ภาสกร โมระศิลปิน ไดอารีฉบับแซ็กโซโฟน

อนันต์ ลือประดิษฐ์ เขียนถึงผลงานใหม่ของนักแซ็กโซโฟนดาวรุ่งที่น่าจับตา เขากำลังจะมีคอนเสิร์ตที่บราวน์ชูการ์ในวันอาทิตย์ที่ 16 ก.พ.ศกนี้
แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ค่ายเพลงใหญ่ต่างหันไปสนใจธุรกิจใหม่ โดยปล่อยวงการเพลงทิ้งไว้อย่างไม่สนใจ แต่ทัพศิลปินฝีมือดีรุ่นหลังก็ไม่ปล่อยให้เวลาผ่านเลยไป โดยไม่จำเป็นต้องศิโรราบต่อทุนบันเทิง พวกเขาเลือกที่จะผลิตผลงานเอง โปรดิวซ์และบันทึกเสียงเอง ด้วยพลังสร้างสรรค์ที่มีอยู่อย่างมากล้น
My Diary ของ มินท์ ภาสกร โมระศิลปิน เป็นตัวอย่างของงานเพลงสร้างสรรค์ โดยฝีมือของศิลปินไทยรุ่นใหม่ ซึ่งสวนทางกับสภาพอันอับเฉาของอุตสาหกรรมเพลงไทยวันนี้เป็นอย่างยิ่ง
มินท์ ภาสกร อาจจะเป็นชื่อใหม่ในสายตาของผู้คนภายนอก แต่ในแวดวงแจ๊ส ต่างรู้จักเขามานานพอสมควร ในฐานะดาวรุ่งแซ็กโซโฟนที่ฉายแววความโดดเด่นในชั้นเชิงทางดนตรี ตั้งแต่ปีแรกๆ ที่เขาเข้าศึกษาที่คณะดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากรเลยด้วยซ้ำ
ผ่านเวทีประกวดและคว้ารางวัลมาบ่อยครั้ง หลังจากฝึกฝนวิทยายุทธ ร่ายลำนำสำเนียงบ็อพอันเป็นภาษาบังคับของแจ๊สร่วมสมัยแล้ว เมื่อก้าวออกสู่ยุทธจักรภายนอกรั้วสถาบัน มินท์ ไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในฐานะมือแซ็กประจำวง “อินฟินิตี้” อยู่หลายปี เช่นเดียวกันกับการขอเรียน “มาสเตอร์คลาส” กับจอมยุทธทั้งหลาย ทั้งไทยและต่างประเทศ
วันดีคืนดี เมื่อทุกอย่างพร้อม มินท์ กับเพื่อนๆ ก็ตัดสินใจเดินเข้าห้องอัด เพื่อทำงานเดี่ยวชุดแรกในชีวิตจนคลี่คลายออกมาเป็นผลสำเร็จ นับเป็นเรื่องน่าภาคภูมิใจกับความมานะพยายามของนักดนตรีหนุ่มคนนี้ นับจากวันที่เขาตัดสินใจก้าวสู่เส้นทางสายดนตรี
นอกจาก มินท์ ในตำแหน่งโซปราโนและเทเนอร์ แซ็กโซโฟน แล้ว นักดนตรีในวงล้วนเป็นศิษย์เก่าของคณะดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ไม่ว่าจะเป็น ซอล สร้างสรรค์ วัฒนกุล มือเปียโน , อัฐ วารินทร์ ถาธัญ มือเบส และ สำลี สถิตพร สมพงษ์ มือกลอง โดยมี แนท บัณฑิตา ประชามอญ ศิษย์เก่าจากวิทยาลัยดนตรี มหาวิทยาลัยรังสิต ที่มาฝากเสียงร้องอันไพเราะไว้ 2 เพลงด้วยกัน
ในอัลบั้ม My Diary บรรจุเพลงไว้ 7 แทร็คด้วยกัน เปิดและปิดท้ายด้วยเพลง Slide อันเป็นบทประพันธ์ของ มินท์ เอง เช่นเดียวกับบทเพลงอื่นๆ ที่มินท์ ฝากฝีมือการแต่งเพลงไว้ ยกเว้น One Note Samba จากปลายปากกาของ อันโตนิโอ คาร์ลอส โจบิม, Time in the Bottle เพลงเก่าของ จิม โครเซ และเพลง นกขมิ้น ของครูพยงค์ มุกดา ที่เขานำมาเรียบเรียงใหม่ ใส่ลายเซ็นต์ของตัวเองเอาไว้อย่างชัดแจ้ง
เปิดตัวด้วย Slide ที่ขับเคลื่อนอย่างเต็มด้วยพลังและความมั่นใจ เริ่มตั้งแต่โมทิฟแรกที่แซ็กนำเสนอ ก่อนจะปล่อยให้ภาคดนตรีสื่อสารสนทนากันอย่างออกรส ทั้งเบส คีย์บอร์ด และกลอง ที่รุกรับกันอย่างเข้าขาและแม่นยำในทิศทาง ถือเป็นเพลงที่ให้พื้นที่อย่างเพียงพอแก่ “ภาคคีตปฏิภาณ” โดยนักดนตรีมีเสรีภาพอย่างเต็มที่ ในการ “ปล่อยไอเดีย” อันพร่างพรูออกมา โดยเฉพาะอิมโพรไวเซชั่นของ มินท์ ที่ทั้งกรู้ฟในชีพจร และรักษาเมโลดิกไลน์ในเวลาเดียวกัน
ราวกับรับรู้ถึงสภาพเต็มอิ่มอย่างถึงขีดสุดของจังหวะเพลงบอสซา โนวา ที่ท่วมท้นสังคมไทยมาช้านาน มินท์ เลือกเพลง One Note Samba มาปรับใหม่ โดยยังคงรักษาไอเดียในการเปลี่ยนเฉดสีสันของคอร์ดผ่านโน้ตตัวเดียวกันตามที่ โจบิม ทำไว้ แต่ปรับกรู้ฟและบรรยากาศรวมของเพลงเสียใหม่ ให้ลงดิ่งลึกลงราวกับการเดินทางในความฝันและจิตใต้สำนึก ไฮไลท์ของเพลงนี้คือช่วงดูเอ็ทระหว่างแซ็กฉบับเซอร์กับเบสฉบับหลอน ที่เลื่อนไหลไปอย่างไร้ที่ติจริงๆ
เช่นเดียวกับกรณีของ Time in the Bottle มินท์ เลือกจะตีความให้แตกต่างจาก “ออริจินัล เวอร์ชั่น” โดยจัดวรรคตอนของเพลงใหม่ให้สอดรับกับไอเดียในแนวทางแจ๊สร่วมสมัยของเขา โดย ซอล ฝากไลน์โซโลอันงดงามไว้ เช่นเดียวกันกับเสียงร้องของ แนท ที่ทิ้งท้ายอย่างน่าประทับใจ
หาก Slide เผยให้เห็นพลังในการขับเคลื่อนเพลง คงต้องบอกว่า The Shadow in the Darkness ยิ่งปะทุความร้อนแรงท่ามกลางความมืดมิดก็ว่าได้ เริ่มตั้งแต่ โมทิฟ และเฮดของเพลง จนถึงช่วงอัพเทมโป เมื่อเบสวอล์คด้วยความเร็วปานกามนิต ไลน์แซ็กของ มินท์ ตามเพื่อนไปติดๆ เช่นเดียวกันกับการควบฉาบและกลองของสำลี ที่ซัพพอร์ททุกคนไว้ โดยมีกรอบทางเดินคอร์ดจากปลายนิ้วที่ ซอล วางทิศทางไว้อย่างเหนียวแน่น ถือเป็นมาสเตอร์พีซของอัลบั้มนี้อย่างยากปฏิเสธ
ทุกอย่างแปรเปลี่ยนไปสู่อีกบรรยากาศหนึ่งใน Nok Khamin ที่ให้ความรู้สึกเวิ้งว้างอยู่ในที สำเนียงโซปราโนของมินท์ พาเราไปสัมผัสตัวตนอีกด้านของนักแซ็กคนนี้ ที่สะท้อนถึง “ดีเอ็นเอความเป็นไทย” อย่างเต็มเปี่ยม โดยมีน้ำเสียงของ แนท บัณฑิตา นักร้องแจ๊สรุ่นใหม่ที่น่าจับตา ทว่าในเพลงนี้ เธอเลือกจะถ่ายทอดในแบบฉบับของการเอื้อนเสียงที่บ่งบอกถึงอิทธิพลของเพลงไทย(เดิม)ในสายเลือด
ซอล เดี่ยวเปียโนเข้าสู่เพลง Sandglass ก่อนจะเปิดทางให้ มินท์ บรรเลงบทเพลงบัลลาดผ่านเสียงเทเนอร์แซ็กของเขา จนถึงช่วงเบสและกลองเข้าสู่การผสมวง เสียงสแนร์ในเพลงนี้อาจจะฟังดู “อาร์ติฟิเชียล” และไม่เป็นธรรมชาติไปสักหน่อย แต่โดยภาพรวม จัดเป็นอีกหนึ่งเพลงที่น่าจะโดนใจคนฟังหมู่มาก ด้วยแนวทำนองที่คุ้นหูและไม่สลับซับซ้อนจนเกินไป
My Diary ของ มินท์ ภาสกร โมระศิลปิน นับเป็นตัวอย่างชั้นดีของงานเพลงคุณภาพที่ให้ความหวังแก่มิตรรักนักเพลงทุกคนว่า สังคมไทยมิได้อับจนคนเก่งคนดีเสมอไป และผมเชื่อมั่นว่า หลังจาก มินท์ ภาสกร แล้ว ยังมีกองทัพนักดนตรีแจ๊สรุ่นใหม่ที่จะทยอยสร้างงานเพลงออกมาให้พวกเราได้ชื่นชมกันอย่างต่อเนื่อง
เตรียมตัวเตรียมใจ ให้การสนับสนุนกันได้เลยครับ.
..........................................................
หมายเหตุ : หากซื้อหาอัลบั้มชุดนี้ไม่ได้ โปรดติดต่อ มินท์ ภาสกร โดยตรงได้ทางเฟซบุ๊คที่ facebook.com/passakorn morasilpin
นอกจากนี้ ขอเชิญพบกับ 'Mint Passakorn Quartet' นำโดย 'มิ้นท์ ภาสกร' นักแซ็กโซโฟนแนวหน้าของเมืองไทย พร้อมกับนักร้องสาวเสียงดี 'ฟางข้าว The Voice' ที่จะมาร่วมบรรเลงบทเพลงแจ๊สสุดคลาสสิคในรูปแบบใหม่ที่ทำให้ท่านรู้สึกสนุกและตื่นเต้น วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 15.00 - 16.00 น. @Brown sugar the jazz boutique
บัตรราคา 500 บาท ซื้อบัตรได้แล้ววันนี้โทร 082-786-7005 081-846-6177
ดูรายละเอียดได้ที่ https://www.facebook.com/events/207170426143683/?ref=22