“มิเอะ” ใน สายลมที่พลิ้วไหว

ก่อนลมหนาวจะพัดผ่านมา....สายลมแห่งฤดูใบไม้เปลี่ยนสีนำทัพบุกญี่ปุ่นล่วงหน้า เช่นเดียวกับเราเฝ้าดูใบไม้สีแดง...ทว่านำร่องไปก่อนฤดูกาล แต่สิ่งประทับใจที่ได้พบนั้นแสนล้ำค่า เพราะได้มาพบเจอกับมิตรภาพดีๆ ในบรรยากาศดีๆ แม้มีเงินมากมายก็อาจซื้อหามาไม่ได้
สายลมแห่งฤดูใบไม้ร่วง พัดพาเราไปยังดินแดนที่ขึ้นชื่อว่ามีชาญี่ปุ่นชั้นดี มีปราสาทเก่าแก่ และเป็นเมืองแห่งนินจาและซามูไร จะไม่หลงเสน่ห์เมือง มิเอะ (MIE) เลยหากไม่มาที่นี่ เป็นครั้งแรกที่ได้มาเยือนภูมิภาคชูบุ (CHUBU) ตอนกลางของประเทศญี่ปุ่น ภูมิภาคนี้ที่มีทั้งหมด 9 จังหวัดเรียงตัวกันดุจมังกรกำลังทะยานฟ้า และ “มิเอะ”ก็เป็นหนึ่งใน 9 จังหวัด อยู่ในส่วนหางของมังกร ครั้งนี้ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจาก Mie Prefecture และ Kintetsu และ Spain Mura รวมทั้ง Nex World
จากสนามบินนาโงย่า นั่งเรือข้ามไปยังเมือง TSU ค่าตั๋วประมาณ 2,520 เยน (ราว 750 บาท) ใช้เวลา 45 นาที นั่งมองวิวทะเลและท้องฟ้าสีคราม เห็นกระชังเลี้ยงหอยมุกดาษดื่น เนื่องจากที่นี่เป็นแหล่งเลี้ยงไข่มุกที่ดีที่สุดในประเทศญี่ปุ่น เมือง TSU (แปลว่าท่าเรือ)เป็นศูนย์รวมความเจริญ มีทั้งชายหาดสำหรับพักผ่อนในช่วงฤดูร้อน มีปราสาทของโชกุนทว่าของจริงได้ถูกทำลายจึงสร้างทดแทนใหม่ ถือว่าเป็นเมืองใหญ่ที่วัยรุ่นหายาก พวกเขาไปทำงานในเมืองใหญ่ๆอย่างโอซาก้า และโตเกียว ไม่เป็นไรวันนี้พวกเราวัยรุ่นที่สุดแล้ว (ฮา)
สายลมแห่งฤดูกาลพัดสะบัดแกว่งรัวๆราวกับโบกมือต้อนรับอย่างจริงใจ ฉันกวาดตามองหาใบไม้สีแดง ดุจตามหาคนรักที่ได้พลัดพรากจากกันไปเนิ่นนาน แต่ก็หาเจอไม่ คุณโด่ง-จิรายุ ก่อกอง จากบริษัท Nex World Club อธิบายว่าใบไม้เปลี่ยนสีจะเริ่มในกลางเดือนตุลาคม จากดินแดนที่หนาวที่สุดคือ “ฮอกไกโด” ไล่ไปจนถึงดินแดนที่อุ่นที่สุดคือ “ฟุกุโอกะ” ในเดือนธันวาคม ส่วนดอกซากุระนั้นจะเริ่มผลิบานในดินแดนที่อุ่นที่สุดไล่กลับไปสุดท้ายที่ดินแดนของเกาะฮอกไกโด ฉันตัดใจจากคนรักใบไม้แดง แต่ก็ยังแอบมีความหวังว่าจะได้เจอเพียงสักครั้ง
อาหารมื้อแรกที่ญี่ปุ่น ณ AQUAIGNIS เป็นอาหารเชต มีทั้งข้าว ปลาดิบ มิโสะซุป และชาบูเนื้อมัตสึซากะ หลังจากเช็คอินที่โรงแรม Miyako City Hotel Tsu เราได้ดื่มด่ำกับอาหารเซต Kasa- an Sukiyaki มีวิธีรับประทานเขียนเป็นภาษาอังกฤษแสดงว่าสถานที่แห่งนี้ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติบ่อย สถานที่แห่งนี้เหมือนเป็นเมืองเล็กๆมีศูนย์อาหารที่รวมเชฟชื่อดังของญี่ปุ่น มีวิลล่า แช่ออนเซ็น มีสวีทวิลเลจรวมขนมอร่อยๆ ฯลฯ มีพ่อค้าเจ้าของไร่ส้มมาขายส้มที่เขาปลูกเอง หากอยู่ที่นารา หรือโตเกียว มีทางด่วนวิ่งมาถึงใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น
หลังอาหารเที่ยงเราเดินทางไปตามหา ใบไม้สีแดง (เมเปิ้ลญี่ปุ่น) ที่ Mount Gozaisho ตั้งอยู่บนพรมแดนของ Komono จังหวัดมิเอะและ Higashi-Omi จังหวัดชิงะ ภูเขาแห่งนี้เป็นศูนย์กลางของ Suzuka Quasi-National Park เรานั่งกระเช้าไต่ระดับขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของภูเขา โอ้ใบไม้ยังไม่เปลี่ยนสีสินะฉันคงมาเร็วเกินไป ทว่ามองเห็นความสวยงามของภูเขาที่สลับซับซ้อนก็ชื่นใจพอที่จะทดแทนกันได้ นักท่องเที่ยวทั้งหมดที่เห็นล้วนเป็นชาวญี่ปุ่น ยกเว้นเรา 6 คนที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นชาวญี่ปุ่นเช่นกัน(ฮา) สูดอากาศแสนบริสุทธิ์จนเต็มปอด อ้อยอิ่งชมนกชมไม้ จนพระอาทิตย์เคลื่อนคล้อยลดระดับลงตรงเหลี่ยมเขา ข้างบนนี้ลมแรงมากเจ้าถิ่นเองก็ยังรู้สึกหนาว นึกถึงสำนวนไทยที่ว่า “ยิ่งสูง ยิ่งหนาว” ใครหนอช่างเปรียบเปรยได้เหมาะสมจริงๆ
สถานีต่อไป..... Nobananosato สถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจยอดนิยมที่เต็มไปด้วยแสงสี ที่นี่มีทั้ง Foot Spa สวนปาล์ม สวนดอกไม้ ดอกBegonia มีร้านค้าเล็กๆขายอาหาร และของที่ระลึก มีร้านอาหาร ญี่ปุ่น (KAWASEMI) ร้านอาหารจีน (TOUSEN) ร้านอาหารอิตาเลียน (MUGI) ร้านราเมง, เบเกอรี่ ฯลฯ ค่ำคืนนี้นักท่องเที่ยวตื่นตาตื่นใจกับซุ้มไฟ Canola Flower และชมการแสดงแสงสีเสียงสวนดอกไม้จากหลอดนีออน ก่อนกลับไปนอนหลับฝันดี
อุโมงค์ไฟสวยงามประดับประดาด้วยหลอดไฟดอกซากุระ
อาณาจักรของ Nobananosato
จังหวัดมิเอะ คือ หัวใจของคนญี่ปุ่น เพราะมี ศาลเจ้าอิเสะ ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างเมื่อ พ.ศ.539 ก่อนคริสต์กาล 4 ปี เป็นที่ประทับของ สุริยเทพ นามว่า อามาเทราสึ ผู้ให้กำเนิดราชวงศ์ญี่ปุ่น เมื่อไม่นานมานี้เพิ่งเข้าสู่ปีเรวะที่ 1 (เริ่มวันที่ 1 กรกฎาคม 2019)จักรพรรดิ์องค์ใหม่เพิ่งเสด็จมาสักการะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ประจำราชวงศ์ ศาลเจ้าอิเสะจะถูกรื้อและสร้างใหม่ทุกๆ 20 ปี โดยใช้ไม้สนจากในป่าแห่งนี้ เป็นความลึกซึ้งที่จะสืบสานวัฒนธรรมเก่าแก่นี้สืบไปโดยถ่ายทอดให้กับรุ่นใหม่ทั้งพิธีและวิธีการสร้างก่อให้เกิดส่วนร่วมตลอดกาล ศาลเจ้าเก่าที่ถูกรื้อถอนจะถูกนำไปซ่อมแซมศาลเจ้าทั่วประเทศญี่ปุ่นถือว่ามีคุณค่าต่อจิตใจและจิตวิญญาณที่แท้จริง
ก่อนเดินเข้าศาลเจ้าชินโต ชิน(แปลว่าเทพเจ้า) โต(วิถีทาง) ต้องโค้งคำนับด้วยความเคารพ แล้วเดินผ่านซุ้มประตูโทริอิ ชิดทางขวาเสมอ ห้ามเดินตรงกลางเพราะนั่นคือทางเดินสำหรับเทพเจ้า ข้ามแม่น้ำไปแล้วจากนั้นด้านขวามือจะมีบ่อน้ำ “โซสุยะ” ให้ชำระล้างร่างกายและจิตใจตามธรรมเนียมญี่ปุ่น สูดอากาศแสนสดชื่นท่ามกลางป่าสนที่สูงใหญ่หลายคนโอบยังไม่ถึงสักการะองค์สุริยเทพแล้วเดินออกทางขวามือ ผ่านซุ้มประตูโทริอิหน้าศาลเจ้าแล้วโค้งคำนับอำลาเทพเจ้า
แม่น้ำใสๆในบริเวณศาลเจ้าอิเสะ ที่คนสมัยก่อนใช้ชำระร่างกายให้สะอาดก่อนขึนไปสักการะ
ทั่วบริเวณศาลเจ้าอิเสะเต็มไปด้วยต้นสนที่มีอายุหลายร้อยปี และนี่คือประตูทางเข้าเพื่อขึ้นไปสักการะเทพเจ้าอามาเทราสึ ข้างบนนั้นห้ามบันทึกภาพและวีดีโอ
ยุ้งข้าวญี่ปุ่นโบราณ ภายในบริเวณศาลเจ้าอิเสะ ที่ยังคงอนุรักษ์ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาชื่นชม
เด็กผู้หญิงเมื่อถึงวาระต้องมานมัสการที่ศาลเจ้าอิเสะต้องแต่งกายด้วยชุดกิโมโน
แถวๆนั้นมี ถนน Oharai-machi และ Okage-yokocho เป็นย่านร้านค้าเก่าแก่อายุ 300 ปี เสมือนได้ย้อนยุคกลับไปในสมัยญี่ปุ่นโบราณก็ไม่ปาน มีร้านค้าหลากหลายขายตั้งแต่ของที่ระลึก อาหาร ของฝาก ได้ชิมไอศกรีมเต้าหู้ แสนอร่อยก่อนไปชมการตีกลองไทโกะญี่ปุ่น นักตีกลองทั่วญี่ปุ่นเดินทางมาที่นี่ เพื่อตีกลองถวายแด่เทพเจ้าอามาเทราสึ
นักตีกลองจากทั่วญี่ปุ่นเดินทางมาเพื่อตีกลองถวายแด่องค์เทพเจ้าอามาเทราสึ
ไปคราวนี้ได้ไปเยี่ยมชมแหล่งกำเนิดของการเพาะเลี้ยงไข่มุก “เพชรแห่งทะเล” ที่ เกาะไข่มุกมิกิโมโต (Mikimoto Peari Island) เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์มีผู้บรรยายประวัติความเป็นมา ชมการสาธิตเก็บหอยมุกแบบดั้งเดิม จากนั้นชมสินค้าเครื่องประดับและผลิตภัณฑ์ความงามจากไข่มุกมิกิโมโต อุตสาห์เดินทางไปถึงถิ่นแล้วดิฉันซื้อเข็มกลัดมุกแท้จากมิกิโมโตมาเป็นของที่ระลึก 1 ชิ้น
ต่อจากนั้นเดินเท้าชมเมืองไปนิดหน่อยเพื่อรับประทานอาหารทะเลสไตล์ญี่ปุ่นที่ ร้านเทนบียะ ว่ากันว่าในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีและฤดูหนาว หอยนางรม ที่นี่จะอร่อยเป็นพิเศษ อึมม จริงซะด้วยสิ แม้แต่ เทมปุระหอยนางรม ก็อร่อยมากจริงๆด้วย
เธอมายืนต้อนรับเข้าสู่ที่พัก Shima Spain
จากนั้นพวกเรามุ่งหน้าสู่ ชิมะ/โทบะ พอไปถึงประทับใจมากมีพนักงานมายืนถือป้ายต้อนรับพร้อมโบกธงชาติไทย ประทับใจ มาสคอตสาวช่างน่าเอ็นดู คืนนี้เราพักกันที่ “สเปน” ของเมืองชิมะ หรือ Shima Spain ประเทศสเปนจำลองแห่งนี้มีทั้งสวนสนุก โรงแรม ร้านอาหาร ออนเซ็นครบครัน
บรรยากาศที่จตุรัสในเมืองสเปนจำลอง
รุ่งขึ้น....ออกจากโรงแรมไป Shima Nature School ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยธรรมชาติ ทิวทัศน์สวยงามในมุมสูง มองเห็นเกาะแก่งมากมายในท้องทะเลชิมะ ผู้คนเดินทางมาที่นี่ในฤดูหนาวเพื่อมาเล่น Water Ball มาปั่นจักรยาน ฤดูร้อนมาพายเรือคายัค เล่น Paddle Board ฯลฯ เราประทับใจเหล่าบรรดาแมวป่าที่ออกจากป่ามาต้อนรับ ชาวญี่ปุ่นปล่อยให้แมวป่าใช้ชีวิตเองจะไม่ให้อาหาร ไม่ให้ความใกล้ชิดสนิทสนม พวกเหมียวก็จะหากินเอง ใช้ชีวิตแบบต่างคนต่างอยู่กับมนุษย์ คิดว่าถ้าเป็นแมวป่าไทยป่านนี้คงเสียนิสัยไปแล้วแน่ๆ (ฮา)
บรรดาแมวป่า ที่ชาวญี่ปุ่นปล่อยให้เขาอยู่กับธรรมชาติไม่มีใครไปยุ่งเกี่ยว ไม่มีการให้อาหาร
แสนประทับใจกับมื้อเที่ยงที่ Ama Hut Hachiman Kamado ณ หมู่บ้านชาวประมงแบบดั้งเดิมสืบสานมาหลายร้อยปี เป็นการดำน้ำแบบ Free Dive 1 นาทีดำลงไป 10 เมตร เก็บหอย กุ้งล็อบสเตอร์ หอยเป๋าฮื้อ สาหร่าย ฯลฯ สวมใส่ชุดสีขาวเพราะพวกเขาจะดูแลซึ่งกันและกัน ถ้าดำลงไปแล้วไม่โผล่ขึ้นมาก็จะลงไปช่วยเหลือทัน เพราะในอดีตมีสัตว์ทะเลอันตรายมากมายเช่นปลาฉลาม ปลาหมึกยักษ์ พวกเธอใช้เวลาในทะเลชั่วโมงครึ่งต้องขึ้นมาผิงไฟในกระท่อม จะสุมไฟให้ร้อนๆ เพราะน้ำทะเลนั้นหนาวเย็นมากๆ พวกเธอเล่าว่าแม้จะเป็นเพื่อนรักกันก็ตามแต่เวลาดำน้ำทุกคนคือคู่แข่ง ต่างฝ่ายต้องหาสัตว์ทะเลให้ได้มากกว่า มักจะแอบดูกระชังเพื่อนว่าได้มากกว่าฉันหรือเปล่า ถ้าได้มากกว่าละก็ ฉันไม่ยอมเด็ดขาด
คุณป้าเรโกะ (Reiko Nomura) วัย 88 ปี เล่าว่าเธอดำน้ำจับสัตว์ทะเลด้วยมือเปล่าเมื่อตอนอายุ 10 ขวบ และเพิ่งเลิกดำน้ำเมื่อตอนอายุ 80 ปี ทุกวันนี้เธอยังมีสุขภาพแข็งแรง ความจำดี คุณป้าเล่าว่า การดำน้ำเป็นหมอชั้นดีแทบไม่ต้องไปหาหมอที่โรงพยาบาลเลย
หมู่บ้านฮาจิมังแห่งนี้ มีเหล่าบรรดาอัมมะ ผู้หญิงแห่งท้องทะเล หาสัตว์ทะเลมาปิ้งย่างกันสดๆตอนรับผู้ไปเยือนด้วยรอยยิ้มแสนอบอุ่นพวกเธอเล่าว่า กุ้งอิเสะเอบิ ช่วงฤดูใบไม้ผลิไปจนถึงฤดูหนาวเนื้อหวานอร่อยเป็นพิเศษ ไม่ต้องง้อน้ำจิ้มหรือโชยุใดๆ เพราะเขาไม่มีเสิร์ฟให้นะจ๊ะ เรารับประทานหอยย่าง ปลาย่าง ฯลฯ กับข้าวญี่ปุ่นหุงร้อนๆ มิโสะซุปแก้ฝืดคอได้ดีแถมมีสาหร่ายทะเลหอมกรุ่นที่เพิ่งเก็บมาสดๆร้อนๆใส่ลงไปด้วย โอ้สวรรค์ ฉันอยากมาอยู่กับอัมมะที่นี่เสียจริง เมื่ออิ่มหนำสำราญแล้ว ตัวแทนผู้หญิงแห่งท้องทะเลชวนพวกเราระบำรำฟ้อนแบบพื้นเมืองชาวเลท้องถิ่นอย่างสนุกสนาน ฉันได้ลองสวมชุดอัมมะพวกเธอบอกว่าช่างเหมือนคนแถวนั้นจริงๆ
เครื่องเล่นที่หวาดเสียวที่สุดใน Shima Spain
เย็นนี้พวกเรากลับเข้าหมู่บ้านสเปนไปท่องสวนสนุกบรรยากาศแบบสเปนกันที่ Shima Spain Village ชมการแสดงแบบสเปน แล้วไปดินเนอร์ดื่มกินอาหารสเปนที่ภัตตาคารในโรงแรม ทว่าแช่ออนเซ็นแบบญี่ปุ่น ก่อนนอนหลับฝันดี......แม้ไม่เจอใบไม้สีแดงอย่างที่ตั้งใจไว้ แต่ทุกอย่างสุดประทับใจ ทดแทนกันได้สบายมาก สายลมยังคงพัดพริ้ว นอนหลับฝันดีภายใต้ผ้าห่มอุ่น ภายใต้ห้องนอนที่มีบรรยากาแบบสเปน กลางดึกแสงจันทร์สาดส่องเข้ามาถึงเตียงนอน คืนนี้จึงพิเศษได้นอนอาบแสงจันทร์คงเป็นอมตะก็คราวนี้(ฮา) เรื่องราวดีๆรอเราอยู่ในวันรุ่งของพรุ่งนี้สินะ โอยาสุมินาไซ (ราตรีสวัสดิ์)
เตียงนอนนุ่มๆบรรยากาศแบบสเปน....นอนฝันถึงยุโรปเลยเรา