ชีวิตสุดคุ้ม'น้ำตกวังตุ้ม'เขาค้อ

อย่าปล่อยให้ข้อความที่บอกว่า "ชีวิตของเรา...ใช้ซะ" เป็นแค่สโลแกนเก๋ๆ ของการโฆษณา เพราะฉันกำลังจะบอกว่า มันน่าเสียดายมาก
หากคุณไม่ได้ "ใช้ชีวิตให้คุ้ม" ด้วยตัวของคุณเอง
. . .
"อย่าลืมดูเกจ์กันด้วยนะครับ"
เท่านั้นแหละ สายตาทุกคู่ก็หันกลับไปมองที่จุดหมายเดียวกัน
อย่าเพิ่งเข้าใจผิดคิดว่าสิ่งที่พูดถึงนั้นเป็นเพื่อนๆ กลุ่มเพศที่สาม หรือชายรักชาย เพราะ "เกจ์" (Guage) ที่หัวหน้าทริปในครั้งนี้หมายถึง คือก้อนหินขนาดย่อมที่ถูกใช้เป็นมาตรวัดระดับความปลอดภัยของน้ำ ซึ่งตั้งอยู่ตรงกลางลำธารพอดิบพอดีนั่นเอง
ฟ้าครึ้มและฝนก็รั่วประปรายแบบนี้ เป็นเหตุให้นทีต้องหมั่นคอยเตือนพวกเราอยู่ตลอดเวลา และเมื่อทุกคนเช็คจนมั่นใจแล้วว่า ระดับน้ำอยู่ในระยะปลอดภัย ความสนใจทั้งหมดก็กลับไปอยู่ที่กิจกรรมตรงหน้านั้น อีกครั้ง
1.
เขาค้อ อาจเป็นปลายทางของคนรักไอหมอกจางๆ และความหนาวเหน็บในฤดูหนาว แต่เท่าที่รู้ อำเภอที่สร้างรายได้ให้กับจังหวัดเพชรบูรณ์อย่างมหาศาลแห่งนี้ มีสถานที่ที่เป็น unseen และกำลังจะกลายเป็นหมุดหมายใหม่ที่กินใจคนรักการผจญภัยอย่างแท้จริง
ฉันหมายถึง น้ำตกวังตุ้ม น้ำตกขนาดใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ในผืนป่าหนาทึบของเขาค้อมาชั่วนาตาปี ต่อเมื่อมีการค้นพบแล้วในวันนี้ น้ำตกวังตุ้มก็พร้อมทำหน้าที่ "เจ้าบ้าน " ต้อนรับผู้มาเยือนทุกท่านด้วยความเต็มใจ
หลายคนอาจคุ้นหน้า นที เริงสอาด ในบทบาทของผู้จัดการฝ่ายกิจกรรม ภูแก้ว รีสอร์ท แอนด์ แอดเวนเจอร์ ปาร์ค แต่ในวันนี้เขามาในมาด "หัวหน้าทริปผจญภัย" แห่ง "เขาค้อ เอ็กซ์พลอเรอร์" (Khao Kho Explrer) ที่จะพาเราไปทำกิจกรรมที่ได้ชื่อว่าสนุกที่สุด นั่นก็คือ การโรยตัวฝ่ากระแสน้ำอันชุ่มฉ่ำที่น้ำตกวังตุ้ม ตำบลแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์
"ผมเริ่มทำงานที่เขาค้อปี 2547 แต่มารู้จักน้ำตกวังตุ้มจริงๆ ปี 2549 คือพอไม่ใช่ฤดูหนาวที่นักท่องเที่ยวเข้ามาเขาค้อเยอะๆ เราก็เอาเวลาไปสำรวจแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ จึงตั้งชื่อกลุ่มว่า เขาค้อ เอ็กซ์พลอเรอร์ ทำการสำรวจแหล่งท่องเที่ยวที่เป็น unseen ก็ว่าได้ แล้วตอนนั้นที่เราเข้ามาที่นี่ก็มาในช่วงหน้าแล้ง ไม่ค่อยมีน้ำ แต่ก็รู้สึกอลังการแล้ว พอเข้ามาช่วงหน้าฝน น้ำมาก ยิ่งรู้สึกว่ามันอลังการและสวยงามจริงๆ เราก็เลยพยายามทำกิจกรรม ซึ่งหลังจากที่เราทำกิจกรรมตรงนี้ไป การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพิษณุโลก ก็ช่วยโปรโมท จนกิจกรรมโรยตัวที่น้ำตกวังตุ้มติดอันดับ 1 ใน 10 ของกิจกรรมโรยตัวในประเทศไทย"
ไม่ใช่ธรรมดา เพราะน้ำตกวังตุ้มได้รับความนิยมเป็นอันดับ 4 รองจากน้ำตกธารรัตนา จังหวัดนครนายก (อันดับ 1), น้ำตกเวฬุวัน จังหวัดปราจีนบุรี (อันดับ 2) และน้ำตกกรุงนาง จังหวัดนครศรีธรรมราช (อันดับ 3) แอบคุยว่า 3 อันดับแรกผ่านมือฉันมาหมดแล้ว ซึ่งก็สนุกสนานจริงๆ ส่วนอันดับ 4 นี้เพิ่งมีโอกาสได้มา ไม่รู้ว่าจะโหด มัน ฮา สมคำร่ำลือหรือเปล่า
"วันนี้เป็น soft adventure ครับ ซอฟต์จริงๆ เพราะลงไปข้างล่างก็เป็นน้ำนุ่มๆ เลย" นที หยอกนักท่องเที่ยวเบาๆ ก่อนจะบอกอย่างจริงจังว่า โปรแกรมที่จะไปในวันนี้เรียกว่า ตะลุยป่าฝ่ากระแสน้ำตก นั่นก็คือน้ำตกวังตุ้ม ที่ตั้งอยู่บริเวณบ้านดงหลง โดยนักท่องเที่ยวจะต้องนั่งรถแบบขับเคลื่อนสี่ล้อเข้าไปในป่าราว 10 กิโลเมตรจากทางหลวงหมายเลข 12 และราว 3 กิโลเมตรจากหมู่บ้านดงหลง ซึ่งเป็นหมู่บ้านสุดท้ายก่อนถึงน้ำตก จากนั้นจะต้องเดินป่าเข้าไปอีกราว 300-500 เมตร จนถึงตัวน้ำตกที่ทำกิจกรรม
ไม่มีนักผจญภัยคนไหนขลาดกลัวกับเส้นทางที่กล่าวมา เมื่อจัดเตรียมเสื้อผ้าและร่างกายพร้อมแล้ว พวกเราจึงออกเดินทางจากภูแก้วรีสอร์ททันที
2.
ทิวเขาเขียวๆ ที่สลับซับซ้อนทอดทับกันไปมา คือเสน่ห์ทางสายตาที่ทำให้ใครๆ ต่างพากันหลงรักเขาค้อ ฉันเองก็เหมือนกัน ทุกครั้งที่เห็นเส้นภูเขาวกวนเหล่านั้น จะรู้สึกชื่นฉ่ำหัวใจขึ้นมาทุกที และยิ่งในเวลาที่มองอยู่บนกระบะหลังรถแบบนี้ แทบไม่มีสิ่งใดขวางกั้นความสุขนั้นของเราไว้ได้เลย
"กรี๊ดดดดดด" ไม่ทันได้คิดฟุ้งซ่านไปไกล เพื่อนร่วมทางก็ฉุดความคิดของฉันมาไว้กับปัจจุบัน มันก็น่าอยู่หรอก เพราะถนนเปื้อนโคลนที่ไหลลงไปจนแทบจะเป็นแนวดิ่งนั้น ชวนให้ขวัญหนีดีฝ่อจริงๆ
แม้จะเป็นรถโฟรวีลส์ที่ตะกายดินโคลนได้ดี แต่มาเจอถนน "ซุปเปอร์เละ" แบบนี้ หาทางหนีออกจากรถก่อนจะดีกว่า ว่าแล้วพวกเราก็ค่อยๆ ทยอยลงจากรถเพื่ออำนวยความสะดวกให้เจ้าหน้าที่จากเขาค้อ เอ็กซ์พลอเรอร์ ทำงานได้สะดวก
โซ่เส้นใหญ่ถูกลากลงมาจากกระบะหลัง แล้วเจ้าหน้าที่ก็นำไปพันไว้กับล้อเพื่อป้องกันการลื่นไถล ส่วนพวกเราก็ต้องเดินย่ำโคลนลงไปด้านล่าง รอสักพักรถกระบะคันใหญ่ก็ตามมา พร้อมกับสัมภาระที่จะต้องเตรียมหอบหิ้วลงไปเพื่อใช้ทำกิจกรรม
นที บอกว่า พื้นที่ในการทำกิจกรรมทั้งหมดจะแบ่งเป็น 3 ส่วน คือถ้าเดินลงไปที่น้ำตกแล้วเลี้ยวซ้าย จะเป็นทางที่มุดไปด้านใต้น้ำตก ตรงนั้นเป็นจุดถ่ายภาพของคนที่ไม่ถนัดโรยตัว จะแอบลงไปเล่นน้ำก็ได้ แต่แอ่งน้ำตรงนั้นค่อนข้างลึก จึงไม่ปลอดภัยนัก ส่วนด้านบนเป็นต้นทางของกิจกรรมโรยตัว บริเวณนี้จะมีเจ้าหน้าที่คอยฝึกสอนให้นักท่องเที่ยวรู้จักกับอุปกรณ์ที่ใช้โรยตัว และสอนท่าทาง รวมถึงบอกทิศทางในการโรยตัวเพื่อความปลอดภัยด้วย ส่วนจุดสุดท้ายคือ"สไลเดอร์ธรรมชาติ" ที่เป็นจุดเล่นน้ำสำหรับทุกคนที่รักความชุ่มฉ่ำจริงๆ
"การโรยตัวของเราจะเป็นการโรยตัวโดยใช้ระบบเชือกลงจากน้ำตกฝ่ากระแสน้ำ ภาษาอังกฤษเรียกว่า Canyoning คือการโรยตัวลงกลางกระแสน้ำ สำหรับคนไม่มีทักษะไม่ต้องกังวลเพราะเรามีทีมสอนให้ ส่วนเสื้อผ้าก็สบายๆ ต้องพร้อมเปียก พร้อมลุย พร้อมเละ"
เมื่อสวมหมวกกันน็อค สนับแขน สนับเข่า harness หรือเข็มขัดแบบเต็มตัว รวมถึงอุปกรณ์เพื่อการโรยตัวครบถ้วนแล้ว สมาชิกทุกคนก็พร้อมเดินดิ่งแบบ 90 องศา ท้าสายน้ำที่ไหลแรงตรงนั้นลงไปยังแอ่งน้ำนุ่มๆ ด้านล่างทันที
30 เมตรจากจุดปล่อยตัว ดูเหมือนไม่น่าหวาดเสียวเท่าไร แต่พอได้ไปยืนอยู่ ณ จุดนั้นจริงๆ เป็นใครก็ต้อง "ขาสั่น" เพราะมันไม่ใช่แค่ความสูงเท่านั้นที่ทำเอาใจฝ่อ ก้อนหินลื่นๆ กับกระแสน้ำที่หล่นลงมาราวกับฟ้ารั่วยังเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้การเดินไต่น้ำตกลงมานั้นล่าช้ากว่าปกติ แต่นี่แหละที่ทำให้กิจกรรมโรยตัวเป็นเรื่องสนุก
"ถ้าไม่มีน้ำ เราก็ไม่รู้จะโรยตัวกับอะไร มันก็เป็นแค่หน้าผาแห้งๆ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราต้องการสื่อสารกับนักท่องเที่ยวก็คือ เราจะทำยังไงให้น้ำมันอยู่อย่างนี้ตลอดไป" นที บอก
ทีมงานเขาค้อ เอ็กซ์พลอเรอร์ จึงร่วมมือกับชาวบ้านดงหลง ทำชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติบ้านดงหลงขึ้นมา เพื่อทำกิจกรรมท่องเที่ยวผจญภัยเชิงอนุรักษ์ คือนอกจากจะนำนักท่องเที่ยวเข้ามาร่วมกิจกรรมในพื้นที่เพื่อสร้างรายได้ให้กับผู้คนในชุมชนแล้ว การประชาสัมพันธ์ให้ทุกคนรู้จักคุณค่าและร่วมกันดูแลอนุรักษ์ป่าต้นน้ำ ยังเป็นกุศโลบายสำคัญที่ทำให้พื้นที่แห่งนี้ยังคงความอุดมสมบูรณ์ไว้ได้
3.
"อย่าลืมดูเกจ์กันด้วยนะครับ" หัวหน้าทริปเตือนพวกเราอีกครั้ง ก่อนที่ทุกคนจะหันไปหาก้อนหินขนาดย่อมนั้นเป็นตาเดียวกัน ซึ่งตลอดวันนั้นระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย พวกเราจึงมีเวลาชื่นฉ่ำอยู่กับสายน้ำได้อย่างเต็มที่ ซึ่งพอจบจากกิจกรรมโรยตัวที่น้ำตกวังตุ้ม พวกเราก็เดินทวนกระแสน้ำขึ้นมาอีกนิด เพื่อย้อนคิดถึงวัยเด็กในตอนที่ได้เล่น "สไลเดอร์"
"นี่เป็นสไลด์สไตล์อีสานนะครับ" นที สร้างความงุนงงให้กับทุกคนในทริป ก่อนจะค่อยๆ เฉลยออกมาว่า "ก็มันคือ สไลเด้อ ยังไงล่ะครับ" เท่านั้นแหละเสียงหัวเราะฮาก็กระจายออกมาทันที (ไม่คิดว่าพี่แกจะเล่นมุกนี้จริงๆ)
ระหว่างนั่งดูเพื่อนๆ ร่วมทริปปล่อยตัวลื่นไหลลงมากับสไลเดอร์ธรรมชาติ ฉันมีโอกาสพบกับ ผู้ใหญ่ชาญ ถาวรวงค์ ผู้ใหญ่บ้านดงหลง ที่ตามมาดูแลพวกเราอย่างใกล้ชิด
ผู้ใหญ่ชาญ บอกว่า พื้นที่บริเวณนี้เป็นพื้นที่ป่าชุมชนที่อยู่ติดกับอุทยานแห่งชาติเขาค้อ การดูแลจึงเป็นแบบช่วยเหลือเกื้อกูลกัน โดยชาวบ้านจะอาศัยหาของป่า เก็บเห็ด เก็บหน่อไม้ พร้อมๆ ไปกับดูแลอันตรายจากไฟป่าให้กับอุทยาน
"เราช่วยกันรักษาดูแล อย่างป่าชุมชนของเรา คนที่อื่นจะมาตัดไม่ได้ ชุมชนตัดได้แต่เราก็ต้องปลูกทดแทน และเราก็ไม่ตัดเยอะ อย่างไผ่กอหนึ่งเราตัด 3-4 ลำ ตัดไปใช้ ไม่ได้เพื่อการค้า ซึ่งพื้นที่ป่าชุมชนของเราจะมี 3 จุด จุดละ 300 ไร่ 200 ไร่ 50 ไร่ เรามาหาของป่าได้ปกติ แต่ของป่าไม้เราก็ไม่ยุ่ง หาเห็ด หาอะไรได้ แต่ห้ามตัดไม้ เราอาศัยอยู่ด้วยกัน เมื่อป่าไม้มาดูแลตรงนี้ ถ้าไฟ(ป่า)เข้าเราก็ต้องช่วยกันดับ หน้าแล้งเราก็ช่วยกันดูแล เราก็ทำแบบนี้กันมาตลอด ส่วนเรื่องปลูกป่าทดแทน ที่ไหนว่างเปล่าแล้วเป็นที่ของชุมชน เราก็ปลูกป่าเสริม ปีนี้ปลูกป่าไป 30,000 ต้นแล้ว เราปลูกกันเอง พวกไม้มะค่า ประดู่ และที่เจดีย์ 108 ที่อยู่ตรงทางเข้าน้ำตกเราก็ปลูกไปประมาณ 20,000 กว่าต้น"
ฉันฟังผู้ใหญ่ชาญมาเรื่อยๆ จนถึงระหว่างทางเดินกลับมาที่รถก็หันไปเห็น "กังหันพลังงานน้ำ" ตัวเขื่องตั้งอยู่ใกล้ๆ น้ำตก ผู้ใหญ่ชาญ บอกว่า นี่เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่ช่วยกันทำขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว
"ตรงนี้จะมีห้องน้ำสำหรับนักท่องเที่ยวอยู่ข้างบน เราก็ใช้ท่อพีวีซี 2 นิ้ว มาทำกังหันปั่นน้ำไปให้นักท่องเที่ยวใช้ข้างบน และอีกอย่างเส้นทางมันค่อนข้างมืด บางทีมาแล้วไม่เห็นทาง เราก็ดึงสลิงให้ไดนาโมทำงาน ก็จะมีไฟส่องทางให้ ทั้งหมดเป็นภูมิปัญญาของชาวบ้าน แปลงให้เกิดกระแสไฟฟ้า เราก็มาทำให้นักท่องเที่ยว แต่ไม่ได้ทำสำหรับหมู่บ้าน เพราะมันอยู่ไกลกันเกินไป นี่เราก็ทำมา 7-8 ปีแล้ว ทำฟรี นักท่องเที่ยวไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แล้วเราก็ยังจัด อปพร. มาดูแลเรื่องความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวด้วย"
ถามว่า แล้วแบบนี้ชาวบ้านจะได้ประโยชน์อะไรจากการท่องเที่ยว ผู้ใหญ่ชาญ บอก แค่ชาวบ้านได้ขายของที่ระลึก ขายอาหารให้นักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลท่องเที่ยวได้บ้าง แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
ถึงตอนนี้ มันไม่ใช่แค่ความสนุกสนานเพียงอย่างเดียวที่นักท่องเที่ยวอย่างฉันได้รับ แต่มันคือ "ความรัก" อันยิ่งใหญ่ที่ชาวบ้านมีต่อธรรมชาติรอบๆ กายของพวกเขา ส่วนผู้คนในอำเภอเขาค้อก็ช่วยกันอนุรักษ์ดูแลผืนแผ่นดินจนทำให้คนต่างถิ่นอย่างเราอดที่จะ "หลงรักษ์-เขาค้อ" ไปด้วยไม่ได้จริงๆ
...........
การเดินทาง
สำหรับนักเดินทางตัวยง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ไปอย่างไร เพราะไปกันจนชินทาง แต่ถ้าใครยังเป็นมือใหม่หรือมือเก่าแต่ขอเอาชัวร์ไว้ก่อน จากกรุงเทพฯ แนะนำให้ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ผ่านไปทางจังหวัดสระบุรี บริเวณกิโลเมตรที่ 125 (แยกบ้านพุแค) ให้เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 21 ผ่านอำเภอม่วงค่อม และอำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ก่อนจะเข้าสู่เขตจังหวัดเพชรบูรณ์ ไปจนถึงอำเภอเขาค้อ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง
จากนั้นให้ไปตั้งหลักกันที่ "ภูแก้ว รีสอร์ท แอนด์ แอดเวนเจอร์ ปาร์ค" ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นในการรวมพลเพื่อไปทำกิจกรรมโรยตัวที่น้ำตกวังตุ้ม สำหรับกิจกรรมนี้ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดคือราวเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม (อาจขยับขยายไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน ขึ้นอยู่ปริมาณของน้ำในแต่ละปี) โดยนักท่องเที่ยวสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ ทีมงานเขาค้อ เอ็กซ์พลอเรอร์ โทร. 08 9894 9211, 08 1985 2676 ส่วนรายละเอียดของภูแก้ว รีสอร์ท แอนด์ แอดเวนเจอร์ ปาร์ค ดูเพิ่มเติมจาก www.phukaew.com/adventurepark หรือ โทร. 0 5675 0053
ข้อมูลการท่องเที่ยวทั้งหมดในเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ สามารถสอบถามที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพิษณุโลก โทร. 0 5525 2742 - 3 และ 0 5525 9907