หลังแผ่นดินไหว เปิด 6 วิธีผู้นำดูแลพนักงาน หมดพลัง-ไม่พร้อมทำงาน

หลังแผ่นดินไหว เปิด 6 วิธีผู้นำดูแลพนักงาน หมดพลัง-ไม่พร้อมทำงาน

เมื่อพนักงานอาจเป็นหนึ่งในผู้ประสบภัยจากเหตุ 'แผ่นดินไหว' เมื่อหลายวันก่อน ผู้นำต้องรู้วิธีรับมือและการบริหารทีมในภาวะวิกฤติ เพื่อพาองค์กรฟื้นตัวหลังภัยพิบัติ

KEY

POINTS

  • หลังเกิดเหตุภัยพิบัติแผ่นดินไหว โลกการทำงานก็ระส่ำระสายไม่ต่างกัน หลายบริษัทได้รับผลกระทบ ขณะที่พนักงานในองค์กรหลายคนก็อาจกลายเป็นผู้ประสบภัย ชีวิตเปลี่ยนไปแบบไม่ทันตั้งตัว
  • ในฐานะผู้นำองค์กร จะช่วยให้ทีมของคุณกลับมายืนหยัดใหม่ได้อย่

หลังเกิดเหตุภัยพิบัติแผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ในโลกการทำงานก็ระส่ำระสายไม่ต่างกัน หลายบริษัทได้รับผลกระทบ เร่งเปิดสัญญาณเตือนภัยบนตึกอาคารที่ทำงาน ประสานฝ่ายอาคารและฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้วิศวกรเข้ามาตรวจสอบตึก ขณะที่พนักงานในองค์กรหลายคนก็อาจกลายเป็นผู้ประสบภัย ชีวิตเปลี่ยนไปแบบไม่ทันตั้งตัว เช่น ที่พักได้รับความเสียหาย อาจสูญเสียญาติ-คนรู้จักจากเหตุการณ์ตึกถล่ม ฯลฯ

พนักงานหลายคนอาจต้องซ่อมบ้าน คอนโด ดูแลครอบครัว หรือแม้แต่พยายามทำใจให้เข้มแข็งขึ้นหลังสูญเสียคนสำคัญ แน่นอนว่างานก็ยังต้องเดินหน้า แต่สิ่งสำคัญคือ ในฐานะผู้นำองค์กร จะช่วยให้ทีมของคุณกลับมายืนหยัดใหม่ได้อย่างไร? เพื่อพาองค์กรฟื้นตัวหลังภัยพิบัติ

ทั้งนี้ มีข้อมูลน่าสนใจจาก Johns Hopkins University Human Resources ระบุว่า หัวใจของการฟื้นตัวบริษัทจากภัยพิบัติ คือการดูแลพนักงานของบริษัทให้ดีก่อน แล้วระบบงานและการทำงานต่างๆ จะเข้าที่ได้อย่างรวดเร็ว โดยมีคำแนะนำ 6 ข้อ ดังนี้ 

1. ดูแลพนักงานก่อน เรื่องอื่นว่ากันทีหลัง

ไม่มีใครทำงานได้เต็มที่ ถ้าสภาพจิตใจและชีวิตส่วนตัวยังวุ่นวาย หัวหน้าหรือผู้นำควรเริ่มต้นด้วยการถามคำถามง่ายๆ กับพนักงานว่า "คุณโอเคไหม?" และ "ต้องการความช่วยเหลืออะไรบ้าง?" จากนั้นให้สนับสนุนพนักงานให้มากที่สุด เช่น ถ้าที่พักเสียหายก็อาจจัดตั้งศูนย์พักชั่วคราวในที่ทำงาน ดูแลด้านอาหาร น้ำดื่ม และการรักษาพยาบาลก่อนเรื่องงานเสมอ

2. ยืดหยุ่นเข้าไว้ กฎเกณฑ์ไม่ใช่เรื่องใหญ่

เวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน บริษัทต้องปรับตัวให้เร็ว กฎระเบียบอะไรที่เคยเคร่งครัด ลองพิจารณาว่ามันยังจำเป็นอยู่ไหม เช่น จากเดิมที่เคยให้แต่งกายเคร่งครัด ก็อาจผ่อนคลายอนุญาตให้พนักงานแต่งตัวสบาย ๆ มากขึ้น พาลูกมาที่ทำงานได้ หรือยืดหยุ่นเรื่องเวลาเข้าออกออฟฟิศ เพื่อให้พวกเขาจัดการชีวิตส่วนตัวได้ดีขึ้น  

3. ให้พนักงานทำงานจากที่บ้านถ้าเป็นไปได้

ถนนเสียหาย ขนส่งสาธารณะไม่ปกติ หรือแค่ต้องอยู่บ้านเพื่อดูแลคนที่รัก นี่คือช่วงเวลาที่ควรปล่อยให้พนักงานทำงานจากที่ไหนก็ได้ ที่พวกเขาสะดวก การมีแผนสำรองเรื่องนี้ไว้ล่วงหน้าจะช่วยให้ทุกอย่างราบรื่นขึ้น

4. จับมือกับสหภาพแรงงานและทีมงาน

ถ้ามีสหภาพแรงงาน นี่คือเวลาที่ต้องทำงานร่วมกัน ไม่ใช่เถียงกัน ใครมีอำนาจตัดสินใจเรื่องอะไร ควรเคลียร์ให้ชัด และที่สำคัญ ควรรับฟังเสียงของพนักงานให้มากขึ้น

5. ป้องกันอุบัติเหตุและความเหนื่อยล้า

ความวุ่นวายหลังภัยพิบัติมาพร้อมกับความเสี่ยงใหม่ๆ เช่น อุบัติเหตุจากสถานที่ทำงานที่เสียหาย หรือความเหนื่อยล้าสะสมจากการทำงานหนักเกินไป ผู้บริหารควรช่วยจัดระบบให้พนักงานมีเวลาพักผ่อนได้อย่างเพียงพอ และตรวจสอบความปลอดภัยของสถานที่ทำงาน ตึกอาคาร อย่างละเอียด

6. เปิดพื้นที่ให้พนักงานได้ระบายความรู้สึก

หลังผ่านเหตุการณ์ใหญ่ คนต้องการพื้นที่ปลอดภัยในการพูดคุยและแชร์ความรู้สึก อาจเป็นห้องพักที่มีขนม น้ำชา หรือจัดช่วงให้พนักงานได้คุยกับที่ปรึกษาหรือจิตแพทย์ การสนับสนุนด้านอารมณ์สำคัญพอ ๆ กับการสนับสนุนทางกายภาพ

ย้ำอีกครั้งว่า เมื่อองค์กรต้องเผชิญภัยพิบัติ สิ่งสำคัญที่สุดคือการดูแล "คน" ไม่ใช่แค่การดูแลแผนกงาน ดูแลการเงิน หรือดูแลเป้าหมายประจำไตรมาส เพราะหากผู้นำหรือบริษัทดูแลพนักงานได้ดี พวกเขาจะกลับมาเข้มแข็งและช่วยกันผลักดันองค์กรให้เดินหน้าต่อไปได้ในที่สุด

 

อ้างอิง: Johns Hopkins University