รู้จัก 12 เรื่องราวดี ๆ กับงานวิ่งสู่วิถีชีวิตใหม่ Thai Health Day Run 2024
สสส. ชวนไปรู้จักงานวิ่งสู่วิถีชีวิตใหม่ Thai Health Day Run ครั้งที่ 12 ผ่าน 12 เรื่องราวดีๆ ก่อนออกไปวิ่งให้หัวใจเต้นแรงไปด้วยกัน ในวันที่ 8 ธันวาคม 2567 ที่สะพานพระราม 8
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. ชวนมารู้จักงานวิ่งสู่วิถีชีวิตใหม่ Thai Health Day Run งานวิ่งที่เชื่อว่าการวิ่งสามารถนำพาวิถีชีวิตใหม่มาให้ ซึ่งจัดมาแล้วถึง 11 ครั้ง แต่ก่อนจะถึงวันงาน อยากชวนมาพบกับ 12 เรื่อง 12 แง่มุมดีๆ ที่ สสส. และภาคีเครือข่ายสนับสนุนให้ทุกคนมีกิจกรรมทางกายที่ทำได้ง่าย และดีด้วยการออกวิ่ง
คนไทย 76% มีพฤติกรรมเนือยนิ่ง
ก่อนที่จะมีคนไม่น้อยหันมาให้ความสนใจกับการออกกำลังกายโดยเฉพาะการออกวิ่งเหมือนทุกวันนี้ สสส. เริ่มส่งเสริมการมีกิจกรรมทางกายด้วยการวิ่งอย่างต่อเนื่องมาตลอดนับตั้งแต่ปี 2555 เพราะตระหนักว่าการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิตทั้งการเรียน การทำงาน สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า "พฤติกรรมเนือยนิ่ง" (Sedentary Lifestyle) ซึ่งเป็นกิจกรรมที่แทบไม่มีการเคลื่อนไหวร่างกาย ได้แก่ การนั่งเอนหลัง นอนเฉย ๆ หลังตื่นนอนแล้ว หรือภาวะที่ต้นขาขนานกับพื้นในขณะตื่นนอน เช่น เวลานั่งทำงาน นั่งเรียนในห้องเรียน ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ใช้พลังงานค่อนข้างต่ำ ประกอบกับผลการศึกษาวิจัยที่พบว่า คนไทย 76% มีพฤติกรรมเนือยนิ่งโดยการนั่งตั้งแต่วันละ 7 ชั่วโมงขึ้นไป ทำให้ใช้แรงกายลดลง ส่งผลทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยด้วย โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) อย่างโรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง และโรคอื่นๆ จากอัตราการเผาผลาญพลังงานที่ต่ำ
นำมาสู่ที่มาของกิจกรรม งานวิ่งสู่วิถีชีวิตใหม่ ครั้งแรกในปี 2555 จนมาถึงครั้งที่ 12 ในปี 2567 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นการมีกิจกรรมทางกายในกลุ่มเป้าหมาย วันนี้จึงอยากชวนทุกคนมารู้จักเรื่องราวดี ๆ 12 เรื่อง ก่อนมาร่วมวิ่งไปด้วยกันในงานวิ่งสู่วิถีชีวิตใหม่ THDR ครั้งที่ 12 ที่มาพร้อมแนวคิด "เมื่อคุณเริ่มวิ่งหัวใจเต้นแรง"
1. "ถ้าผมไม่เริ่มวิ่ง ผมคงตายไปแล้ว" จากวลีหนึ่งสู่งานวิ่งที่จัดมาแล้วถึง 11 ครั้ง
สำหรับกิจกรรม Thai Health Day Run วิ่งสู่วิถีชีวิตใหม่ เกิดจากแรงบันดาลใจของนายแพทย์ท่านหนึ่งพร้อมกับวลีที่ว่า "ถ้าผมไม่เริ่มวิ่งในวันนั้น ผมคงตายไปแล้ว" ซึ่งเป็นคำพูดของ ศาสตราจารย์นายแพทย์ อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม ผู้บุกเบิกกระแสการวิ่งในประเทศไทยซึ่งขณะนั้นมีนักวิ่งเพียงไม่กี่ล้านคน จนปัจจุบันมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นหลายเท่า ก็แสดงให้เห็นว่าคนไทยหันมาดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้น และการวิ่งก็ได้เปลี่ยนชีวิตใครหลาย ๆ คนเลยทีเดียว
2. ทำไมถึงเลือกการวิ่ง
การวิ่ง เป็นการออกกำลังกายที่ช่วยสร้างต้นทุนชีวิตที่สำคัญ ทำให้มีพลังกายที่แข็งแกร่ง พลังจิตที่เบิกบานแข็งแกร่ง การวิ่งจะนำพาผู้วิ่งชนะใจตนเอง ชนะปัญหาสุขภาพ ค่าใช้จ่ายไม่สูง และไม่จำเป็นต้องเดินทางไกล เริ่มได้เกือบจะทุกที่ แค่ขอให้สถานที่ในการวิ่งนั้นปลอดภัย
3. จากงานวิ่ง สู่ภาพยนตร์ถ่ายทอดการวิ่งสู่สังคม
ในปี 2555 ไทยมีนักวิ่งแค่ 5 ล้านคน ซึ่งเป็นปีแรกของการจัดงาน Thai Health Day Run วิ่งสู่วิถีชีวิตใหม่ ในปีนั้นได้มีการทำงานร่วมมือกับทางค่ายภาพยนตร์จีทีเอช GDH ในการการกระตุ้นการวิ่งผ่านตอนหนึ่งในภาพยนตร์เรื่อง "รัก 7 ปี ดี 7 หน" ปลุกกระแสให้คนไทยหันมาสนใจการวิ่งเพื่อสุขภาพมากขึ้น ส่งผลให้มีนักวิ่งหน้าใหม่เข้าร่วมโครงการ "วิ่ง...สู่ชีวิตใหม่" กว่า 40,000 คน
4. ทำไมงานวิ่งของเราถึงเหมาะกับนักวิ่งทุกคน รวมถึงนักวิ่งหน้าใหม่
งาน Thai Health Day Run งานวิ่งสู่วิถีชีวิตใหม่ เป็นงานวิ่งที่เปิดโอกาสให้กับคนที่อยากวิ่งแต่ยังไม่รู้จะเริ่มที่สนามไหนดี งานวิ่งสู่วิถีชีวิตใหม่อาจเหมาะกับคุณ ด้วยการออกแบบระยะวิ่งตามกิโลเมตรที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มวิ่งมาราธอนมีตั้งแต่ระยะ 3K 5K และ 10K
5. งานวิ่งที่สามารถมาร่วมกิจกรรมได้ทุกเพศ ทุกวัย และทั้งครอบครัว
จากวันแรกของการเริ่มต้นโครงการ Thai Health Day Run วิ่งสู่วิถีชีวิตใหม่ สสส. ก็ได้ตั้งเป้าหมายเพื่อผลิตนักวิ่งหน้าใหม่ให้เพิ่มมากขึ้นทั้งในแง่ปริมาณและความหลากหลาย โดย "นักวิ่งหน้าใหม่" ก็คือทุกคนที่อยากออกกำลังกาย ต้องสามารถเข้าถึงการออกกำลังกายได้ และใช้การวิ่งในการส่งเสริมกิจกรรมทางกายได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุ สตรี เด็ก ครอบครัว ผู้ใช้รถเข็น ก็สามารถร่วมงานนี้ได้
6. ค่าสมัครวิ่งเพื่อให้ทุกคนได้วิ่ง
ปฏิเสธไม่ได้ค่าสมัครงานวิ่ง ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในการตัดสินใจเข้าร่วม สสส. และภาคีเครือข่ายช่วยกันทำให้ราคาค่าวิ่งเอื้อต่อทุกคน ค่าสมัครทุกระยะราคา 300 บาท ภายใต้ค่าสมัครนี้จะได้รับเสื้อวิ่งดีไซน์สวย เหรียญวิ่งสำหรับผู้ที่วิ่งเข้าเส้นชัย และรวมถึงการจัดการอาหารและน้ำสำหรับนักวิ่ง สนใจสมัครวิ่งติดตามที่เฟซบุ๊ก thaihealthdayrun
7. งานวิ่งที่สนับสนุนการมีกิจกรรมทางกายในละแวกสถานที่จัดงาน
การส่งเสริมชุมชนที่อยู่ในละแวกพื้นที่จัดงานวิ่งถือเป็นเป้าหมายหนึ่งในการดำเนินงาน ตลอด 11 ครั้ง รวมถึงครั้งที่ 12 นี้ ในทุกๆ ปี งานวิ่งสู่วิถีชีวิตใหม่ จะประสานงานกับชุมชนรอบพื้นที่ที่จัดงานวิ่ง เพื่อมอบสิทธิ์ให้กับผู้สนใจงานวิ่งแต่ไม่มีโอกาสได้เข้าร่วมการวิ่งเรียกได้ว่างาน THDR ตลอด 11 ครั้งผ่านมา เป็นการนำงานวิ่งเข้าหาชุมชนและสังคม ทำให้การวิ่งเป็นกิจกรรมที่ทุกคนเข้าถึงได้ จับต้องได้
8. งานวิ่งสู่วิถีชีวิตใหม่จัดมาได้อย่างต่อเนื่องต้องมีพันธมิตรที่เข้มแข็ง
งานวิ่งสู่วิถีชีวิตใหม่จัดมาได้อย่างต่อเนื่อง และยังคงความนิยมได้ต้องมาจากพันธมิตรที่เข้มแข็ง เก่งและเข้าใจ พัฒนาการของวงการวิ่งเป็นอย่างดี ต้องขอบคุณสมาพันธ์ และมูลนิธิสมาพันธ์ชมรมเดิน-วิ่งเพื่อสุขภาพคนไทย ที่มีความมุ่งมั่นและเป้าหมายที่อยากให้คนไทยแข็งแรงไปด้วยกัน ทั้งนี้ยังรวมถึง กระทรวงสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร และทุกหน่วยงานที่มาช่วยให้งานนี้เกิดขึ้น
9. งานวิ่งที่จะไม่ยอมหยุดพัฒนา เพื่อสุขภาพที่ดีของนักวิ่ง
สสส. ร่วมกับ WIND Training แอปพลิเคชันที่ช่วยพัฒนาการเดิน-วิ่ง ให้การออกกำลังกายเกิดความสนุกสนาน ช่วยในการพัฒนาการออกกำลังกาย เพิ่มประสิทธิภาพ และลดอาการบาดเจ็บไม่พึงประสงค์ ยากชวนให้ทุกคนได้ทดลองใช้ โดยจุดเด่นของแอปพลิเคชันสามารจัดตารางซ้อมวิ่งด้วย AI ช่วยลดอาการบาดเจ็บหากซ้อมตามตารางอย่างต่อเนื่อง AI-based training plan application for running สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม คลิกที่นี่
10. งานวิ่งหรือกีฬาเพื่อมวลชนต้องได้มาตรฐานสากล
สสส. สมาคมการค้าผู้จัดงานกีฬามวลชนไทย และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ร่วมผลักดัน สนับสนุน และส่งเสริมความปลอดภัยการจัดงานกีฬามวลชน ในด้านงานเดินวิ่งในประเทศไทยที่แพร่หลายในปัจจุบันนั้น มีการเสริมสร้างมาตรฐานความปลอดภัย มาตรฐานด้านการแพทย์ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้เข้าร่วมงานที่เข้าร่วมกิจกรรม มีสนามวิ่งระดับประเทศต่างๆ ขานรับ นำแนวทางและตราสัญลักษณ์มาตรฐานความปลอดภัยกีฬามวลชน Mass Sport Safety Label ไปใช้เพื่อเกิดการรับรู้ของสนามวิ่ง และนักวิ่งทั่วประเทศ
11. 2024 วิ่งสู่วิถีชีวิตใหม่ มากับแนวคิด "เมื่อคุณเริ่มวิ่งหัวใจเต้นแรง"
การวิ่งถือเป็นการออกกำลังกาย ช่วยกระตุ้นการทำงาน การเต้นของหัวใจ โดยระดับการทำงานการเต้นของหัวใจถูกแบ่งเป็น 5 ระดับ หรือเรียกว่า 5 โซน การออกกำลังกายในระดับโซน 3 โดยจากข้อมูลทางการแพทย์พบว่าการออกกำลังโดยเฉพาะการวิ่งในระดับ (โซน) 3 หรือความหนักระดับปานกลาง (Moderate Intensity) จะช่วยสร้างความฟิต เพิ่มความแข็งแรงให้กับร่างกายโดยเฉพาะระบบหลอดเลือดหัวใจ และหัวใจจะทำงานดีขึ้น เมื่อวิ่งในระดับนี้ได้สักระยะจะเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับหลอดเลือดหัวใจ และหัวใจ ทำให้การไหลเวียนระดับออกซิเจนในเลือดเพิ่มขึ้น โดยในการวิ่งที่ระดับนี้ ต้องมีการฝึกฝนในแต่ละคนควรศึกษาตารางอัตราการเต้นของหัวใจที่เหมาะสมตามช่วงอายุก่อนเพื่อความปลอดภัยในการวิ่ง รวมถึงสังเกตสมรรถนะของร่างกายควบคู่
12. ซอมบี้นักวิ่ง จะต่างจากซอมบี้ในหนังปกติอย่างไร
สปอตรณรงค์ในปีนี้ เรายกกระแสของหนังแนวซอมบี้ ที่มีการวิ่งไล่ล่ามาใช้ในการเชิญชวนให้การสื่อสารมีความน่าสนใจ และยังสอดแทรกกระตุ้นให้เห็นข้อดีของการวิ่ง อยากให้หลายๆ ท่านลองไปติดตามว่าซอมบี้ในแบบฉบับนักวิ่งจะแตกต่าง อย่างไรกับซอมบี้ในหนังภาพยนตร์ และเราเชื่ออย่างแน่นอนว่าถ้าท่านดูจบท่านจะพบข้อดีจากการออกวิ่งให้หัวใจเต้นแรงไม่แพ้เหล่าซอมบี้ที่แม้ร่างกายหัวใจจะหยุดทำงาน คล้ายกับการที่คนเราไม่ค่อยได้ขยับร่างกายจนทำให้ร่างกายติดขัด แต่เมื่อออกวิ่ง พยายามวิ่งหัวใจก็กลับมาเต้นอีกครั้ง
ทั้งหมดนี้คือ 12 เรื่องราวที่ทำให้รู้จัก Thai Health Day Run งานวิ่งสู่วิถีชีวิตใหม่ ได้ดีขึ้น ในปี พ.ศ. 2567 สสส. และภาคีเครือข่าย อยากชวนนักวิ่งทุกคนโดยเฉพาะนักวิ่งหน้าใหม่มาเปลี่ยนแปลงตัวเองไปสู่วิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี แล้วมาวิ่งให้หัวใจเต้นแรงไปด้วยกันในวันที่ 8 ธันวาคม 2567 ณ สะพานพระราม 8