งานหนัก ถูกคาดหวังสูง แต่ทรัพยากรจำกัด ทำพนักงานเครียด ยื่นใบลาออก
ผลวิจัยชี้ "งานหนัก" เป็นสาเหตุหลักของความเครียดจนพนักงานตัดสินใจลาออก ยิ่งทำงานหนัก ถูกคาดหวังสูง แต่ทรัพยากรที่มีให้จำกัด ทั้งเงิน ทั้งคน ยิ่งเสี่ยงให้พนักงานมีปัญหาสุขภาพจิต
ข้อมูลจากรายงานการจ้างงาน ผลตอบแทนและสวัสดิการปี 2567 โดย Jobsdb by SEEK ชี้ให้เห็นว่าปัจจัยด้าน "ความเครียดในที่ทำงาน" ทำให้พนักงานลาออก สูงถึง 33%
โดยเมื่อดูที่ "ระดับความเครียด" พบว่า ผู้ประกอบการ 69% ให้คะแนนองค์กรของตนว่า เป็นสถานที่ทำงานที่มีความเครียดระดับปานกลาง และมีผู้ประกอบการ 18% ที่บอกว่า องค์กรตนมีความเครียดต่ำ ขณะที่ผู้ประกอบการ 14% บอกว่า องค์กรตน มีความเครียดสูง ซึ่งส่วนใหญ่ที่ตอบ เป็นกิจการที่อยู่ในอุตสาหกรรมด้านบริการทางธุรกิจ
การดูแลสุขภาพจิตของพนักงานจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับองค์กร เพราะพนักงานเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยหนุนการเติบโตของธุรกิจ ในภาวะการแข่งขันที่ทวีรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ดวงพร พรหมอ่อน กรรมการผู้จัดการ Jobsdb by SEEK ได้เปิดเผยถึง "รายงานการจ้างงาน ผลตอบแทนและสวัสดิการปี 2567" ในเรื่องสุขภาพจิตในสถานที่ทํางาน รวมถึงความท้าทายที่องค์กร และพนักงานต้องเผชิญจากปัจจัยด้านสุขภาพจิต
งานหนัก คือ สาเหตุหลักของความเครียด
จากรายงานข้างต้น โดยรวมแล้วผู้ประกอบการรู้สึกว่าสาเหตุหลักของ "ความเครียด" ในองค์กร ดังนี้
- ภาระงานหนัก (43%)
- ทรัพยากรไม่เพียงพอ เช่น จำนวนพนักงาน งบประมาณ และ อื่นๆ (26%)
- ความกดดันสูงจากฝ่ายบริหาร การทำงานแข่งกับเวลา (24%)
โดยสาเหตุเหล่านี้ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในกลุ่มบริษัทที่อยู่ในช่วงความเครียดสูงซึ่งก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ เช่น การลาออกสูง (33%) อคติหรือการเลือกปฏิบัติ (31%) ขาดการชื่นชมและยอมรับในผลงาน (26%) ค่าตอบแทนต่ำ (27%) และลำดับชั้นที่มากเกินไป (27%)
สมดุลชีวิต คือ เรื่องสำคัญ องค์กรควรใส่ใจมากขึ้น
อย่างไรก็ดี ผลสำรวจแนวโน้มในอนาคตของสวัสดิการด้านความสมดุลของชีวิตและการงาน ชี้ให้เห็นว่า มีองค์กรถึง 43% เริ่มหันมาให้ความสำคัญเกี่ยวกับสภาพจิตใจของพนักงานมากขึ้น โดยริเริ่มกิจกรรมต่าง ๆ วันหยุดเพื่อสุขภาพจิต และ การให้คำปรึกษาด้านการดูแลสุขภาพ สายด่วน/การสื่อสาร/การให้คำปรึกษาเพื่อสนับสนุนพนักงานที่มีความเครียด หลายบริษัทจัดการพูดคุยเกี่ยวกับสุขภาพจิตหรือการดูแลสุขภาพบ่อยขึ้น โดยเฉลี่ย 4.6 ครั้งต่อปี แสดงให้เห็นว่าสวัสดิการที่มากขึ้นเกี่ยวกับสุขภาพจิตกลายเป็นเรื่องปกติ
นอกจากนี้ ยังมีสวัสดิการอีกหลากหลายรูปแบบที่มีความน่าสนใจ ที่ไม่ใช่เพียงแค่การดูแลด้านสุขภาพจิตของพนักงานเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างสมดุลให้กับชีวิตของพนักงาน เพื่อให้พนักงานเกิดความผ่อนคลายจากการทำงานมากยิ่งขึ้น อาทิ กิจกรรมขององค์กร (ท่องเที่ยว, วิชาเรียนที่น่าสนใจ), เวลาทำงานที่ยืดหยุ่น, การจัดหาอาหารว่าง/ เครื่องดื่ม/ ผลไม้ให้พนักงานได้รับประทานระหว่างวัน, การลาก่อนช่วงเทศกาล, วันทำงานที่ยืดหยุ่น หรือความบันเทิง/กิจกรรมออกกำลังกายที่สำนักงาน เช่น จ้างเทรนเนอร์มาที่สำนักงานในชั่วโมงออกกำลังกาย เป็นต้น
ทั้งนี้ หากผู้ประกอบการมีศึกษาสวัสดิการเพิ่มเติมเหล่านี้เพื่อนำมาปรับใช้กับบุคลากร นอกจากจะเป็นการช่วยให้พนักงานมีความสุข และมีสมดุลในการทำงานมากขึ้นแล้ว ยังถือเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างองค์กรและบุคลากรอีกด้วย
"สุขภาพจิตเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับคนรุ่นใหม่ ผู้ประกอบการจึงควรมีการดำเนินการเพื่อช่วยเหลือพนักงานให้มากขึ้น จากผลรายงานพบว่า 58% ของผู้ประกอบการเห็นว่าสิ่งที่องค์กรทำเพียงพอที่จะช่วยให้พนักงานรับมือกับความเครียดได้ ซึ่งจากสัดส่วนดังกล่าวที่ไม่สูง ทำให้เห็นว่าในองค์กรยังมีพื้นที่สำหรับการพัฒนาสวัสดิการด้านสุขภาพจิตได้มากขึ้นอีกในอนาคต เพื่อให้สอดคล้องกับรายงานจากกรมสุขภาพจิตที่พบว่าแนวโน้มของความเครียดของพนักงานมีอัตราที่สูงขึ้นในทุกปี ดังนั้นการสนับสนุนและสร้างขวัญกำลังใจให้พนักงาน เพื่อช่วยเหลือผู้ที่มีความเครียดในองค์กร จึงเป็นอีกเทรนด์หนึ่งที่ผู้ประกอบการไม่ควรละเลยเช่นกัน" กรรมการผู้จัดการ Jobsdb by SEEK กล่าวทิ้งท้าย
อ้างอิง : รายงานการจ้างงาน ผลตอบแทนและสวัสดิการปี 2567