Argo กับรางวัลออสการ์ ปมของความตึงเครียด

Argo กับรางวัลออสการ์ ปมของความตึงเครียด

ปีที่ หนังชิงหนังยอมเยี่ยมออสการ์ แต่ไร่้เงาผู้กำกับ

นับตั้งแต่ที่ชื่อ เบน เอฟเฟล็ค อันตรธานไปจากรายชื่อผู้เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาผู้กำกับยอดเยี่ยมเมื่อวันที่ 10 มกราคม ภาพยนตร์ดรามาว่าด้วยการชิงตัวประกันในอิหร่าน Argo ก็ถูกนำเข้าสู่เวทีประกาศผลรางวัลหลายรายการ โดยไปคว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจากเวทีลูกโลกทองคำ และรางวัลจากสมาคมผู้อำนวยการสร้างแห่งอเมริกา (PGA) รวมถึงรางวัลกลุ่มนักแสดงยอดเยี่ยมจากสมาคมนักแสดงภาพยนตร์และโทรทัศน์ (SAG)

ในหนังเรื่องนี้ เอฟเฟล็ค ควบทั้งหน้าที่เป็นผู้กำกับ และแสดงนำเป็นซีไอเอที่พยายามช่วยเหลือตัวประกันชาวสหรัฐ 6 คนที่ถูกจับตัวไปในอิหร่านในช่วงปี 1979 ซึ่งการคว้ารางวัลเหล่านี้ทำให้ Argo ถูกจับตามองยิ่งขึ้น

นั่นทำให้งานประกาศผลรางวัลออสการ์ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ เกิดความตึงเครียดอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็นกันบ่อยนัก
“กระแสตอนนี้ กำลังไปทาง Argo” เจเรมี เคย์ บรรณาธิการสาขาอเมริกาของนิตยสารสกรีน อินเตอร์เนชันแนล นิตยสารเกี่ยวกับภาพยนตร์จากลอนดอน กล่าว “Lincoln ยังคงเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง แต่นี่ก็กลายเป็นการแข่งขันของม้าเร็วสองตัวไปแล้ว”

เมื่อเดือนธันวาคม ความหวังต่อรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมของ Argo ดูจะถูกทำลายไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อ เบน เอฟเฟล็ค ไม่ได้เข้าชิงรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม อันเป็นเหมือนเงื่อนไขที่จะนำไปสู่การได้รางวัลใหญ่ของงาน

เคย์ บอกว่า นับตั้งแต่ที่ Driving Miss Daisy ในปี 1989 ได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมไป โดยที่ผู้กำกับ บรูซ เบเรสฟอร์ด ไม่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง ก็ไม่มีหนังเรื่องใดที่คว้ารางวัลใหญ่จากออสการ์ แล้วไม่ได้เข้าชิงรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมเลย ซึ่งหนังในยุคก่อนหน้านั้น ก็มีเพียงสองเรื่องที่ทำได้คือ Wings ในปี 1929 และ Grand Hotel ปี 1932

“ถึงมันไม่น่าจะเกิดขึ้นได้อีก แต่ถ้าให้เลือก ผมคงแทงข้าง Argo”

ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์หลายคนดูจะเอนเอียงไปทาง Lincoln หนังเล่าเรื่องชีวประวัติอดีตประธานาธิบดี ผลงานของ สตีเวน สปีลเบิร์ก ส่วนหนังเรื่องอื่นๆ ยังคงแข่งขันกันแบบหายใจรดต้นคอ แต่ถึงอย่างนั้น Argo ก็ยังได้รับเสียงที่ดีจากนักวิจารณ์ในเว็บไซต์ Moviecitynews.com นักวิจารณ์อย่างน้อย 10 คนยกให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังยอดเยี่ยม เทียบกับ Lincoln ที่มีเพียง 2 เสียงเท่านั้น

ไบรอัน โอนีล นักเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์ เจ้าของหนังสือ Original Plots: The Unified Field Theory of Storytelling ซึ่งเป็นงานเขียนที่วิเคราะห์บทภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จ ได้กล่าวว่า Argo กลายเป็นที่จับตามองขนาดนี้ด้วยการจับเอาเรื่องราวในชีวิตจริงที่ไม่ใช่เนื้อเรื่องที่บ็อกซ์ออฟฟิศจะโปรดปราน

“การเป็นหนังวิกฤตการณ์ช่วยเหลือตัวประกันที่มีฉากเป็นยุค 70 แรงดึงดูดของหนังย่อมมีจำกัด”

แต่ด้วยรายได้ 118 ล้านดอลลาร์และกำลังเพิ่มขึ้น โอนีล บอกว่า การที่หนังเรื่องนี้อยู่ในกระแสของสาธารณะจะเป็นเหมือนการถ่วงดุลในฤดูกาลแจกรางวัลจากเวทีต่างๆ ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีผลต่อการคาดเดาเจ้าของรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมบนเวทีออสการ์ในปีนั้นๆ

“ด้วยราคาบัตรชมภาพยนตร์ที่สูงขึ้น ก็ถือว่าผู้ชมได้ลงคะแนนเลือกผ่านเงินของพวกเขา” เขาบอก “การเล่าเรื่องราวที่ยอดเยี่ยมได้รับรางวัลเป็นสิ่งที่ดี ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจหาก Argo จะสามารถยืนอยู่เหนือหนังเรื่องอื่นๆ ได้”
เคย์ ยังบอกอีกว่า ขณะที่ Lincoln ยังไม่ได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม แต่ชื่อของ สปีลเบิร์ก รวมถึงนักแสดงนำชาย แดเนียล เดย์-ลูวิส ก็ดูจะมาแรงบนเวทีออสการ์ปีนี้

“ผู้ลงคะแนนไม่ได้สนใจรางวัลจากเวทีอื่นๆ หรอก แถม Lincoln ก็ดูจะเป็นที่รักใคร่ของออสการ์เสียด้วย”

หนังเรื่องนี้ที่ดูท่าจะได้กวาดรางวัลนักแสดงนำชายไปจากหลายเวที ทำเงินไปแล้ว 167 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ Argo เข้าชิงออสการ์ 7 รางวัล โดยไม่มีชื่อเข้าชิงรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม แต่ Lincoln ได้เข้าชิงถึง 12 รางวัล รวมถึงรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมให้แก่ สตีเวน สปีลเบิร์ก รางวัลนักแสดงสมทบชายและหญิงให้กับ ทอมมี ลี โจนส์ และ แซลลี ฟิลด์

ทั้งนี้ ยังมี Silver Linings Playbook รวมถึงหนังดังอย่าง Zero Dark Thirty และ Les Mis?rables “แต่ตอนนี้ การแข่งขันระหว่าง Lincoln และ Argo โดดเด่นออกมาจากหนังเรื่องอื่นๆ สิ่งที่น่าตื่นเต้นคือ คุณไม่อาจรู้เลยว่า ปีนี้ใครจะเป็นผู้ชนะ”

ที่หลังเวทีงานประกาศผลรางวัล SAG Awards นักข่าวถามผู้กำกับหนุ่มว่า การได้รับรางวัลใหญ่จากเวที PGA และ SAG จะส่งผลต่อรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมบนเวทีออสการ์หรือไม่ เอฟเฟล็ค ตอบอย่างเคร่งขรึมว่า

“ผมคิดว่า ตัวเองโชคดีมากแล้วที่ได้ทำงานนี้” เขาบอก “ผมไม่ได้เข้าชิงในฐานะผู้กำกับ แต่ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร”
ก่อนหน้านี้ เบน เอฟเฟล็ค เคยได้รับรางวัลออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมจากเรื่อง Good Will Hunting ปี 1997 ร่วมกับ แมตต์ เดมอน

“อาจไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ก็ถือเป็นโอกาสดีได้อยู่ในการแข่งขัน และผมก็รู้สึกเป็นเกียรติจริงๆ”