ใช้แอปหาคู่ยังไง ไม่ให้โดนหลอก? เปิด 10 วิธีเดทออนไลน์ให้ปลอดภัย

ใช้แอปหาคู่ยังไง ไม่ให้โดนหลอก? เปิด 10 วิธีเดทออนไลน์ให้ปลอดภัย

การใช้แอปหาคู่มักแฝงมาพร้อมมิจฉาชีพที่จ้องจะ "ตกเหยื่อ" ทางออนไลน์อยู่เพียบ! ไม่ว่าจะเป็นแฟนทิพย์ที่ไม่มีตัวตนจริง หรือบางครั้งก็มาในรูปแบบจีบแล้วหลอกลงทุน

KEY

POINTS

  • ยุคนี้แอปหาคู่กลายเป็นช่อง

สมัยนี้หนุ่มสาวอาจหาแฟนเร็วทันใจกว่ารุ่นพ่อแม่ เพราะแค่เข้า "แอปหาคู่" ก็อาจเจอคนรู้ใจได้ภายในไม่กี่วัน Dating Apps กลายเป็นช่องทางยอดนิยมในการพบปะผู้คนใหม่ๆ และเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนได้อย่างง่ายดาย แต่การเดทออนไลน์ยุคนี้อาจไม่ราบรื่นเสมอไป มีหลายเคส.. แทนที่จะได้คนรักที่จริงใจ แต่กลับโดนหลอกสูบเงินจนกระเป๋าแห้งไม่รู้ตัว!  

พูดได้ว่า..ความสะดวกสบายในการหาคู่ในแอปพลิเคชันต่างๆ แฝงมาพร้อมมิจฉาชีพที่จ้องจะ "ตกเหยื่อ" ทางออนไลน์อยู่เพียบ! ไม่ว่าจะเป็น "แฟนทิพย์" คนคุยในออนไลน์ที่เต๊าะกันหวานเจี๊ยบ แต่ไม่มีตัวจริงอยู่บนโลก หรือจะมาในรูปแบบ "นักลงทุน" ชวนรวยแต่สุดท้ายเราโดนเทแถมเสียเงินก้อนใหญ่ เป็นต้น ดังนั้น การเรียนรู้วิธีใช้งานแอปเหล่านี้อย่างปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

ขณะที่ผลสำรวจล่าสุดของ Tinder แอปหาคู่ชื่อดังพบว่า คนโสดไทยให้ความสำคัญเรื่อง “ความปลอดภัย” เป็นอันดับแรก เมื่อต้องออกเดทออนไลน์กับคนที่พบกันบนแอปหาคู่ และ 44% เลือกพูดคุยผ่านวิดีโอคอลกับคู่ Match ก่อนนัดพบกัน โดยทางแอป Tinder มีความตระหนัก และให้ความสำคัญเรื่องประสบการณ์การเดทออนไลน์ที่ทั้งสนุก และปลอดภัยของผู้ใช้แอป จึงได้พัฒนาฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยกว่า 20 รายการ และยังคงพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น บล็อกรายชื่อผู้ติดต่อ และ การยืนยันตัวตนด้วยรูปภาพ รวมถึงฟีเจอร์ที่นำเทคโนโลยี AI มาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้ใช้งานทุกคนออกเดทได้อย่างสนุก ปลอดภัย และประทับใจ

ไม่เพียงเท่านั้น กรุงเทพธุรกิจ ได้รวบรวมข้อควรรู้ และคำแนะนำ 10 วิธีใช้แอปหาคู่ให้ปลอดภัย ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ ช่วยให้เหล่าคนโสดที่อยากมีคู่แท้ไม่ต้องเสียใจ เสียเงิน และเสียเวลาไปกับความหลอกลวงในโลกออนไลน์ มาฝากกันดังนี้ 

1. เลือกแอปดัง มีมาตรฐานไว้ก่อน และเก็บข้อมูลส่วนตัวให้มิดชิด

การเลือกแอปหาคู่ก็เหมือนการเลือกร้านอาหาร ผู้ใช้งานควรเลือกแอปที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น Tinder, Bumble, Hinge เพราะมีระบบรักษาความปลอดภัยดีกว่า มีเครื่องมือยืนยันตัวตน มีแอดมินคอยดูแลไม่ให้มีอะไรไม่เหมาะสม ขณะที่แอปโนเนมอาจจะไม่มีระบบเหล่านี้ ทำให้เสี่ยงเจอมิจฉาชีพมากขึ้น 

2. อย่าเพิ่งรีบบอกชื่อจริง ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์

หากคุณเพิ่งคุยกันในแอปเดทออนไลน์ อย่าเพิ่งรีบบอกชื่อจริง ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ หรือที่ทำงาน เพราะหากเจอมิจฉาชีพแฝงตัวมา ข้อมูลเหล่านี้ของคุณอาจถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด หรือเอามาตามรังควานเราทีหลัง ดังนั้น ระหว่างนี้ควรคุยกันเรื่องเบาๆ สบายๆ อย่างงานอดิเรก หรือเป้าหมายในชีวิตไปก่อนก็ได้ อย่าเพิ่งให้ข้อมูลส่วนตัวของตนเด็ดขาด และผู้ใช้งานควรตั้งรหัสผ่านให้ยากเข้าไว้เพื่อความปลอดภัยสูงสุด

3. ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม หากอีกฝ่ายรีบชวนคุยนอกแอป ให้ระวังไว้!

หลังจับคู่ผ่านแอปแล้วหากพบว่าอีกฝ่ายรีบร้อนนัดเจอกันวันนี้-พรุ่งนี้ หรือเริ่มขอเบอร์หรือย้ายไปคุยช่องทางอื่นแทบจะทันที อันนี้ถือว่าไม่โอเค เพราะการทำความรู้จักกันไม่จำเป็นต้องรีบร้อนขนาดนั้น หากเขาชักชวนให้ย้ายแพลตฟอร์มเร็วขนาดนี้อาจจะเป็นเพราะว่ากำลังพยายามปกปิดหรือซ่อนเร้นอะไรบางอย่าง ดังนั้นขอให้คุยกันบนแอป Tinder ไปก่อน จนกว่าคุณจะเกิดความรู้สึกที่ดีกับคนนั้นจริงๆ

ให้คุณมองว่าการแชต และการวิดีโอคอลผ่านแอปเป็นการ “ทดลองเดท” กันในสถานที่ ที่ปลอดภัยเพื่อทดสอบว่าคนนั้นมีความจริงใจหรือเปล่า และที่สำคัญที่สุดคือ การรอดูว่าคุณรู้สึกใจเต้นกับคนนั้นจริงหรือไม่ ก่อนจะค่อยๆ สานสัมพันธ์ต่อไป

4. รักแรกพบ มีจริงไหม เร็วไปหรือเปล่า?

หากคุณเชื่อในรักแรกพบ ขอให้หยุดฟังก่อน อย่าเพิ่งรีบร้อน! เมื่อจับคู่ Match กับใครสักคนที่ถูกใจ และเริ่มคุยกันได้ไม่นาน แต่เขารุกหนัก จู่โจมหัวใจแบบไม่พัก เช่น การส่งคำหวานชวนเชื่อแบบรัวๆ ในทำนองว่า “พรหมลิขิตพาเรามาเจอกัน” หรือ “เราคงเป็นเนื้อคู่กันแน่ๆ” หรือ “เขาอยากแต่งงานกับคุณจัง” นี่อาจเป็นตัวอย่างของสัญญาณเตือนดังๆ 

หากเขาเริ่มพูดเรื่องแต่งงานทั้งๆ ที่ไม่เคยแม้แต่จะชวนกันไปกินหมูกระทะหรือไปนั่งคาเฟ่คุยกันในชีวิตจริงแล้วละก็ ควรถอยห่างให้เร็วที่สุด เป็นธรรมดาที่ทุกคนชอบเป็นคนสำคัญหรือได้รับความใส่ใจ แต่จำไว้ว่า ความสัมพันธ์ที่ดี และมีความหมายจะต้องใช้ระยะเวลาที่เหมาะสม เหมือนอาหารชั้นเลิศที่ต้องพิถีพิถัน ไม่ใช่ความสัมพันธ์สำเร็จรูป 

5. นัดเจอกันแล้ว แต่สุดท้ายโดนเท

เมื่อคุยกันจนถึงขั้นนัดเดทกันแบบจริงจัง แต่สุดท้ายโดนเทกะทันหัน นี่ก็เป็นสัญญาณเตือนให้ระวังอีกอย่างเรื่อง เพราะคนที่เข้ามาแบบไม่หวังดีมักจะยกเลิกนัดในนาทีสุดท้ายเสมอ ด้วยเหตผลสุดโต่ง อย่าง “มีเรื่องฉุกเฉินในครอบครัว” หรือ “ต้องไปต่างประเทศกะทันหัน” หากคุณนัดพบอย่างสุภาพหลายครั้งแล้ว แต่คนพวกนี้ยังพยายามหาข้อแก้ตัวในการหลบเลี่ยง หลบหน้าคุณ แสดงว่าถึงเวลาที่จะ “ยกเลิกการ Match” เพื่อมูฟออน เพราะคนที่จริงใจ และจริงจังกับคุณจะต้องอยากมาพบแบบเจอหน้ากันจริงๆ ไม่ใช่คบกันแค่ผ่านแชต 

6. Sharing is caring แบ่งปันกันเป็นเรื่องดี แต่ต้องไม่ใช่เลขบัญชี

เมื่อจับคู่ Match กันแล้ว การแบ่งปันเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตแบบเล่าสู่กันฟังเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าอีกฝ่ายเริ่มถามข้อมูลส่วนตัวของคุณ เช่น ที่อยู่ รหัสส่วนตัวต่างๆ หรือข้อมูลบัญชีธนาคาร นั่นถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะข้อมูลส่วนตัวเหล่านี้ ควรจะถูกเก็บไว้เป็นความลับ อย่ารีบร้อนเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวให้ใครเด็ดขาด รอจนกว่าจะรู้สึกว่าสามารถไว้วางใจเขาได้อย่างแท้จริง 

7. เดือดร้อนเรื่องเงิน ก็ตัวใครตัวมัน!

อาจจะฟังดูใจร้าย แต่การเดทที่ดีต่อใจไม่ควรมีใครต้องมาช่วยอีกคนแก้ปัญหาเรื่องเงิน หากอีกฝ่ายเริ่มพูดถึงเรื่องเงินก่อนที่จะได้พบหน้ากัน ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาทางการเงิน เรื่องฉุกเฉินที่ต้องจ่าย หรือชักชวนให้ลงทุนทางธุรกิจ นั่นคือสัญญาเตือนที่อันตรายร้ายแรงที่สุด ถ้าคุณต้องเผชิญกับเหตุการณ์เหล่านี้ ลองพูดตัดจบกลับไปแบบติดตลกๆ เพื่อไม่ให้เสียบรรยากาศ แต่ถ้าชวนเปลี่ยนเรื่องก็แล้ว เขายังตื๊ออยากคุยเรื่องเงินๆ ทองๆ ต่ออีก ก็น่าจะถึงเวลาเซย์กู๊ดบาย

8. แม้เจอตัวจริงกันแล้ว แต่อย่าลืมระมัดระวังตัวเสมอ!

หากสามารถพัฒนาความสัมพันธ์จากโลกออนไลน์มาสู่การพบปะกันแล้ว นั่นถือเป็นสัญญาณที่ดี แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องเผื่อใจเอาไว้ และอย่าลืมระมัดระวังตัวเองเป็นอันขาด เพราะบางครั้งมิจฉาชีพจะค่อยๆ เชือดเหยื่ออย่างใจเย็น คนพวกนี้มักจะมีเล่ห์เหลี่ยม และพยายามหว่านล้อมให้คุณตกหลุมพราง

ดังนั้น จงเชื่อในสัญชาตญาณตัวเอง หากเพิ่งเริ่มต้นคบกันแล้วอีกฝ่าย แล้วพบว่าเขาหรือเธอคนนั้นพูดจาทำทีหลอกล่อเพื่อขอเงินหรือทำตัวมีพิรุธ ขอให้เชื่อว่านั่นคือสัญญาณเตือนที่ต้องระวังให้ดี และถ้าพบพิรุธจริงจังก็ไม่ใช่เรื่องผิดที่คุณจะเป็นคนเดินออกมาจากความสัมพันธ์ ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่าเสียใจทีหลัง

9. นัดเจอครั้งแรก ต้อง "ที่สาธารณะ" และควรบอกเพื่อนสนิทไว้

หลังจากคุยผ่านแอปมาสักระยะ เมื่อพัฒนาไปถึงขั้นเดทแบบพบหน้ากันครั้งแรกห้ามไปที่ลับตาคน หรือบ้านของคนใดคนหนึ่งเด็ดขาด! ให้เลือกสถานที่ ที่คนเยอะๆ สว่างๆ เดินทางสะดวก อย่างร้านกาแฟ ร้านอาหาร หรือสวนสาธารณะ ที่เราสามารถเดินทางไปไหนมาไหนเอง ไม่ต้องให้เขาขับรถไปส่ง

อีกทั้งควรบอกกล่าวเพื่อนสนิทที่ไว้ใจได้ก่อนออกเดททุกครั้ง บอกรายละเอียดสถานที่และเวลาให้เพื่อนหรือคนในครอบครัวรู้ และรวมถึงเวลากลับบ้านเมื่อไหร่ มีคำแนะนำด้วยว่าควรตั้งเวลา "เช็กอิน" สถานที่นั้นๆ ไว้ด้วยก็ดี หรืออาจใช้วิธีโทรศัพท์หาเพื่อนระหว่างเดท หรือหลังเดทเสร็จก็ได้ บางคนมี "รหัสลับ" ส่งให้เพื่อนรู้ว่ามีอะไรผิดปกติ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยป้องกันไว้ก่อนดีกว่า

10. ใช้เทคโนโลยี "สแกน" ภัย ลองสืบข้อมูลฝ่ายตรงข้ามสักนิด

ก่อนนัดเจอ ลองเอาชื่อ รูป หรือข้อมูลอื่นๆ ของคู่เดทเราไป "ส่อง" ใน Google หรือโซเชียลมีเดียอื่นๆ ดูว่าเรื่องราวที่เขาเล่ามันตรงกับสิ่งที่ปรากฏในโลกออนไลน์ไหม ถ้าโปรไฟล์เขาดูร้างๆ ไม่มีเพื่อน ไม่มีรูปอะไรเลย ก็ให้เอะใจไว้ก่อน นอกจากนี้ยังสามารถใช้เทคโนโลยีช่วยตรวจสอบได้  

ยกตัวอย่างเช่น ใช้วิดีโอคอลก่อนเจอตัวจริง เพื่อเช็กว่าเขาเป็นคนเดียวกับในรูปโปรไฟล์ไหม, แอปแชร์ตำแหน่งเพื่อให้เพื่อนเรารู้ตำแหน่งเราแบบเรียลไทม์, ใช้ฟีเจอร์ความปลอดภัยในแอป เช่น ปุ่มแจ้งเหตุฉุกเฉิน, ใช้ Bitdefender Scamio เพื่อวิเคราะห์รูปโปรไฟล์ ข้อความ เช็กสัญญาณสแกมเมอร์ ฯลฯ 

ท้ายที่สุดนี้ หนุ่มสาวทั้งหลายควรจำไว้ว่า "รักแท้ต้องไม่ทำให้กระเป๋าฉีก" ถ้าใครที่คุยด้วย เริ่มมีพฤติกรรมน่าสงสัย หรือขอยืมเงินเมื่อไหร่ ให้ตั้ง "ธงแดง" เอาไว้เลย และอย่ากลัวที่จะบล็อกคนที่ไม่น่าไว้ใจ เพื่อความปลอดภัยทางร่างกาย ทางทรัพย์สิน และสุขภาพจิตของเราเอง 

 

 

อ้างอิง: Tinder, USU.edu, romance-scams, digital-safety, Reddit

พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์