2556 ปีแห่งการประท้วงเชิงสัญลักษณ์

2556 ปีแห่งการประท้วงเชิงสัญลักษณ์

การประท้วงมีเทคนิคการดื้อแพ่งร่วมกันในการรณรงค์ต่อเนื่อง ประชาชนหลายประเทศลุกขึ้น 'ประท้วงเชิงสัญลักษณ์' ต่อความไม่ชอบธรรมในประเทศตนเอง

พ.ศ.2556 นับเป็นปีที่ประชาชนทั้งสองซีกโลกตัดสินใจลุกขึ้นทำในสิ่งที่คล้ายๆ กันอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ การประท้วง เพื่อเรียกร้องและทวงคืนความถูกต้อง สิทธิ ความยุติธรรม การบริหารงานที่โปร่งใส-ตรวจสอบได้จาก 'รัฐบาล' ในประเทศของตนเอง


ด้วยความที่รัฐบาลเป็นฝ่ายถือไว้ทั้ง 'อำนาจ' และ 'กองกำลัง' ประชาชนผู้มีแต่สองมือเปล่าจึงต้องสรรหา กรรมวิธี เพื่อทำให้ 'เสียง' ของตน หรือข้อเรียกร้องที่พวกเขาต้องการ ดังไปถึงหูรัฐบาลที่หวงแหนและพยายามรักษาอำนาจตัวเองไว้อย่างถึงที่สุด

เพื่อให้ข้อเรียกร้องได้รับการตอบสนอง และบางครั้งต้องตอบโต้กลับไป กรรมวิธีการประท้วงได้นำมาซึ่งสิ่งที่เป็น สัญลักษณ์ มากมาย

ตุรกี
การประท้วงในประเทศตุรกีปีนี้เริ่มก่อตัวขึ้นเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม เริ่มจากการประท้วงย่อยๆ แสดงความไม่พอใจต่อนโยบายพัฒนาของนายกรัฐมนตรี เรเซ็ป ไตยิบ เอดวน ที่ประกาศจะเอา สวนสาธารณะ ทักซิม เกซี (Taksim Gezi Park) พื้นที่สีเขียวล้ำค่าบริเวณขอบจตุรัสทักซิมในเมืองอิสตันบูล ให้เอกชนไปทำห้างสรรพสินค้า

แต่การประท้วงเพื่อต้นไม้ กลับยืดเยื้อ ลุกลามขยายวงกว้าง

ต้นเดือนมิถุนายน นายกรัฐมนตรีเอดวนตัดสินใจสลายกลุ่มผู้ชุมนุม สั่งตำรวจดำเนินการจับกุมและยิงแก๊สน้ำตาใส่ประชาชนที่ออกมาประท้วงโดยสันติ ถือว่าใช้กำลังรุนแรงเกินกว่าเหตุ กลายเป็นหลักฐานไปทั่วโลกว่านายกรัฐมนตรีเอดวนใช้อำนาจเผด็จการอย่างรุนแรง ทั้งที่ผู้ประท้วงเพียงต้องการแสดงความไม่พอใจต่อสิ่งที่พวกเขาเห็นว่า กำลังรุกรานวิถีความเป็นอยู่ของพวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ


ความไม่พอใจส่งผลให้เกิดการประท้วงลุกลามไปทั่วประเทศ เนื่องจากสถานีโทรทัศน์ของตุรกีไม่ยอมเสนอข่าว แต่กลับนำสารคดีนกเพนกวินและรายการทำอาหารมาออกอากาศ ผู้ประท้วงต้องหาทางออกด้วยการกระจายข่าวผ่านทวิตเตอร์

สถานการณ์นี้เกิด 'การประท้วงเชิงสัญลักษณ์' ขึ้นรูปแบบหนึ่ง เมื่อนักออกแบบท่าเต้นชาวตุรกี มร.เออร์เดม กุนดุซ (Erdem Gunduz) ประท้วงความรุนแรงของรัฐบาลโดยใช้วิธี ยืนนิ่ง เขายืนนิ่งสนิทราวกับหุ่นอยู่กลางจตุรัสทักซิมตั้งแต่หกโมงเย็นถึงตีสอง จนสำนักข่าวต่างประเทศเรียกเขาว่า Standing Man

โซเชียลมีเดียทำให้การยืนนิ่งของมร.เออร์เดมกลายเป็น 'การประท้วงเชิงสัญลักษณ์' ที่มีคนทำตามไปทั่ว ไม่เฉพาะที่จตุรัสทักซิมที่ประชาชนพากันแสดงออกด้วยการยืนนิ่ง แต่ยังแพร่กระจายไปทั่วตุรกีที่มีการประท้วง เช่น การประท้วงที่เมืองอังการาและอิซเมียร์


นอกจากนี้ยังมีนักเคลื่อนไหวออกมาทำ โยคะ ในสวนสาธารณะทักซิม เกซี แสดงการต่อต้านนโยบายของนายกรัฐมนตรีเอดวน


ตุรกีมีปมปัญหาสะสมมากมายจากการบริหารแบบ 'ตามใจอำนาจผู้บริหารประเทศ' ไหนจะพัวพันคดีอื้อฉาวเรื่องสินบน คอร์รัปชันอนุมัติโครงการ ยกเลิกวัฒนธรรมทางศาสนาตามอำเภอใจ ฯลฯ

จากการประท้วงเพื่อต้นไม้ บัดนี้คนหนุ่มสาวตุรกี นักธุรกิจ นักการธนาคาร นักวิชาการ ทนายความ คนอีกหลายสาขาอาชีพ ลุกขึ้นระบายความไม่พอใจออกมาเป็นการประท้วงตามท้องถนนสายต่างๆ หวังโค่นอำนาจผู้นำ

เปรู
8 ธันวาคมที่ผ่านมา ประชาชนชาวเปรูและนักเคลื่อนไหวต่อต้าน กีฬาสู้วัวกระทิง (bullfighting) นับร้อยคน รวมตัวประท้วงเชิงสัญลักษณ์ด้วยการใช้สีแดงทาตัวเองแทนเลือดปลอม สีดำแทนสีผิววัวกระทิง แล้วนอนลงบนพื้นเรียงตัวกันเป็นภาพวัวกระทิงถูกดาบของมาธาดอร์สังหาร ณ บริเวณจตุรัสปลาซา เด อาโช ในกรุงลิมา เมืองหลวงของประเทศเปรู เพื่อต่อต้านการจัดสู้วัวกระทิงประจำปีที่เปิดฉากขึ้นในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมของทุกปี เนื่องจากวัวกระทิงที่ถูกมาธาดอร์พิชิตได้จะต้องถูกสังหาร กลุ่มพิทักษ์สัตว์เห็นว่าเป็นกีฬาพื้นบ้านที่โหดร้าย ในขณะที่ผู้เดินขบวนประท้วงอีกกลุ่มปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจนได้รับบาดเจ็บ

บราซิล
ชาวบราซิลประท้วงเรียกร้องให้รัฐบาลใช้งบประมาณและปรับปรุงระบบสาธารณูโภค การศึกษา และสาธารณสุขด้วยความโปร่งใส จนเกิดการปะทะเดือดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในเมืองหลวงมาตั้งแต่กลางปี

การประท้วงรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นการประท้วงใหญ่ทั่วประเทศเมื่อรัฐบาลประกาศนโยบายขึ้นค่าโดยสารรถประจำทางและรถไฟใต้ดิน ประชาชนเห็นว่าไม่ยุติธรรมและไม่พอใจการทำงานของรัฐบาล ทั้งเรื่องคอร์รัปชัน ภาษีแพง ระบบสาธารณูปโภคที่ย่ำแย่

ผู้ประท้วงชาวบราซิลที่เรียกตัวเองว่า แบล็ค บล็อค (Black Bloc) และ อะโนนีมัส (Anonymous) ใน 12 เมืองใหญ่ยังคงกดดันรัฐบาลด้วยการนัดกันฉลอง วัน กาย ฟอกส์ (Guy Fawkes Day) เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ในโอกาสครบรอบ 408 ปีที่กาย ฟอกส์ วางแผนจะระเบิดสภา กรุงลอนดอนเพื่อฆ่าเหล่าขุนนางเผด็จการ โดยกำหนดให้เป็น วันต่อต้านการคอร์รัปชันและการปกครองแบบกดขี่ และใช้สังคมออนไลน์เรียกร้องให้ประชาชนออกมาร่วมชุมนุม

การประท้วงคงยังไม่หยุดแค่ปีนี้ บราซิลกำลังจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกเดือนมิถุนายนปีหน้า และการแข่งขันโอลิมปิกที่ ริโอ เดอ จาเนโร ปี 2016 แม้ประชาชนจะสนับสนุนกีฬา แต่การที่รัฐบาลแสดงเจตจำนงตัดรายจ่ายเพื่อเอาเม็ดเงินไปทุ่มการเป็นเจ้าภาพ โดยละเลยการพัฒนาคุณภาพชีวิตกับโครงสร้างสังคมในประเทศ ก็ทำให้ประชาชนรับไม่ได้

ไทย
การประท้วงรัฐบาลส่อเค้ามาตั้งแต่ปีที่แล้ว ทั้งปัญหาพลังงาน สินค้าเกษตรราคาตกต่ำ ราคาไข่ไก่เดี๋ยวถูกเดี๋ยวแพง คดีเขาพระวิหาร เสียงเตือนรอบด้านเกี่ยวกับปัญหารับจำนำข้าว จริยธรรมข้าราชการระดับผู้ใหญ่ ฯลฯ ตลอดจนข้อสงสัยในการควบคุมสื่อสาธารณะและการแสดงความคิดเห็น


ความอัดอั้นตันใจเริ่มปริเมื่อย่างเข้าเดือนมกราคมได้เพียง 4 วัน เมื่อละครโทรทัศน์เรื่อง เหนือเมฆ 2 : มือปราบจอมขมังเวทย์ ถูกถอดจากผังรายการกลางอากาศ เนื่องจากละครเรื่องนี้มีเค้าโครงระบุถึงการเมืองและการคอร์รัปชันของนักการเมือง ทำให้ละครเรื่องนี้กลายเป็นละครที่ไม่มีตอนจบออกอากาศ

สถานีโทรทัศน์ออกมาให้เหตุผลผ่านเฟซบุ๊คของสถานีฯ ว่า "มีเนื้อหาบางช่วงบางตอนที่ไม่เหมาะสมกับการออกอากาศ"

การยุติออกอากาศอย่างฉับพลันได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างเผ็ดร้อนและกว้างขวาง โดยเฉพาะในเว็บบอร์ดบนอินเทอร์เน็ต เฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ และนำมาซึ่ง 'การประท้วงเชิงสัญลักษณ์' เมื่อคนอุดมการณ์เดียวกันนัดกันสวม หน้ากากกาย ฟอกส์ (Guy Fawkes mask) และรวมตัวประท้วงหน้าสถานีโทรทัศน์


หน้ากากกาย ฟอกส์ มาจากภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดเรื่อง V for Vendetta (เพชฌฆาตหน้ากากพญายม) ในปีพ.ศ. 2549 ที่ตัวละครเอกสวมใส่หน้ากากลักษณะนี้ต่อต้านรัฐบาลเผด็จการในท้องเรื่อง

การเคลื่อนไหวในลักษณะการลุกฮือของประชาชนที่ใช้สัญลักษณ์ 'หน้ากากกาย ฟอกส์' ที่เป็นที่รู้จักกันดีทั่วโลก คือกรณี 'ออคคิวพาย วอลล์ สตรีต' ในมหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ปีพ.ศ.2554

ในกรุงเทพฯ 'การประท้วงเชิงสัญลักษณ์' ด้วยหน้ากากกาย ฟอกส์ ระอุขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งยกระดับสู่การต่อต้านรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และระบอบทักษิณ

ปลายเดือนพฤษภาคม ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตนัดหมายกันเปลี่ยนรูปโพรไฟล์เฟซบุ๊คเป็นรูปหน้ากากกาย ฟอกส์ มีความหมายโดยนัยว่า ขณะนี้กองทัพประชาชนได้ลุกขึ้น และประกาศจะล้มล้างระบอบทักษิณให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทย

นอกจากนั้น ยังนัดหมายกันสวมหน้ากากกาย ฟอกส์ เพื่อแสดงออกในรูปแบบ แฟลช ม็อบ (Flash Mob การชุมนุมเชิงสัญลักษณ์ในที่สาธารณะเพื่อทำอะไรบางอย่างโดยใช้เวลาไม่ยืดเยื้อ) ระบุเป้าหมาย 3 ข้อ คือ 1.รวมพลังล้มล้างระบอบทักษิณ 2.สลายสี สร้างความสามัคคีให้เกิดในสังคม 3.เปิดโปงหน้ากากขบวนการเผด็จการที่ใช้ประชาธิปไตยบังหน้า

ต่อมาในเดือนสิงหาคม ปรอทวัดความอดทนในการประท้วงทวีความร้อนระอุขึ้นเมื่อรัฐบาลสร้างสรรค์ ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ที่ผู้ประท้วงให้เหตุผลว่าเป็น พระราชบัญญัติล้างผิดคนโกง แต่รัฐบาลกลับเสนอร่างพ.ร.บ.นี้เข้าสู่สภาฯ


การประท้วงเชิงสัญลักษณ์เริ่มต้นเบาะๆ เมื่อประชากรเฟซบุ๊คส่วนหนึ่งนัดหมายกันเปลี่ยนรูปโพรไฟล์ที่เริ่มจากพื้นสี่เหลี่ยมสีดำ ตัวอักษรสีขาวเขียนคำว่า คัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ก่อนกราฟฟิกดีไซเนอร์มืออาชีพและมือสมัครเล่นจะช่วยกันดัดแปลงให้สวยงามเฉียบคมขึ้นอีกหลายเวอร์ชั่น


เมื่อรัฐบาลตอบรับเสียงผู้ประท้วงด้วยการเดินหน้าดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ด้วยคำว่า "สุดซอย" และยกมือผ่านร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ในคืนวันที่ 31 ตุลาคม ต่อเช้าวันที่ 1 พฤศจิกายน เวลา 05.00 น. จนได้ชื่อว่า 'พ.ร.บ.ลักหลับ' ปรอทวัดความอดทนในการประท้วงของประชาชนจึงแตกละเอียด

ประชาชนภายใต้ชื่อ ชมรมนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตย โต้กลับด้วยการประท้วงเชิงสัญลักษณ์รูปแบบใหม่ ส่งเทียบเชิญกราฟฟิกว่อนเน็ตรวมพลังเป่านกหวีดสายฟ้า คืออยากส่งเสียงความไม่พอใจ-ไม่เห็นด้วยให้ดังสนั่นไปถึงสภาผู้แทนราษฎร เป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม


การประท้วงเชิงสัญลักษณ์นี้มีชื่อเรียกเป็นสากลว่า คนเป่านกหวีด (Whistle Blower)

ประวัติศาสตร์การเมืองไทยจารึกการเป่านกหวีดต้าน 'พ.ร.บ.ล้างผิดคนโกง' ครั้งแรกไว้เมื่อวันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน นัดหมายกันด้วยฤกษ์พานาทีตัวเลขสวยๆ ที่เวลา 12.34 น. ริมถนนสีลม หน้าธนาคารกรุงเทพสำนักงานใหญ่ ผู้คนมามืดฟ้ามัวดิน


ตามมาด้วยการนัดหมายเป่านกหวีดของคณาจารย์และนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทั้งศิษย์เก่าศิษย์ปัจจุบันในวันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน, มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยขอนแก่น 6 พฤศจิกายน

ชมรมนักธุรกิจฯ นัดเป่านกหวีดครั้งที่สอง ณ บริเวณบีทีเอส อโศก วันที่ 7 พฤศจิกายน เช่นเดียวกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอีกหลายมหาวิทยาลัย

การเป่านกหวีดขยายตัวไปทั่วประเทศ ผู้ประท้วงเป็นคนทุกสาขาอาชีพ ตั้งแต่เด็กเล็กจนถึงผู้สูงอายุ ผู้ทุพพลภาพ ควบคู่ไปกับ การถือแผ่นป้ายต้านพ.ร.บ.นิรโทษกรรม แล้วถ่ายรูปขึ้นเฟซบุ๊คส่วนตัว ทั้งคนไทยในประเทศ คนไทยที่ไปทำงาน-เรียนหนังสือในต่างประเทศ ไม่เว้นแม้แต่ชาวต่างประเทศก็ร่วมโพสต์เฟซบุ๊คแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับพ.ร.บ.ฉบับนี้


เสียงนกหวีดยังคงดังถึงปลายเดือนธันวาคมและมีแนวโน้มสูงว่าดังข้ามปี

อาหรับสปริง
การลุกฮือของประชาชนที่มีแต่สองมือเปล่าเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมจากผู้นำในหลายประเทศวันนี้ ส่วนหนึ่งอาจต้องขอบคุณปรากฏการณ์ อาหรับ สปริง (Arab Spring) คลื่นปฏิวัติการเดินขบวน-การประท้วงซึ่งเกิดขึ้นในโลกอาหรับตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ.2553
ผู้ปกครองเผด็จการถูกโค่นจากอำนาจใน ตูนิเซีย ผ่านการปฏิวัติที่เรียกว่า 'การปฏิวัติดอกมะลิ' ดอกมะลิเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติตูนิเซีย เป็นการปฏิวัติที่ใช้กระบวนการเชิงวาทกรรมกับการใช้สัญลักษณ์ในการเร่งเร้าอารมณ์และระดมผู้คนเข้าร่วมการขับเคลื่อนทางสังคม เพื่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง


ตามมาด้วย อียิปต์ ลิเบีย เยเมน จากนั้นการกำเริบของพลเมืองก็อุบัติขึ้นใน บาห์เรน ซีเรีย การประท้วงใหญ่ยังเกิดขึ้นใน อัลจีเรีย อิรัก จอร์แดน คูเวต โมร็อกโก ซูดาน และการประท้วงเล็กๆ ใน เลบานอน มอริเตเนีย โอมาน ซาอุดีอาระเบีย จิบูตี และ เวสเทิร์นสะฮารา

การประท้วงมีเทคนิคการดื้อแพ่งร่วมกันในการรณรงค์ต่อเนื่อง เช่น การนัดหยุดงาน การเดินขบวน การเดินแถว การชุมนม เช่นเดียวกับการใช้โซเชียลมีเดียในการจัดระเบียบ สื่อสารและสร้างความตระหนักเมื่อเผชิญกับความพยายามของรัฐในการปราบปรามและตรวจพิจารณาอินเทอร์เน็ต

อ้างอิง : เว็บไซต์ theguardian.com, worldpolicy.org, letyoulearn.wordpress.com, th.wikipedia.org,