ผลสำรวจชี้ Gen Z พูดเกินจริง ระหว่างสัมภาษณ์งานมากกว่ารุ่นอื่น

ผลสำรวจชี้ Gen Z พูดเกินจริง ระหว่างสัมภาษณ์งานมากกว่ารุ่นอื่น

ยุคสมัยเปลี่ยน พฤติกรรมสมัครงานก็เปลี่ยน! Gen Z มีแนวโน้ม "พูดเกินจริง" ระหว่างสัมภาษณ์งานมากกว่ารุ่นอื่น ผู้เชี่ยวชาญชี้ อาจเพราะระบบหางานกดดันและซับซ้อนมากขึ้น

KEY

POINTS

  • กว่า 1 ใน 5 ของ Gen Z ยอมรับว่าเคย "พูดเกินจริง" ระหว่างสัมภาษณ์งาน ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงกว่าคนรุ่นอื่นอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนความไม่มั่นใจและแรงกดดันจากตลาดแรงงานที่ซับซ้อน
  • โซเชียลมีเดียและ AI มีบทบาทต่อภาพลักษณ์การสมัครงานของคนรุ่นใหม่ บางคนใช้ AI ช่วยตอบคำถามสัมภาษณ์แบบเรียลไทม์ ขณะที่วัฒนธรรมบนโลกโซเชียลก็ส่งผลให้ Gen Z เคยชินกับการเสริมแต่งเรื่องราว
  • ผู้เชี่ยวชาญชี้ Gen Z แค่พย

ผลสำรวจในสหรัฐฯ เผยว่า วัยทำงานชาว Gen Z มัก "พูดเกินจริง" ระหว่างสัมภาษณ์งานมากกว่าคนรุ่นก่อน โดยผู้เชี่ยวชาญมองว่า ไม่ใช่เพราะไม่จริงใจ แต่สะท้อนถึงแรงกดดัน ความไม่มั่นคง และวัฒนธรรมออนไลน์แบบเสริมแต่งเรื่องราวที่คนรุ่นนี้เกิดและเติบโตมาพร้อมกับมัน

จากผลสำรวจของเว็บไซต์จัดหางาน iHire ซึ่งสอบถามแรงงานชาวอเมริกัน 1,645 คนในเดือนมีนาคม 2025 ที่ผ่านมา พบว่า กว่า 1 ใน 5 (20.8%) ของผู้ตอบแบบสอบถามในกลุ่มเจน Z ยอมรับว่าเคย “พูดเกินจริง” ระหว่างสัมภาษณ์งาน มากกว่าคนรุ่นมิลเลนเนียลหรือ Gen Y (15.5%), Gen X (15.6%) และ Baby Boomer (12.9%)

Gen Z เจอสัมภาษณ์งานหลายรอบ และแรงกดดันในตลาดงานที่รุ่นอื่นอาจไม่เคยเจอ

ผู้เชี่ยวชาญมองว่า สิ่งที่ผลักดันให้คนเจน Z ใช้วิธีนี้ มาจากหลายปัจจัย ตั้งแต่กระบวนการหางานที่ยุ่งยาก เช่น การสัมภาษณ์หลายรอบสำหรับตำแหน่งระดับเริ่มต้น ไปจนถึงความไม่มั่นคงในตลาดแรงงาน เช่น การเลย์ออฟในวงการเทคโนโลยี

ผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มสื่อโซเชียล X รายหนึ่งแชร์ว่า “บางทีคนเจน Z ก็รู้สึกว่าเหนื่อยกับการสมัครงาน โดยเฉพาะตอนที่สัมภาษณ์ผ่านแล้วแต่ยังมี ‘ด่านต่อไป’ ต่อไป และต่อไป อีกเป็นชุด แค่สมัครงานระดับเริ่มต้นก็ต้องสัมภาษณ์ 3 - 4 รอบ ซึ่งมันเยอะเกินไป”

นอกจากนี้ วัฒนธรรมโซเชียลมีเดียก็มีอิทธิพลไม่น้อย หลายคนเคยแชร์ประสบการณ์สมัครงานผ่าน TikTok ว่าพวกเขาต่างเผชิญกับภาวะความรู้สึกกดดันจากกระบวนการจ้างงานที่ยืดเยื้อยาวนาน 

อาชีพในฝันเปลี่ยนจาก "สายงานเทคโนโลยี" ไปสู่ "สายงานสุขภาพ" 

ความเปลี่ยนแปลงของตลาดงานยุคนี้ ไม่ได้มีผลแค่พฤติกรรมการสัมภาษณ์งานของคนรุ่นใหม่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสนใจด้านอาชีพก็เปลี่ยนไปด้วย จากเดิมที่พวกเขาเคยใฝ่ฝันอยากทำงานกับบริษัทเทคฯ ระดับโลกอย่าง Google หรือ Amazon ตอนนี้คน Gen Z หันไปมองหางานในอุตสาหกรรมด้านสุขภาพมากขึ้น

จากผลสำรวจของ National Society of High School Scholars ปี 2024 ระบุว่า องค์กรที่คนรุ่นใหม่ อยากร่วมงานด้วยมากที่สุดคือ "St. Jude Children's Research Hospital" และ "Mayo Clinic" โดยสาเหตุส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงนี้ อาจเป็นผลจากการที่หลายๆ บริษัทเทคฯ ยักษ์ใหญ่ทั่วโลก แห่ปลดพนักงานในสายเทคโนโลยี ขณะที่ภาคสุขภาพมีบทบาทชัดเจนขึ้นในช่วงโควิด-19

นอกจากนี้ 75% ของผู้ตอบแบบสอบถามจากแพลตฟอร์มหางาน Handshake ยังบอกว่า คนรุ่นใหม่ยุคนี้สนใจอยากเริ่มธุรกิจของตัวเองในอนาคตด้วย

ผู้เชี่ยวชาญชี้ การพูดเกินจริงตอนสัมภาษณ์งาน เป็นเพราะการเอาตัวรอด

ลอรี โคล (Lori Cole) โค้ชด้านอาชีพจาก iHire ออกมาเตือนว่า ผู้สมัครงานควรรู้ว่า พฤติกรรมที่คนรุ่นใหม่ทำระหว่างหางาน สามารถส่งผลต่อภาพลักษณ์และชื่อเสียงของพวกเขาในระยะยาว เช่น การไม่แจ้งลาออกล่วงหน้า หรือพูดเกินจริงในเรซูเม่ หรือตอนสัมภาษณ์งาน ฯลฯ สิ่งเหล่านี้อาจส่งผลย้อนกลับในเชิงลบได้

ขณะที่ เควิน ทอมป์สัน (Kevin Thompson) ซีอีโอของบริษัท 9i Capital Group (บริษัทด้านการเงิน) เสริมว่า คนรุ่นใหม่จำนวนมากเริ่มใช้เครื่องมือ AI เพื่อช่วยเตรียมตัวในการสมัครงาน หรือแม้แต่ใช้ฝึกโต้ตอบกับ HR ระหว่างสัมภาษณ์งานแบบเรียลไทม์ “ไม่ใช่แค่เพราะขาดประสบการณ์ แต่เพราะเทคโนโลยีเปิดช่องให้สร้างภาพตัวเองที่ดูน่าเชื่อถือขึ้นได้ง่ายมากขึ้น”

ส่วนไบรอัน ดริสโคลล์ (Bryan Driscoll) ผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคล บอกว่า “บางทีเราไม่ควรโทษ Gen Z ว่าพูดเกินจริง แต่ควรถามว่า ทำไมพวกเขาถึงรู้สึกว่าจำเป็นต้องทำแบบนั้น? เพราะพวกเขาเห็นบริษัทพูดเรื่องความโปร่งใส แต่กลับเลย์ออฟพนักงานผ่าน Zoom แบบที่พนักงานไม่ทันตั้งตัว”

อเล็กซ์ บีน (Alex Beene) อาจารย์จากมหาวิทยาลัย Tennessee มองว่า Gen Z คือคนรุ่นแรกที่เติบโตมากับวัฒนธรรมออนไลน์เต็มตัว ภาพลักษณ์บนโซเชียลมีความสำคัญพอๆ กับชีวิตจริง ดังนั้น พวกเขาคุ้นชินกับการเล่าเรื่องให้ดูน่าสนใจบนโซเชียลมีเดีย ไม่แปลกที่พฤติกรรมแบบนั้นจะหลุดมาระหว่างสัมภาษณ์งานด้วย

องค์กรจะปรับตัวยังไงในยุค Gen Z เป็นกำลังหลักในตลาดแรงงาน

เมื่อเจน Z เริ่มกลายเป็นแรงงานกลุ่มหลักในตลาดงาน การจ้างงานในอนาคตจะเปลี่ยนไปตามวิธีคิดและวิธีสื่อสารของคนรุ่นนี้หรือไม่ ยังเป็นคำถามสำคัญ

ผู้เชี่ยวชาญหลายคนสะท้อนความเห็นตรงกันว่า เด็กรุ่นใหม่เติบโตมากับโลกที่ตัวตนของพวกเขาสามารถปรับแต่งได้ ไม่ว่าจะผ่านจอ ผ่านอวาตาร์ หรือแม้แต่สคริปต์จาก AI “แต่สุดท้ายความจริงก็จะตามมาเสมอ ถ้าคนเราไม่พร้อมรับมือกับโลกแห่งความจริง”

ถ้าองค์กรอยากได้ความจริงใจจากผู้สมัคร ก็ควรเริ่มจากการตั้งความคาดหวังที่เป็นจริง เช่น หยุดขอประสบการณ์ 5 ปีสำหรับงานระดับเริ่มต้น คนรุ่นใหม่ไม่ได้อยากโกหก พวกเขาแค่พยายามเอาตัวรอดในตลาดแรงงานที่เต็มไปด้วยความย้อนแย้งเท่านั้นเอง

 

 

อ้างอิง: Newsweek, iHireBusinessInsider