เที่ยว “อู่ทอง” ท่องทริปธรรม

เที่ยว “อู่ทอง” ท่องทริปธรรม

อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นหนึ่งในอำเภอสำคัญของเมืองไทย ที่นี่เป็นต้นกำเนิดทางประวัติศาสตร์และอารยธรรมแห่งสุวรรณภูมิ

อีกทั้งยังเป็นเมืองศูนย์กลางการค้าของอาณาจักรทวารวดีเมื่อในอดีต รวมไปถึงเป็นจุดที่พระพุทธศาสนาเข้ามาเผยแผ่เป็นแห่งแรกของเมืองไทย

ด้วยความสำคัญในหลายด้าน องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน(อพท.) สมาพันธ์สมาคมเครือข่ายท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สคท.) และเทศบาลตำบลท้าวอู่ทอง จึงได้ร่วมมือกันจัดโครงการ ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ 5 ขุนเขา 1 ศาลเจ้า (เส้นทางไหว้พระออมบุญ 5 ขุนเขา 1 ศาลเจ้าพ่อพระยาจักร) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงระหว่างกิจกรรมทัวร์ธรรมะกับแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรม

ศิริกุล กสิวิวัฒน์ รองผู้อำนวยการ อพท. ผู้จัดการพื้นที่พิเศษเมืองโบราณอู่ทอง กล่าวว่า การพัฒนาพื้นที่ในเขตอำเภออู่ทอง มุ่งเน้นให้เกิดการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นกลไกในการพัฒนาชุมชนไปสู่ความยั่งยืน โดยชุมชนและคนในพื้นที่มีส่วนร่วม และเกิดความสมดุลใน 3 มิติ คือ สังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจ

“การท่องเที่ยวต้องนำมาซึ่งการเป็นสังคมที่น่าอยู่น่าเที่ยว มีความสงบสุข มีคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งจะทำให้ประชาชนที่เป็นเจ้าของแหล่งท่องเที่ยวมีความพร้อมที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยมิตรไมตรี และทำให้ประชาชนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวเห็นคุณค่าความสำคัญของทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวของชุมชน ไม่ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ หรือ ศิลปวัฒนธรรม และเกิดจิตสำนึกที่จะร่วมกันดูแลรักษาให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างไม่มีวันจบสิ้น สุดท้ายจะต้องนำมาซึ่งรายได้จากการจ้างแรงงานในชุมชน ครอบครัวและกระจายรายได้ไปยังส่วนต่างๆ อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม”

สำหรับเส้นทางทริป “ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ 5 ขุนเขา 1 ศาลเจ้า” ประกอบไปด้วย วัดเขาถ้ำเสือ พุทธสถานศักดิ์สิทธิ์ ถิ่นกำเนิดกรุ “พระถ้ำเสือ” หนึ่งในพระเครื่องชื่อก้องของเมืองไทย ที่ทางวัดได้ทำพระพุทธรูปถ้ำเสือ(จำลอง)องค์โตสีทองไว้ให้พุทธศาสนิกชนสักการะบูชา ซึ่งเชื่อว่าการไหว้พระถ้ำเสือ จะมีบุญบารมี มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ผู้คนเคารพนับถือ ชีวิตรุ่งโรจน์ โดยรูปเคารพนั้นแกะสลักเป็นรูปลอยนูนเด่นสง่า ส่วนด้านบนบริเวณจุดชมวิวก็มีสวนป่าจันทร์ขาว ป่าสุพรรณนิการ์เหลืองอร่าม ส่งกลิ่นหอมอบอวนไปทั่วขุนเขา นอกจากนี้ยังมีสวนป่าหินธรรมชาติที่สลับซับซ้อนสวยงามน่าชื่นชมด้วย

จากวัดถ้ำเสือเดินทางตามรอยอัครสาวกขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าต่อไปยัง วัดเขาทำเทียม ที่ว่ากันว่า บริเวณเพิงผาหน้าถ้ำเคยเป็นที่พำนักของพระโสณเถระและพระอุตตระเถระ อัครสาวกขณะที่เผยแผ่พระธรรมคำสอนอันบริสุทธิ์ของพุทธองค์มายังดินแดนสุวรรณภูมิ โดยร่องรอยบุญมหากุศลของพุทธสถานแห่งนี้มีพระอุโบสถ์ และใบเสมาหินเก่าแก่โบราณเป็นสิ่งเล่าขานอดีต ปัจจุบันที่วัดแห่งนี้กำลังมีโครงการสร้าง “สมเด็จพระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ” หรือ “หลวงพ่ออู่ทอง” ที่เป็นพระพุทธรูปแกะสลัก(นูนสูง) บนหน้าผาที่ใหญ่ที่สุดในโลก

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในเส้นทางลำดับต่อไปอยู่ที่ วัดเขาพระศรีสรรเพชญาราม หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “วัดเขาพระ” เป็นวัดเก่าแก่ที่สันนิษฐานว่า มีมาตั้งแต่สมัยทวาราวดี ที่นี่มีของดีหลากหลายให้ชม( 9 มหามงคล) ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธไสยาสน์ พระพุทธรูปปางต่างๆ ซึ่งสลักด้วยเนื้อหิน มีเทวรูปจักรนารายณ์เนื้อหิน เจดีย์สมัยอยุธยาบนยอดเขา 1 องค์ รวมถึงรูปเคารพพระเจ้าอู่ทอง, หลวงพ่อพระหยก สีขาวสวยจากพม่า, หลวงพ่อเปี้ยน-หลวงพ่อบุญ รูปเคารพของ 2 เกจิชื่อดัง ส่วนรอยพระพุทธบาทจำลองแกะสลักด้วยหินเขียวธรรมชาติประดิษฐานไว้ในมณฑปบนยอดเขา ทุกๆ วันขึ้น 15 ค่ำ และแรม 1 ค่ำ เดือน 12 กับวันขึ้น 14-15 ค่ำ และแรม 1 ค่ำ เดือน 5 จะมีงานนมัสการพระพุทธไสยาสน์ เป็นงานประจำปีสำหรับพุทธศาสนิกชนชาวอู่ทอง

ไปกันต่อที่ วัดเขากำแพง ซึ่งมียอดเขาที่เชื่อว่าเคยเป็นปากปล่องภูเขาไฟเมื่อครั้งอดีต วัดแห่งนี้จึงเปรียบเป็นแดนดินถิ่นยอดพระสุเมรุปล่องภูเขาไฟ ที่เผาไหม้กิเลส และดับทุกข์ในทรวงด้วยปริศนาธรรมคำสอนของพุทธองค์ ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจขนาดใหญ่ยักษ์หลายอย่าง เช่น ไซ, กลอง, ฆ้อง รวมถึงรูปเคารพที่ศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหลวงพ่อเงินและหลวงพ่อสุพรรณ พระบรมธาตุเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์บนยอดเขา และสมเด็จพระปุศยมุนีศรีสุพรรณมงคล หรือ “หลวงปู่ขาว” มาถึงสถานที่สุดท้าย วัดเขาดีสลัก วัดแห่งนี้ตั้งอยู่บนยอดเขาดีสลัก มี “รอยพระพุทธบาทจำลอง" สร้างด้วยหินเขียวประดิษฐานในมณฑปพระพุทธบาทอันสวยงาม ซึ่งรอยพระพุทธบาทดังกล่าวแตกต่างจากรอยพระพุทธบาทที่พบตามที่อื่น นั่นคือ เป็นรอยพระพุทธบาทนูน นักโบราณคดีให้ความเห็นว่า น่าจะเป็นศิลปะสมัยทวาราวดี อายุราวพุทธศตวรรษที่ 14-16 ส่วนบนเขามองลงไปจะเห็นวิวทิวทัศน์เบื้องล่างที่สวยงาม ทั้งยังมีสวนหินเพิงผาหน้าถ้ำที่เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้ต่างๆ ให้ได้ชื่นชมกันอย่างสดชื่นด้วย

ผ่านไปแล้วกับ 5 ขุนเขา ส่วนอีก 1 ศาลเจ้านั้นก็คือ ศาลเจ้าพ่อพระยาจักร ที่เป็นเทวรูปสมัยทวารวดี มีลักษณะคล้ายรูปพระวิษณุแบบเก่าสวมหมวก มีบันทึกเล่าว่า ชาวอู่ทองในอดีตได้ค้นพบองค์เทวรูปเจ้าพ่อบริเวณริมแม่น้ำจระเข้สามพัน ชาวบ้านจึงได้อัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนแท่นบูชา พร้อมทั้งก่อสร้างอาคารศาลเจ้าให้ในปี 2400 ก่อนที่พัฒนาปรับปรุงมาเป็นศาลเจ้าอันสวยงามตั้งเด่นสง่าอยู่ใจกลางเมืองอู่ทองดังปัจจุบัน ด้วยกิตติศัพท์ความศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าพ่อพระยาจักรทำให้แต่ละวันมีคนเดินทางมาบนบานศาลกล่าวเป็นจำนวนมาก โดยมีความเชื่อว่า การไหว้เจ้าพ่อพระยาจักรจะช่วยให้แคล้วคลาด ปลอดภัยจากภยันอันตรายทั้งปวง อีกทั้งยังทำให้อยู่เย็นเป็นสุข เสริมมงคลชีวิต

อู่ทองน่าเที่ยวอย่างไรต้องไปสัมผัสกันเอง หากไปไม่ถูกสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เทศบาลตำบลท้าวอู่ทอง โทรศัพท์ 0 3555 2997