปอร์ล็อตเก่าที่ถูกใช้งานแล้ว ทางโรงแรมตัดสินใจไม่ทิ้งให้กลายเป็นขยะ แต่เอามาซักให้สะอาดแล้วนำไปบริจาคให้แก่หลายๆ หน่วยงานในพื้นที่ เช่น บ้านเด็กกำพร้า บ้านผู้พิการทางสายตา โรงพยาบาล และชุมชนรอบๆ โรงแรม ทั้งนี้ ทางโรงแรมต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลชุมชนท้องถิ่นรอบข้างให้เติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกับเราด้วย จึงมีการนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับโรงแรม เช่น การเที่ยวชุมชนสวนมะพร้าวตะเคียนเตี้ยที่บางละมุง หรือการเข้าไปสนับสนุนโปรดักส์ท้องถิ่นของชาวบ้าน เช่น กระเป๋าจักสาน ขนมไทย งานฝีมือต่างๆ ฯลฯ เพื่อนำมาใช้ในโรงแรม เป็นต้น
สำหรับกลุ่มผู้เข้าพักของซัมเมอร์เซ็ท พัทยา ในช่วงนี้พบว่า ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น จีน ฮ่องกง ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลี ฯลฯ แต่ก็มีคนไทยเข้าพักในสัดส่วนประมาณ 20% ซึ่งถือว่าไม่น้อยเลย โดยเฉพาะในช่วงสุดสัปดาห์จะมีนักท่องเที่ยวคนไทยเข้ามาพักมากเป็นพิเศษ และส่วนใหญ่ก็จะเป็นกลุ่มครอบครัวเป็นหลัก
ห้องพักมีหลายประเภทหลายโซน ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัวและกลุ่มรักสัตว์เลี้ยง
สำหรับห้องพักของซัมเมอร์เซ็ท พัทยา มีทั้งหมด 324 ห้อง ตั้งแต่ห้องพักแบบมาตรฐาน ไปจนถึงห้องพักแบบ 3 ห้องนอน ที่ได้รับการออกแบบและตกแต่งในสไตล์โมเดิร์น เหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับครอบครัวเล็กไปจนถึงครอบครัวใหญ่ จึงมั่นใจได้ว่า ซัมเมอร์เซ็ท พัทยา จะเป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบในการพักผ่อน
ด้านผู้จัดการโรงแรม ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงประเภทห้องพักที่เหมาะกับผู้เข้าพักกลุ่มครอบครัวที่มีสัตว์เลี้ยงหรือเด็กๆ เข้ามาพักด้วย ได้แก่
1. ห้องประเภท One-bedroom Executive มีพื้นที่ใช้สอย 55 ตร.ม.
ภายในห้องพักประกอบไปด้วย 1 Living room และ 1 Bed room อยู่ในนั้นด้วย แล้วก็จะมีโซนห้องครัวและโต๊ะกินข้าวครบครัน เหมาะกับครอบครัวเล็กๆ ที่มีสัตว์เลี้ยง ก็สามารถนำสัตว์เลี้ยงเข้าพักได้ด้วย โดยบริเวณชั้น 7 ทั้งชั้น จะเป็นโซนที่ให้บริการห้องพักแบบ Pet Friendly ซึ่งทางโรงแรมจะจัดโซนไว้เฉพาะชั้นนี้เท่านั้น (ไม่มีบริการนี้ในโซนห้องพักแบบ Sea view) โดยจะมีการจัดเต๊นท์หรือกระโจมขนาดเล็ก และถ้วยอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยง และมีอาหารสัตว์เลี้ยงไว้ให้ด้วย ซึ่งหากต้องการให้จัดเซ็ตดูแลสัตว์เลี้ยง ก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ซึ่งราคาห้องพักประเภทนี้อยู่ที่ประมาณ 5,500 บาท++ ทั้งนี้ราคาปรับขึ้นลงตามช่วงเวลาไฮซีซัน-โลว์ซีซัน
2. ห้องประเภท Two-bedroom Executive มีพื้นที่ใช้สอย 80 ตร.ม.
หากครอบครัวไหนมีเด็กๆ มาด้วยหลายคน ก็จะเหมาะห้องประเภท Two-bedroom Executive ประกอบไปด้วย 1 Living room และ 2 Bed room มาพร้อมโซนห้องครัวและสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครันเช่นกัน ซึ่งห้องพักประเภทนี้ทางโรงแรมมีบริการเสริมเข้ามา คือ สามารถเซ็ตอัปอุปกรณ์ ตุ๊กตา บอร์ดเกม กระโจม ของเล่นต่างๆ ไว้ให้เด็กๆ ได้ แต่จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกประมาณ 2,000 บาท เฉพาะในกรณีที่ลูกค้าต้องการให้เซ็ตอัปให้ ส่วนราคาห้องพักอยู่ที่ประมาณ 10,000 บาท++ ทั้งนี้ราคาปรับขึ้นลงตามช่วงเวลาไฮซีซัน-โลว์ซีซัน
นอกจากนี้ หากมาเป็นครอบครัวใหญ่ก็สามารถรวมห้อง One-bedroom Executive และ Two-bedroom Executive เข้าด้วยกันได้ (รวมห้องฝั่งซ้าย-ฝั่งขวา และทางเดินตรงกลาง) โดยจะมีประตูใหญ่ด้านหน้าทางเดินเป็นประตูหลักเพื่อเชื่อมห้องทั้งสองให้อยู่ในพื้นที่เดียวกัน ก็จะกลายเป็นห้องแบบ Three-bedroom Executive ซึ่งเพิ่มพื้นที่ใช้สอยได้มากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ผู้จัดการฝ่ายห้องพักของโรงแรมก็บอกกับกรุงเทพธุรกิจ อีกว่า ห้องพักแบบ Pet Friendly ของทางโรงแรมได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักท่องเที่ยวในยุคนี้ที่นิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเป็นเหมือนสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว โดยพบว่ามีการจองห้องพักโซนนี้เข้ามาเรื่อยๆ ไม่ขาดสาย ทั้งนี้ เจ้าของสัตว์เลี้ยงสามารถพาสัตว์เลี้ยงไปเดินเล่นที่สวนของโรงแรมและพื้นที่รอบๆ โรงแรมได้ด้วย และมีพื้นที่การขับถ่ายให้สัตว์เลี้ยงแยกไว้โดยเฉพาะ ยกเว้นเพียง 2 จุดที่ไม่อนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงเข้าไปคือ โซนห้องอาหารส่วนกลางและโซนสระว่ายน้ำเท่านั้น นอกจากนี้ยังพบด้วยว่ากลุ่มลูกค้าที่พาสัตว์เลี้ยงมาเข้าพักนั้น ไม่ได้มีแค่หมาแมวเข้ามาพักเท่านั้น แต่บางครั้งก็มีเป็ด กระต่าย เต่า นก เข้ามาพักในโซนชั้น 7 แห่งนี้ด้วย
นอกจากห้องพักที่ออกแบบมาให้เหมาะกับทุกคนในครอบครัวแล้ว ผู้เข้าพักยังสามารถไปคลายร้อนได้ที่ “สระว่ายน้ำอินฟินิตี้” ที่สามารถมองเห็นวิวของ “อ่าวพัทยา” ได้อย่างสวยงามพร้อมวิวพระอาทิตย์ตกยามเย็น แถมยังมี “สวนน้ำเรือโจรสลัด” บนชั้นดาดฟ้า อีกทั้งสามารถไปอิ่มอร่อยกับอาหารทะเลเลิศรสที่ “ห้องอาหารซีทูเซิร์ฟ” ที่เสิร์ฟอาหารทะเลสดๆ อร่อยๆ มากมายหลายเมนู
โรงแรมซัมเมอร์เซ็ท พัทยา ตั้งอยู่บนทำเลที่ดีเยี่ยมใจกลางเมืองพัทยา บนถนนพัทยาสายสอง ซึ่งเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดของเมือง และอยู่ในย่านบันเทิงที่คึกคักรายล้อมไปด้วยร้านอาหารมากมาย ใกล้ชายหาดพัทยาเพียง 5 นาที นอกจากนี้ ซัมเมอร์เซ็ท พัทยา ยังตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ด้วยการมีทั้งห้องประชุมสัมมนา และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะสำหรับครอบครัว เช่น สระว่ายน้ำ ห้องเด็กเล่น และห้องออกกำลังกาย
นักท่องเที่ยวที่สนใจเข้าพักที่นี่สามารถสอบถามเพิ่มเติมหรือสำรองห้องพักได้ที่ [email protected] หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.discoveras.com