สึบากิ ใน ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี

สึบากิ ใน ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี

ลมหนาวพัดมาแล้ว ทว่าความทรงจำเมื่อคราต้นฤดูใบไม้ร่วงยังไม่จางจากไป "มิเอะ" เมืองที่มีแต่ความสงบ เต็มไปด้วยพลังบวก ดอกสึบากิที่อ่อนไหวยังคงกวัดแกว่งตามแรงลม

6.

สึบากิ (Tsubaki) ดอกไม้อันเป็นตัวแทนของความอ่อนน้อมถ่อมตน โค้งคำนับต้อนรับผู้มาเยือนท่ามกลางสายลมพริ้วไหวในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ใครๆก็รู้ว่าฉันใจอ่อนกับเหล่าบรรดามวลดอกไม้ทั้งหลายเสมอ แม้แต่ดอกหญ้าริมทางยังเรียกร้องความสนใจจากฉันได้ กลีบสีชมพูบางๆของดอกสึบากิ มองดูคล้ายรูปหัวใจ ถูกลมพัดปลิวว่อนอยู่ในอากาศ ช่างสวยงามราวกับภาพในจินตนาการจนอยากจะหยุดโลกเอาไว้

7.

สึบากิสีชมพูเข้ม

5.

ดอกสึบากิที่ร่วหล่นบนพื้นทางเดินดุจพรมสีชมพู

9.

กลีบสึบากิดุจดังหัวใจสีชมพู

10.

 ชื่นชมดมดอมเนิ่นนานอยู่บนเขาโยโกยามะ (YOKOYAMA) อากาศดีแสนสบายหายใจโล่ง เดินขึ้นบันได้ที่เต็มไปด้วยกลีบดอกสึบากิมาหยุดยืนตรงจุด Sky View (Yokoyama Tenku) จุดนี้มองเห็นอ่าว AGO ในมุมสูงถัดจากนั้นจะเป็นสวนดอกไฮเดรนเยีย, Japanese Iris Garden และ Cherry Blossom Garden ที่จะบานในฤดูใบไม้ผลิ

13.

จุดชมวิวโยโกยาม่า ตั้งอยู่บนเกาะคาชิโคจิม่า เคยเป็นสถานที่จัดงาน “2016 Ise Shima Summit” มีทิวทัศน์ที่เป็นลักษณะเฉพาะคือ “ชายฝั่งเว้าแหว่ง” ชายฝั่งที่ถูกกัดเซาะจนกลายเป็นเกาะเล็กๆหลายเกาะคั่นระหว่างน้ำทะเล เราจะเห็นภาพของท้องฟ้า ทะเล และพื้นดินดูเหมือนจะเป็นหนึ่งเดียวกันจนน่าอัศจรรย์ หากมาชมความงามยามอาทิตย์อัสดงก็จะยิ่งตราตรึง

2.

                วันนี้คุณฮิคาชิ กุจิ หรือไดจัง เจ้าหน้าที่หนุ่มจากจังหวัดมิเอะ ทำหน้าที่ขับรถตระเวณพาพวกเรามุ่งสู่ตอนใต้ของเมืองมิเอะ(MIE) โดยออกจากโรงแรม Shima Span หลังอาหารเช้าแล้วมุ่งหน้าสู่ Kashikojima Espana Gruise เพื่อไปขึ้นเรือโจรสลัดชมอ่าว AGO โต้ลมเย็นๆ นักท่องเที่ยวบนเรือส่วนใหญ่เป็นชาวญี่ปุ่น ไม่ใช่สิทั้งหมดเป็นชาวญี่ปุ่นต่างหาก ยกเว้นพวกเรา 6 คน อ่าวแห่งนี้เต็มไปด้วยกระชังเลี้ยงหอยมุก แน่นอนว่าเรือโจรสลัดยกพลขึ้นบกเพื่อชมการสาธิตวิธีฝังนิวเคลียส(Nucleus)ลงไปในตัวหอยมุก เพื่อเลี้ยงให้ได้ไข่มุกเม็ดงาม นักท่องเที่ยวทั้งหลายเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เครื่องประดับไข่มุกแท้กันอย่างเพลิดเพลิน งานนี้เราไม่พลาดที่จะกระจายรายได้ให้กับชุมชน โดยซื้อเข็มกลัดดอกไม้สีเงินประดับด้วยไข่มุกแท้มาเป็นของที่ระลึก ราคา 2,600 เยน

3.

                ขึ้นจากเรือไปแวะเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ Kashikojima Station บอกเล่าเรื่องราวต่างๆรวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวของเมืองนี้

4.

11.

ก่อนเดินทางต่อเราแวะรับประทานอาหารเที่ยงที่ร้านอาหารท้องถิ่นเมืองชิมะ ชื่อร้านไท (TAI) เป็นร้านมิชลินไกด์แนะนำ โดยเฉพาะเมนูชื่อ โอจะสุเกะ (OCHASUKE) เป็นเซตเมนูท้องถิ่นราคา 2,000 เยน มีปลาดิบ ผักดอง ของนึ่ง (เผือก แครอท เมล็ดถั่วลันเตา เห็ดหอม เผือก สาหร่าย)จัดมาสวยงาม “โอจะ” แปลว่า “น้ำชา” แต่ไม่ใช่น้ำชา ทว่าทำมาจากน้ำซุปปลาโอกับสาหร่ายคอมบุ และเนื้อปลาไท เคี้ยวเป็นน้ำซุป แล้วคดข้าวใส่ลงไป เป็นอาหารที่ทานง่ายๆของคนท้องถิ่นที่ถูกค้นพบด้วยความบังเอิญ

                คนญี่ปุ่นสมัยก่อนหลังจากดื่มเหล้าแล้วจะไปหาร้านโอจะสุเกะ เหมือนคนไทยต้องไปกินข้าวต้มต่อก่อนกลับไปนอนหลับฝันดี ทว่าคนญี่ปุ่นปัจจุบันหลังดื่มเหล้าไปกินราเมงต่อเหมือนคนไทยบางคนไปกินก๋วยเตี๋ยวนั่นเอง

                การเดินทางสะดวกและรวดเร็วเพราะมีอุโมงค์ตัดผ่านภูเขาลูกแล้วลูกเล่า เราไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทางอ้อมภูเขา ป่าส่วนใหญ่เป็นไม้สนหอมชื่อ ฮิโนกิ (Hinoki) ถือว่าเป็นไม้หอมศักดิ์สิทธิ์ของแดนอาทิตย์อุทัย สถาปัตยกรรมดั้งเดิมแบบญี่ปุ่นเช่นปราสาท วัด ศาลเจ้า บ้านเรือนเก่าแก่อายุร้อยกว่าปี ล้วนใช้ไม้ฮิโนกิ เป็นไม้สนไซเปรสสายพันธุ์ญี่ปุ่น มีถิ่นกำเนิดมาจากที่นี่ ฮิโน แปลว่า ไฟ คำว่า กิ แปลว่า ไม้ รวมกันแล้วมีความหมายตรงตัวว่า ไม้แห่งไฟ ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง เมื่อเราได้มาอยู่ท่ามกลางไม้สนหอมจึงรีบสูดลมหายใจให้เต็มปอด เรียกได้ว่ามารับพลังจากไม้ศักดิ์สิทธิ์ถึงถิ่น

14.

                ระหว่างทางเราแวะ Kumano kodo Maqose toge เส้นทางแสวงบุญที่สมัยก่อนคนญี่ปุ่นใช้เป็นทางเดินลัดไปนมัสการสุริยะเทพ อามาเทราสึ ที่ศาลเจ้าอิเสะ  ด้วยแรงศรัทธาของคนสมัยก่อนได้ช่วยกันนำก้อนหินมาวางเรียงรายเป็นทางเดินคนละก้อนสองก้อน (บางก้อนใหญ่ยักษ์มาก) เราเดินป่าสูดอากาศสดชื่นจากมวลพฤกษาอีกครั้ง

16.

ป่าสน และใบเมเปิ้ลญี่ปุ่นที่ยังไม่เปลี่ยนสี ตรงทางเข้า Kumano kodo Maqose toge

17.

ก่อนมุ่งหน้าสู่ที่พัก ในเมืองคิโฮะขุ โรงแรมโทกิโนะซะ (Hotel Tokinoza) ค่ำคืนนี้เราจะสวมชุดยูกาตะ แช่ออนเซ็น(ออนเซ็นพันปีคิโฮะขุ) พักผ่อนในโรงแรมแบบเรียวกังริมชายหาด ที่ถือว่าเป็นโรงแรมยอดนิยมมีชื่อเสียงมาเนิ่นนาน  หากไม่ไปออนเซ็นรวม ในห้องพักมีอ่างไม้ให้เราเปิดน้ำแร่อุ่นๆแช่ตัวมองทิวทัศน์สบายๆ

19.

                นอนหลับสบายก่อนตื่นขึ้นมารับประทานอาหารเช้าของโรงแรมที่ขึ้นชื่อว่า เสิร์ฟอาหารเช้าดีที่สุดติดอันดับต้นๆของญี่ปุ่น และเป็นอันดับ 1 ของจังหวัดมิเอะ นอกจากไลน์บุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นและตะวันตก มีอาหารตากแห้งผลิตในคิอินะกะชิมะเป็นเมนูหลักเช่นเห็ดหอมที่เพาะบนท่อนไม้, และแต่ละโต๊ะมีเตาถ่านบินโจวสำหรับย่างผักและอาหารตากแห้งด้วยตนเอง เราสามารถทำ เรียวชิด้ง (ข้าวหน้าชาวประมง)โดยนำซาชิมิที่จัดเตรียมไว้ พร้อมทั้งผักพื้นเมืองและซุปมิโสะแสนอร่อย

23.

อาหารเช้าแสนอร่อยที่โรงแรม โทกิโนะซะ (Hotel Tokinoza)

22.

ออนเซ็นส่วนตัวที่ระเบียงห้องนอน

21.

ปลาดิบแสนอร่อยในห้องอาหารของโรงแรม โทกิโนะซะ (Hotel Tokinoza)

20.

เชฟเลือกวัตถุดิบสดใหม่เองทุกวันที่ตลาดปลา

24.

ก่อนจากโรงแรม โทกิโนะซะ (Hotel Tokinozaเราซื้อไม้ฮิโนกิ เอาไว้แช่อ่างน้ำร้อนที่เมืองไทย

25.

                หลังอาหารเช้า “ไดจัง” มารอรับไปชมบ้านญี่ปุ่นโบราณ อายุ 100 ปีที่หมู่บ้าน เทนมะอุระ อำเภอ โอวาเสะ แต่ก่อนไปขอแวะซื้อของฝากที่ร้านเล็กๆในโรงแรม นั่นก็คือ “ไม้ฮิโนกิ” กลับเมืองไทยแล้วนำไม้ท่อนนี้แช่ในอ่างอาบน้ำกลิ่นของไม้สนหอมก็จะฟุ้งกระจายทำให้เราคิดถึงมิเอะและวันเวลาแห่งความสุขก็จะหวนคืนมาอีกครั้ง

26.

                ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีเราก็มาถึง เทนมาโซ (TENMASOU) แปลว่า “บ้าน” เป็นสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นโบราณสร้างในสมัยโชวะ ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ชาวบ้านร่วมกันรักษา และอยู่ในความดูแลของมหาวิทยาลัยมิเอะ(MIE University) เจ้าของบ้านหลังนี้สั่งเสียไว้ว่าอย่ารื้อถอนเขาต้องการเก็บไว้ให้คนรุ่นหลังได้เห็น ทุกวันนี้รักษาไว้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์

27.

                บ้านที่ดูแล้วแสนอบอุ่นหลังนี้แวดล้อมไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ รวมทั้งต้นซากุระที่ตอนนี้ทิ้งใบไปหมดแล้วมีทั้งพันธุ์ทั่วไป โยชิโนะซากุระ และพันธุ์หายาก ชิดาเระ ซากุระ มีกิ่งย้อยระย้าสวยงาม อายุราว 80 ปี ชิดาเระเมืองนี้มีแค่ 5 ต้นเท่านั้น แล้วยังมีต้นพลับ และพีชป่า ฯลฯ มองเห็นท้องทะเลโอวาเสะและท้องฟ้าสีคราม

29.

คุณป้ามัตสึอิ มาสึมิ (Matsui Matsumi) อาสาสมัครผู้ดูแลบ้านยิ้มต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมพาไปเยี่ยมชมห้องต่างๆของบ้าน มีห้องโถงใหญ่ขนาด 18 เสื่อทาทามิ แสดงว่าเจ้าของบ้านหลังนี้ต้องรวยมากๆ คาดว่าบ้านหลังนี้น่าจะเป็นบ้านพักตากอากาศของเศรษฐี คุณป้ามาสึมิพาพวกเรามายังห้องนั่งเล่น มีเปียโนและข้าวของต่างๆที่เจ้าของบ้านเดิมวางไว้ ห้องนี้เห็นทิวทัศน์ด้านนอกสวยงามมาก มองเห็นลูกพลับตากแห้งแบบผ้าม่านลูกพลับ ที่ญี่ปุ่นเรียกว่า คาขิโนเร็น พอแห้งลมได้ที่แล้วเนื้อข้างในจะหวานนุ่มชุ่มฉ่ำทานแกล้มมัจฉะอร่อยล้ำ จากนั้นเธอก็เสิร์ฟน้ำส้มที่ปลูกบริเวณบ้านนำมาคั้นสดๆ แล้วเสิร์ฟขนม สอนพวกเราชงชาญี่ปุ่น (มัจฉะ)

28.

“วิธีชงชาเราต้องตวัดไม้ชงเข้าออก ไปข้างหลังข้างหน้าแบบเร็วๆจนเกิดฟอง ห้ามวนรอบถ้วยนะ พอเกิดพองแล้วถึงจะวนหนึ่งรอบแล้วยกไม้ชงออก แล้วตัดขนมแบ่งครึ่งก่อนแล้วค่อยๆแบ่งอีกครั้งเป็น 4 ชิ้น ต้องกินขนมให้หมดก่อนนะแล้วค่อยดื่มชา มือซ้ายประคองถ้วยแบบนี้ ส่วนมือขวาจับที่ขอบถ้วย หมุนถ้วย 2 ครั้ง แล้วจิบ 3 จิบจนหมดถ้วย”

คุณป้ากล่าวพร้อมรอยยิ้มอย่างอบอุ่น อัยย์- ฐณัณญาญ์ ไอยราถิรศักดิ์ (อัยย์ พรรณี วีรานุกูล) เพื่อนร่วมทริปเล่นเปียโนโชว์เพลงก่อน จากนั้นคุณป้าร้องเพลงโอวาเสะ โนะ อุตะ ให้พวกเราฟังเป็นเพลงท้องถิ่นบอกเล่าวิถีชีวิตของชาวประมง ที่นี่มีปลาเยอะอุดมสมบูรณ์ คุณป้าบอกว่าปลาที่นี่อร่อยมาก กล่าวซาโยนาระกอดอำลาคุณป้า เธอบอกว่าจะคอยเราอยู่ที่นี่ให้มาหาอีกนะ ฉันสัญญาว่าจะอยู่ถึงอายุ 100 ปี ขอให้คุณป้ามีสุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาวดังที่ท่านปรารถนา ช่วงดอกซากุระบานบ้านหลังนี้คงจะสวยงามมาก คิดแล้วก็อยากจะไปเยือนอีกครั้งในฤดูใบไม้ผลิตามคำเชิญของคุณป้ามาสึมิ

30.

ไปทานอาหารท้องถิ่นที่ร้าน Hana no Iwaya Tei ร้านนี้เขาเด่นเรื่องปลามากุโระที่ขึ้นชื่อของเมืองคุมาโนะ เจ้าของร้าน คุณฮามากุจิ ฟูซาชิ เขามีฟาร์มเลี้ยงทูน่าได้มาตรฐาน EU ส่งออกยุโรป ร้านนี้เปิดทุกวันเวลา 11.00-14.00 น.และ 17.00-22.00 น. อิ่มท้องแล้วขอไปเดินเล่นที่ ศาลเจ้า Hawano iwaya jinja เป็นศาลเจ้าแห่งเทพสองพี่น้อง อิซานามิ กับอิซานางิ เป็นปฐมเทพของญี่ปุ่นมีอายุมากกว่า 2,300 ปี ยูเนสโก้ประกาศให้เป็นมรดกโลก

33.

จากนั้นเราไปเยี่ยมบ้านปีศาลที่ โอนิกาโจ (Onigajyo) โอนิแปลว่ายักษ์หรือปีศาล กาโจ แปลว่าบ้านหรือปราสาท ชื่นชมศิลปะของหินที่เว้าแหว่งบนหุบเขาเหนือผืนทะเล สายลมทำให้หินผุกร่อนได้ถึงเพียงนี้ แต่หัวใจอ่อนๆของเธอทำด้วยสิ่งใด (พลันนึกถึงเนื้อหาเพลงรอของสุเทพ วงศ์กำแหงขึ้นมาทันใด) ก่อนอาทิตย์อัสดง เรามุ่งสู่เมืองมัตสึซากะซึ่งอยู่ตอนกลางของจังหวัดเพื่อไปดินเนอร์แบบบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างเนื้อชื่อดังประจำจังหวัด เพราะที่ร้าน Dream Ocean เขาทำราคาให้ทุกคนจับต้องได้ อิ่มท้องนอนหลับสบายคิดถึงเรื่องราวที่น่าประทับใจในวันนี้ คิดถึง.....

34.

8.

ความสวยงามของ....กลีบดอกสึบากิที่ปลิวว่อนในอากาศ ก่อนตกลงมาประดับพื้นบรรไดหินดุจพรมสีชมพูยังตราตรึงอยู่ในใจ คิดถึงเพลงโอวาเสะของ คุณป้ามัตสึอิ มาสึมิ และขอบคุณการต้อนรับแสนอบอุ่นจากทุกคนๆในเมืองมิเอะที่ไม่อาจกล่าวรายนามได้หมด ขอบคุณเพื่อนร่วมทางทุกคน ฤดูใบไม้ร่วงค่อยๆผ่านมาแล้วค่อยๆจากไป “มิเอะ” จะอยู่ในความทรงจำที่ดีตลอดไป

35.

เนื้อมัตสึซากะแสนอร่อย ณ เมืองมัตสึซากะ