ยิ่งมีความหลากหลายเท่าเทียมในที่ทำงานก็ยิ่งดี ผลิตผลสูง-องค์กรกำไรพุ่ง

ยิ่งมีความหลากหลายเท่าเทียมในที่ทำงานก็ยิ่งดี ผลิตผลสูง-องค์กรกำไรพุ่ง

ยิ่งมีความหลากหลายและเท่าเทียมกันในที่ทำงาน ก็ยิ่งดีต่อองค์กร ช่วยให้พนักงานประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้น ส่งผลต่อผลิตผลและกำไรของบริษัทก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

KEY

POINTS

  • ยิ่งมีความหลากหลายและเท่าเทียมกันในที่ทำงานม

23 มกราคม 2568 เป็นวันแห่งประวัติศาสตร์ของไทย จากการที่กฎหมาย “สมรสเท่าเทียม” มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ โดยไทยเป็นชาติแรกในอาเซียน และเป็นชาติที่ 3 ในเอเชียที่มีกฎหมายดังกล่าว สะท้อนให้เห็นว่าบ้านเราความก้าวหน้าในด้านสิทธิเสรีภาพในความหลากหลายทางเพศแซงหน้าหลายๆ ประเทศ และสวนทางกับสหรัฐอเมริกาในยุคทรัมป์ 2.0 ที่จำกัดสิทธิเรื่องความหลากหลายและความเท่าเทียม

เห็นได้ชัดจากการลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร “ยกเลิกนโยบาย” ที่ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเชื้อชาติ และกลุ่มคนเพศหลากหลาย LGBTQ+ อีกทั้งทรัมป์ยังกล่าวย้ำวลีเด็ดที่ว่า “เราจะสร้างสังคมที่ไม่แคร์เชื้อชาติแต่จะเน้นที่คุณสมบัติ (merit-based) ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป รัฐบาลสหรัฐฯ จะให้การยอมรับบุคคลเพียง 2 เพศ คือ ชายและหญิง

ความหลากหลายและความเท่าเทียมกัน เป็นประเด็นที่ประชาคมโลกออกมารณรงค์ให้ทุกฝ่ายยอมรับสิทธิเสรีภาพของทุกเพศทุกเชื้อชาติทุกสีผิวมาอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงประเด็นเรื่องการสมรสเท่าเทียมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความเท่าเทียมและความหลากหลายในสถานที่ทำงานด้วย โดยมีรายงานจากหลายแหล่งที่มาชี้ตรงกันว่า ยิ่งมีความหลากหลายและเท่าเทียมกันในที่ทำงานมากเท่าไร ก็ยิ่งดีต่อองค์กรมากเท่านั้น

ทำไมความเท่าเทียมกัน และความหลากหลายในที่ทำงานจึงสำคัญ? 

ข้อมูลจาก Linkedin รายงานว่า โอกาสในการมีความเท่าเทียมกันในที่ทำงาน ถือเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างสังคมที่ยุติธรรมและเป็นธรรม โอกาสเหล่านี้ช่วยให้แน่ใจว่าพนักงานทุกคนมีโอกาสประสบความสำเร็จเท่าเทียมกัน โดยไม่คำนึงถึงภูมิหลัง เพศ เชื้อชาติ หรือสถานการณ์ส่วนตัว ซึ่งจะสร้างประโยชน์ให้องค์กรได้มากมายหลายมิติ 

ยกตัวอย่างเช่น การมีความหลากหลายและเท่าเทียมกันในที่ทำงาน จะช่วยส่งเสริมเอกภาพหรือความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในองค์กร แนวคิดหรือไอเดียที่แตกต่างกันจะถูกนำเสนอและให้ความสำคัญอย่างเท่าเทียมกัน นำไปสู่การตัดสินใจและการแก้ไขปัญหาที่ดีขึ้น เพราะจะมีมุมมองใหม่ๆ จากประสบการณ์ที่ต่างกัน โยนเข้ามาที่โต๊ะประชุม นำไปสู่วิธีแก้ปัญหาที่สร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

นอกจากนี้ยังช่วยส่งเสริมความยุติธรรมในที่ทำงาน หมายความว่าทุกคนมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จเท่าเทียมกัน โดยไม่คำนึงถึงภูมิหลังหรือสถานการณ์ส่วนตัว ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยให้ทุกคนได้รับการปฏิบัติอย่างมีศักดิ์ศรีและความเคารพ และไม่มีใครถูกกีดกัน รวมถึงช่วยส่งเสริมการมีส่วนร่วมของพนักงาน 

การศึกษาวิจัยบางชิ้นแสดงให้เห็นว่า พนักงานที่รู้สึกว่าได้รับการปฏิบัติอย่างยุติธรรมและมีโอกาสประสบความสำเร็จเท่าเทียมกันจะมีส่วนร่วมและมีผลงานมากกว่า นั่นเป็นเพราะพวกเขามีแรงจูงใจและมุ่งมั่นกับงานมากขึ้น และรู้สึกว่าผลงานของพวกเขามีคุณค่า ด้วยเหตุนี้ บริษัทที่ส่งเสริมโอกาสที่เท่าเทียมกันจึงมีแนวโน้มที่จะเห็นผลงานที่ดีขึ้นและรักษาพนักงานไว้ได้

เปิด 5 ประโยชน์และข้อดีของความหลากหลายและเท่าเทียมในที่ทำงาน

ไม่เพียงเท่านั้น ในบทความของ Indeed ก็รายงานถึงประเด็นนี้ในทิศทางเดียวกัน โดยเผยถึงประโยชน์ 5 ประการขององค์กรที่มีบุคลากรที่หลากหลาย และมีวัฒนธรรมที่ส่งเสริมความเท่าเทียมกันในที่ทำงาน ได้แก่

1. เพิ่มโอกาสในการสร้างความคิดสร้างสรรค์และการแก้ไขปัญหา

กลุ่มบุคลากรที่มีความหลากหลายในที่ทำงาน จะรวมเอาผู้คนที่มีประสบการณ์ ทักษะ มุมมอง และความเข้าใจที่แตกต่างกันเข้ามาอยู่ด้วยกัน ความหลากหลายจะช่วยเพิ่มนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ แก้ไขปัญหาได้ดี และการคิดเชิงกลยุทธ์ เนื่องจากทีมงานที่มีภูมิหลังต่างกันสามารถดึงเอาประสบการณ์เฉพาะตัวและความรู้ที่หลากหลายมาใช้เพื่อจุดประกายความคิดใหม่ๆ ที่สร้างสรรค์ นอกจากนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานจะแข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย 

2. เกิดการตัดสินใจที่ชาญฉลาดมากขึ้น

ยิ่งพนักงานมีความหลากหลายมากเท่าไร ก็จะยิ่งเข้าถึงแหล่งข้อมูลและประสบการณ์ที่หลากหลายมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งสามารถช่วยให้ทีมหรือองค์กรตัดสินใจได้ดีขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจมีผลลัพธ์ด้านผลิตผล-ผลิตภาพที่ดีขึ้นตามมา จากการศึกษาวิจัยพบว่า ทีมงานที่หลากหลายจะตัดสินใจได้ดีกว่าทีมงานที่ไม่หลากหลายถึง 87% และทีมงานที่มีความหลากหลายได้รับการพิสูจน์แล้วว่า มีความฉลาดกว่า สร้างสรรค์กว่า และตระหนักรู้ทางสังคมมากกว่า ช่วยประมวลผลข้อเท็จจริงได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจที่ชาญฉลาดมากขึ้น

3. ผลผลิตและกำไรขององค์กรจะเพิ่มขึ้น

ความหลากหลายและความเท่าเทียมกันในที่ทำงาน ทำให้พนักงานมีส่วนร่วมในงานมากขึ้น และส่งผลให้มีพนักงานที่มีแรงจูงใจและมีประสิทธิภาพมากขึ้นตามไปด้วย เมื่อการงานมีประสิทธิภาพดีขึ้นก็ย่อมส่งผลให้บริษัทมีผลผลิตและผลกำไรที่เพิ่มมากขึ้น จากการสำรวจของ Indeed พบว่าผู้หางาน 55% กล่าวว่าการทำงานในบริษัทที่ให้ความสำคัญกับความหลากหลายและการมีส่วนร่วมเป็นสิ่งสำคัญมากถึงมากที่สุด 

อีกทั้งการศึกษาวิจัยชิ้นหนึ่งแสดงให้เห็นว่า บริษัทที่เปิดรับความหลากหลายทางเพศในทีมผู้บริหาร มีแนวโน้มที่จะสร้างผลกำไรได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยถึง 15% เมื่อเทียบกับบริษัทที่ทีมผู้บริหารส่วนใหญ่เป็นชายผิวขาว

4. อัตราการลาออกของพนักงานลดลง

ข้อดีที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งของการมีวัฒนธรรมความหลากหลายในที่ทำงานก็คือ พนักงานมักจะรู้สึกสบายใจและพึงพอใจในสภาพแวดล้อมที่เปิดกว้างมากกว่า จะมีขวัญกำลังใจที่สูงกว่าและมีประสิทธิผลมากกว่า นอกจากนี้ พวกเขายังมีแนวโน้มที่จะภักดีและอยากอยู่กับบริษัทที่ยอมรับและเคารพในเอกลักษณ์ของพวกเขาไปนานๆ โดยรวมแล้ว ความเท่าเทียมกันในที่ทำงานสามารถเพิ่มความมั่นใจ และกระตุ้นให้พนักงานใช้ศักยภาพของตนได้อย่างเต็มที่ 

5. ปรับปรุงชื่อเสียงให้กับองค์กรของคุณ

องค์กรที่ส่งเสริมความหลากหลายจะถูกมองว่ามีความรับผิดชอบต่อสังคม และมีมนุษยธรรมมากกว่า สิ่งนี้สามารถปรับปรุงชื่อเสียงของแบรนด์โดยรวมได้อย่างดร ทำให้บริษัทสามารถดึงดูดลูกค้าใหม่ พันธมิตร และตลาดใหม่ๆ ได้ จากผลสำรวจของ Indeed แสดงให้เห็นว่าผู้หางาน 17% มองว่าความหลากหลายที่แสดงในกระบวนการรับสมัครงาน เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้พวกเขารู้สึกเชื่อมโยงเชิงบวกหรือมิตรภาพกับบริษัทในระหว่างขั้นตอนการสัมภาษณ์ ช่วยดึงดูดบุคลากรที่มีศักยภาพดีเยี่ยมมาสู่องค์กรมากขึ้น

ความหลากหลาย 10 ประการในที่ทำงาน ผู้นำต้องรู้!

หลังจากได้เห็นประโยชน์ของการส่งเสริมความหลากหลายและความเท่าเทียมกันในที่ทำงานไปแล้ว หลายคนอาจยังเกิดคำถามต่อไปอีกว่า แล้วความหลากหลายของพนักงานที่ว่ามานั้น หมายถึงในแง่ใดบ้าง? ข้อมูลจากภาควิชาความหลากหลาย ความเสมอภาค และการมีส่วนร่วม (DEI) ของมหาวิทยาลัย Notre Dame de Namur (NDNU) ในซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา ได้เปิดเผยถถึงตัวอย่างความหลากหลาย 10 ประการในที่ทำงานที่ผู้นำองค์กรควรทำความรู้จักให้มากขึ้น ได้แก่ 

1. ความหลากหลายทางเพศ: บริษัทควรมีพนักงานหญิงพอๆ กับพนักงานชาย เลี่ยงสังคมชายเป็นใหญ่

2. อัตลักษณ์ทางเพศ (เพศสภาพ): การที่คนเรามองตนเองว่าเป็นเพศไหน นอกจากชายหญิงแล้ว บางคนก็อาจมองว่าตนเองเป็นเพศที่ตรงข้ามกับเพศที่กำเนิด

3. รสนิยมทางเพศ: ความชื่นชอบส่วนตัวในเรื่องเพศ ซึ่งมีความหลากหลายมาก จจึงเรียกรวมๆ ภายใต้ตัวย่อ LGBTQIA+ การยอมรับและส่งเสริมพนักงานที่มีความหลากหลายทางเพศ จะทำให้พนักงานรู้สึกอิสระในการแสดงออกและใช้ความสามารถของตัวเองได้เต็มที่

4. เชื้อชาติ: การมีพนักงานที่มีภูมิหลังทางเชื้อชาติที่แตกต่างกัน ทำให้เกิดวัฒนธรรมองค์กรที่ผสมผสานความคิดหลากหลายมาสู่ที่ทำงาน

5. ความหลากหลายทางรุ่น (Gen): ทีมงานที่ผสมผสานกลุ่มอายุต่างๆ เข้าด้วยกัน จะนำประสบการณ์ชีวิตและความรู้ประเภทต่างๆ มาผสมผสานกัน มุมมองหลากลหายเหล่านี้ช่วยให้บริษัทปรับตัวได้และพัฒนาก้าวหน้ามากขึ้น

6. ความหลากหลายทางระบบประสาท: เช่น สมาธิสั้น, ย้ำคิดย้ำทำ, บกพร่องทางการเขียน ฯลฯ คนกลุ่มนี้ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่ฉลาด บางคนฉลาดกว่าคนทั่วไปมาก มีความคิดสร้างสรรค์สูง แต่การทำงานทางปัญญาของพวกเขาอาจแตกต่างจากเพื่อนร่วมงาน

7. ความหลากหลายด้านสุขภาพจิตใจ: เช่น ความวิตกกังวล ซึมเศร้า แพนิค PTSD ฯลฯ หากเข้าถึงเครื่องมือที่จำเป็น และได้รับความเข้าใจ พวกเขาก็มักทำงานออกมาได้เป็นอย่างดี

8. ความหลากหลายทางภาษา: อาจถูกมองว่าเป็นอุปสรรคต่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพ แต่ในอีกแง่หนึ่งถือเป็นทักษะที่จำเป็นต่อองค์กร ช่วยเหลือธุรกิจได้หลายประการ เช่น การจัดการหรือติดต่อลูกค้าต่างประเทศ 

9. ความหลากหลายทางศาสนา: พนักงานที่สามารถปฏิบัติตามความเชื่อทางศาสนาของตนในที่ทำงาน โดยไม่ต้องกลัวการถูกข่มเหงหรือคุกคาม จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมจะร่วมมือในงานมากขึ้น

10. ความหลากหลายทางเศรษฐกิจและสังคม: การจ้างพนักงานที่มาจากครอบครัวร่ำรวย และที่มาจากครอบครัวยากจน จะสามารถเสนอมุมมองที่แตกต่างกันในประเด็นทางสังคมได้ดีขึ้น ซึ่งจะได้ข้อมูลในการทำงานหลากหลายมิติ

วิธีสร้างความหลากหลายและความเท่าเทียมให้เกิดขึ้นได้จริงในที่ทำงาน

อย่างไรก็ตาม การมีโอกาสเท่าเทียมกันในที่ทำงานนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป มักมีอคติและการเลือกปฏิบัติในระบบ ที่อาจทำให้กลุ่มคนบางกลุ่มประสบความยากลำบากในการประสบความสำเร็จ ดังนั้น บริษัทต่างๆ จึงต้องดำเนินการเชิงรุกในการส่งเสริมโอกาสที่เท่าเทียมกัน ซึ่งอาจรวมถึงสิ่งต่างๆ เช่น

- การพัฒนาและบังคับใช้นโยบายเพื่อให้เกิดโอกาสที่เท่าเทียมกันสำหรับพนักงานทุกคน

- การให้การฝึกอบรมแก่พนักงานเพื่อช่วยให้พวกเขารู้จักและเอาชนะอคติได้

- การตรวจสอบให้แน่ใจว่าการเลื่อนตำแหน่งและโอกาสอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม

- ส่งเสริมโอกาสก้าวหน้าในอาชีพการงาน เสนอเส้นทางที่ชัดเจนต่อความก้าวหน้าในอาชีพการงานและโอกาสในการเติบโตที่ยุติธรรมและเท่าเทียมกันแก่พนักงานทุกคน

- การส่งเสริมความหลากหลายในการจ้างงานและการสรรหาพนักงาน

โดยสรุปแล้ว การจ้างงานและการให้โอกาสพนักงานที่เท่าเทียมกันในที่ทำงาน ถือเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่ยุติธรรมและเป็นธรรม ช่วยส่งเสริมความหลากหลายและการเป็นหนึ่งเดียวกันในที่ทำงาน  ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงาน ผลผลิต และการมีส่วนร่วมของพนักงานพัฒนาดีขึ้น ทั้งนี้ถือเป็นความรับผิดชอบของทั้งบริษัทและพนักงานที่จะต้องช่วยกันสร้างโอกาสที่เท่าเทียมกันในที่ทำงาน และต่อสู้กับการเลือกปฏิบัติอย่างจริงจัง เมื่อมีโอกาสที่เท่าเทียมกัน ก็จะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีขึ้นสำหรับทุกคน